2 โครินธ์ 1.19-20

          พระวจนะสำหรับวันนี้ได้บอกว่า บรรดาพระสัญญาของพระเจ้าก็จริงโดยพระเยซู เพราะเหตุนี้เราจึงพูดว่าอาเมน โดยพระองค์เป็นที่ถวายเกียรติแด่พระเจ้า
 มีสองคำที่คริสเตียนทั่วโลกใช้กัน ไม่ว่าเป็นเผ่าไหน ชนชาติไหน หรือภาษาไหนก็ตาม คือ “ฮาเลลูยาห์” กับ “อาเมน”   เป็นภาษาสวรรค์และเป็นภาษาฝ่ายวิญญาณที่พระเจ้าประทานให้   แต่คริสเตียนบางคนไม่ค่อยเข้าใจความหมายที่แท้จริง   บางคนจึงใช้อย่างผิด และบางคนไม่ค่อยใช้   ทั้งสองกรณี ก็ไม่ควร 
 คำว่า “ฮาเลลูยาห์” หมายความว่า จงสรรเสริญพระเจ้าเถิด   ส่วนคำว่า อาเมนนั้น หมาย ความว่า เป็นจริง ขอให้เป็นอย่างนั้น
          สิ่งที่น่าสนใจมากประการหนึ่ง ก็คือ อาเมนเป็นพระนามของพระเจ้า   “ดังนั้น ผู้ใดที่ขอพรให้ตนเองในแผ่นดิน จะขอพรให้ตนเองในพระนามพระเจ้าแห่งสัจจะ และผู้ใดที่สาบานในแผ่นดิน จะสาบานในนามพระเจ้าแห่งสัจจะ” (อสย. 65.16)   ที่นี่ คำว่า “พระเจ้าแห่งสัจจะ” ก็หมายถึง “พระเจ้าแห่งอาเมน”  เรียกพระเจ้าว่า อาเมน   นอกจากแล้ว อาเมนเป็นพระนามของพระเยซูด้วย   เมื่อยอห์นได้เขียนจดหมายส่งไปยังคริสตจักรเลาดีเซีย ก้ได้แนะนำพระเยซูว่า “พระองค์ผู้ทรงเป็นพระอาเมน ทรงเป็นพยานที่ซื่อสัตย์และสัตย์จริงและทรงเป็นปฐมเหตุแห่งสิ่งสารพัด” (วิวรณ์ 3.14)    
 เรามักจะพูดว่า อาเมน เมื่ออธิษฐานเสร็จแล้ว หรือเมื่อเราฟังคำเทศนา หรือคำพยานที่ถูกใจและซาบซึ้ง   เราควรใช้ภาษาฝ่ายวิญญาณที่พระเจ้าประทานให้อย่างถูกต้องโดยเข้าใจความหมายของภาษานั้น  เพราะพระเจ้าทรงประทานให้เราใช้
        ในคริสตจักรแห่งหนึ่ง มีคุณป้าคนหนึ่งที่มีชื่อเล่นว่า อาเมน  ทุกครั้งเมื่อศิษยาภิบาลเทศนาพระวจนะของพระเจ้า คุณป้าคนนั้นได้ตอบสนองด้วยบอกเสียงดังว่า อาเมน ทำให้สมาชิกบางคนที่ง่วงนอน หรือที่มีใจลอยอยู่ ได้ตื่นขึ้นและตั้งใจฟังคำเทศนา เมื่อคนเหล่านั้นได้เข้าใจพระวจนะของพระเจ้าแล้ว ก็ตอบสนองด้วยอาเมนเช่นเดียวกัน   ลูกสะไภของเขาได้เตือนว่า “คุณแม่ ควรรักษาความเป็นผู้ใหญ่  พูกว่า อาเมนก็ดี แต่น่าจะพูดด้วยเสียงเบ่าหนอย”  คุณป้าคนนั้นก็บอกว่า “ทราบแล้ว แต่แม่พยายามปิดปาก จะไม่พูด  แต่อาเมนออกมาก่อน จะทำอย่างไรดี”   เพราะเหตุนี้ คริสตจักรนั้นเต็มไปด้วยอาเมน แล้วเพิ่มพูนมากยิ่งขึ้น จนขยายและสร้างโบสถ์   คริสตจักรใดก็ตาม ถ้าอาเมนเย็นลง คริสตจักรก็หยุดการเพิ่มพูน  ถ้าร้นรอนด้วยอาเมน คริสตจักรก็เพิ่มพูน
 ทำไมเราต้องพูดว่า อาเมน  เพราะว่าพระคัมภีร์บอกเราให้อาเมน  การที่เราพูดว่าอาเมนเมื่ออธิษฐานเสร็จแล้ว หรือฟังคำเทศนา ก็ถูกต้องตามแนวพระคัมภีร์   เฉลยธรรมบัญญัติบทที่ 27 เป็นบทแห่งอาเมน  ในบทที่ 27นั้น มีคำแช่งสาป 12 ประการ   พระเจ้าให้ชนชาติอิสราเอลบอกว่า อาเมน เมื่อพวกอิสราเอลสัญญาว่าจะเชื่อคำตรัสของพระเจ้า แม้ว่าเป็นคำแช่งสาปก็ตาม  เช่น “ผู้ใดที่กระทำรูปเคารพเป็นรูปสลักหรือรูปหล่อ ซึ่งเป็นสิ่งที่พึงรังเกียจแด่พระเจ้า เป็นสิ่งที่ทำด้วยฝีมือช่าง และตั้งไว้อย่างลับๆ ให้ผู้นั้นถูกสาปแช่ง ให้ประชาชนทั้งปวงตอบพร้อมกันและกล่าวว่า อาเมน” (ฉธบ. 27.15) 
 “จงถวายสาธุการแด่พระเยโฮวาห์พระเจ้าของอิสราเอล แต่นิรันดร์กาลจนถึงนิรันดร์กาล และขอประชาชนทั้งปวงกล่าวว่า อาเมน จงสรรเสริญพระเจ้าเถิด” (สดด. 106.48)
               สาเหตุประการที่สอง คริสเตียนในสมัยพันธสัญญาใหม่ก็ชอบที่จะใช้คำว่า อาเมน
เมื่อเปาโลอธิบายถึงของประทานฝ่ายวิญญาณในการพูดภาษาแปลกๆ เปาโลบอกว่า“มิฉะนั้นเมื่อท่านขอบพระคุณพระเจ้าด้วยใจแล้ว คนที่อยู่ในพวกที่รู้ไม่ถึงจะว่า อาเมน เมื่อท่านโมทนาพระคุณ อย่างไรได้ ในเมื่อเขาไม่เข้าใจสิ่งที่ท่านพูด” (1โครินธ์ 14.16)   เพราะการอธิษฐานด้วยภาษาแปลกๆ เป็นการอธิษฐานฝ่ายวิญญาณ คนส่วนใหญ่ไม่เข้าใจเนื้อหาคำอธิษฐานนั้น จึงกล่าวว่า อาเมนไม่ได้   หมายความว่า เมื่อคริสเตียนในสมัยแรกฟังพระวจนะของพระเจ้า และเข้าใจและซาบซึ้ง พวกเขาได้ตอบพร้อมกันและกล่าวว่า อาเมน
 สาเหตุประการที่สาม   พระเยซูผู้ทรงเป็นอาเมน ก็ทรงใช้คำว่า อาเมนบ่อยๆ   เมื่อพระเยซูทรงเทศนา พระองค์ตรัสในพระธรรมยอห์นว่า “เราบอกความจริงแก่ท่านทั้งหลาย”   ความจริงที่นี่ คือ อาเมน  ในพระคัมภีร์ภาษากรีกได้บอกว่า “อาเมน อาเมน  เลโค ฮิวมิน”  แปลตรงว่า เราบอกท่านทั้งหลายจริงๆ  ใช้คำนี้สองครั้ง 
              เมื่อเรากลับมาดูพระวจนะสำหรับวันนี้ คือ 2โครินธ์ 1.19  พระเยซูผู้ทรงเป็นพระอาเมนนั้น ไม่ใช่ จริง หรือ ไม่จริง ส่งๆไป แต่โดยพระองค์นั้นล้วนแต่จริงทั้งสิ้น   เพราะฉะนั้น เราควรกล่าวว่า อาเมน เมื่อเราเข้าใจพระวจนะของพระเจ้า หรือเมื่อเราฟังพระคำที่ถูกใจเรา หรือเราซาบซึ้ง   เราควรเป็นคนของอาเมน  ความเชื่อของเราควรเป็นความเชื่อแห่งอาเมน    ความเชื่อแห่งอาเมนเป็นความเชื่อแบบไหน

1.  เป็นความเชื่อที่เชื่อในพระสัญญาของพระเจ้าโดยไม่สงสัย
 เพราะว่าพระบุตรของพระเจ้า คือพระเยซูคริสต์ ผู้ซึ่งข้าพเจ้ากับสิลาวนัสและทิโมธีได้ประกาศแก่พวกท่านนั้นไม่ใช่ จริง ไม่จริง ส่งๆไป แต่โดยพระองค์นั้นล้วนแต่
จริงทั้งสิ้น (19)
 การที่เราตอบว่า จริง นั้น เป็นการสารภาพแห่งความเชื่อในเรื่องนั้น   เมื่อเรากล่าวว่า อาเมน ในขณะที่ฟังพระวจนะของพระเจ้า  ก็คือเราสารภาพความเชื่อของเราในพระวจนะของพระองค์   พระคัมภีร์เป็นคำสัญญาของพระองค์   พระเจ้าทรงสัญญาว่า พระองค์จะช่วยมนุษย์เราให้รอดพ้นจากความบาปและความตายผ่านทางพระเยซูคริสต์   พระคัมภีร์ถูกออกเป็นสองภาค   ภาคแรก เราเรียกว่า พันธสัญญาเดิม ได้พยากรณ์ไว้ว่า พระเยซูคริสต์จะเสด็จมาเพื่อจะช่วยมนุษย์ให้รอด
 พระเจ้าของเราเป็นพระเจ้าผู้ทรงกระทำพันธสัญญากับเรา   ในพระคัมภีร์มีคำสัญญาของพระองค์มากมาย  พระเจ้าผู้ทรงกระทำพันธสัญญา ก็รักษาพันธสัญญาของพระองค์   แต่ไม่เหมือนมนุษย์ที่พูดแล้วลืม หรือไม่ได้รักษา หรืออาจบอกได้ว่า ไม่สามารถที่จะรักษาได้   พระคัมภีร์ได้บอกว่า “พระเจ้ามิใช่มนุษย์จึงมิได้มุสา และมิได้เป็นบุตรของมนุษย์จึงไม่ต้องกลับใจ ที่พระองค์ตรัสไปแล้ว พระองค์ก็จะมิทรงกระทำตามหรือ ที่พระองค์ทรงลั่นวาจาแล้ว จะไม่ทรงกระทำให้สำเร็จหรือ” (กันดารวิถี 23.19)
 ในข้อ 20 ตอนต้นได้กล่าวไว้ว่า บรรดาพระสัญญาของพระเจ้าก็จริงโดยพระเยซู  พระเจ้าทรงเรียกร้องให้เรามีความเชื่อในพระวจนะของพระเจ้า   ให้เรามีความเชื่อ เพราะพระองค์ทรงตรัสว่า พระองค์จะกระทำให้สำเร็จ   ถ้าเราเชื่อในคำสัญญาของพระองค์ พระองค์จะทรงกระทำให้   เมื่อเราเชื่อแล้ว ความเชื่อนั้นต้องถูกสำแดงออก เป็นคำสารภาพว่า อาเมน 

2. เป็นความเชื่อที่ยอมทุกสิ่งและเชื่อฟังพระเจ้า
 เพราะว่าพระบุตรของพระเจ้า คือพระเยซูคริสต์ ผู้ซึ่งข้าพเจ้ากับสิลาวนัสและทิโมธีได้ประกาศแก่พวกท่านนั้นไม่ใช่ จริง ไม่จริง ส่งๆไป แต่โดยพระองค์นั้นล้วนแต่
จริงทั้งสิ้น (19)
 เมื่อเราตอบว่า จริง ใช่ หรือ ครับผม  ก็หมาย ถึง จะเชื่อฟัง   พระเยซูทรงเป็นพระอาเมน ไม่ใช่ จริง ไม่จริง ส่งๆไป ในพระองค์นั้นล้วนแต่เป็นจริงทั้งสิ้น   พระเยซูทรงยอมฟังพระเจ้า     “เมื่อทรงปรากฎพระองค์ในสภาพมนุษย์แล้วพระองค์ก็ถ่อมพระ องค์ลงยอมเชื่อฟังจนถึงความมรณา กระทั่งความมรณาที่กางเขน”(ฟีลิปปี 2.8)
   เราควรเชื่อฟังพระเจ้าทุกประการ   ถ้าเป็นน้ำพระทัยของพระเจ้า เราควรเป็นผู้เชื่อฟังและปฎิบัติตามโดยไม่มีเงื่อนไข   ไม่น่าใช้สมองและคิดว่า ถ้าทำแล้ว เราจะเสีย หาย เสียเปรียบ หรือได้รับประโยชน์   ถ้าเป็นน้ำพระทัยพระเจ้า เราควรเชื่อฟังด้วยสุดจิตสุดใจและสิ้นสุดกำลังของเรา   เหมือนหนังสือ “ตามร้อยพระบาท”  
 ซามูเอลกล่าวว่า พระเจ้าทรงพอพระทัยในเครื่องเผาบูชาและเครื่องสัตวบูชามากเท่ากับการที่จะเชื่อฟังพระสุระเสียงของพระองค์หรือ  ดูเถิด ที่จะเชื่อฟังก็ดีกว่าเครื่องสัตวบูชาและซึ่งจะสดับฟังก็ดีกว่าไขมันของบรรดาแกะผู้ (1ซามูเอล 15.22)     
  มีผู้สมัครพระสองคนไปเยี่ยมวัด  เมื่อพบเจ้าอาวาส บอกว่า “ขอรับเราทั้งสองเป็นลูกศิษของท่าน”   เจ้าอาวาสยินดีที่จะรับ และพาสองคนไปสวนด้านหลังวัด  และมอบต้นไม้สองสามต้น แล้วบอกว่า “เราจะออกไปทำธุระ แล้วจะกลับมา  จงปลูกต้นไม้เหล่านี้ให้กิ่งถูกฝังใต้ดินและให้รากอยู่บนอากาศ”   ภายหลังเมื่อเจ้าอาวาสกลับมา ดู ปรากฎว่า คนหนึ่งได้ปลูกต้นไม้ตามที่สั่งไว้ แต่อีกคนหนึ่งยังถือต้นไม้และท้วงว่า “ทำไมท่านให้ปลูกต้นไม้ตรงกันข้าม ปลูกให้รากถูกฝังอยู่ใต้ดินแล้วจะเจริญขึ้นมิใช่หรือ”   แล้วเจ้าอาวาสพูดอย่างเด็ดขาดว่า “คุณต้องกลับบ้าน คุณจะเป็นลูกศิษของเราไม่ได้”   ใช่แล้ว ถ้าจะเป็นลูกศิษของเจ้าอาวาส การเชื่อฟังจำเป็นจริงๆ   ความเชื่อแห่งอาเมนทำให้เราเชื่อฟังตามพระวจนะของพระเจ้าได้
 
3.  เป็นความเชื่อที่ถวายพระเกียรติแด่พระเจ้า
               บรรดาพระสัญญาของพระเจ้าก็จริงโดยพระเยซู เพราะเหตุนี้เราจึงพูดว่าอาเมน โดยพระองค์เป็นที่ถวายเกียรติแด่พระเจ้า (20)
     การถวายพระเกียรติแด่พระเจ้าเป็นจุดประสงค์ของชีวิตเราอันดับแรก   ทำอย่างเราจะเป็นที่ถวายพระเกียรติแด่พระเจ้าได้   เมื่อเราตอบสนองต่อพระวจนะของพระเจ้าด้วยการกล่าวว่า อาเมน เราจะเป็นที่ถวายพระเกียรติแด่พระเจ้าได้  
     เมื่อเอสราเปิดหนังสือ ประชาชนอิสราเอลได้ยืนขึ้น  เอสราสรรเสริญพระเจ้าผู้ยิ่งใหญ่  ประชาชนทั้งปวงตอบว่า อาเมน อาเมน พร้อมกับยกมือขึ้นและโน้มตัวลงนมัสการพระเจ้า ซบหน้าถึงลงถึงดิน (เนหะมีย์ 8.5-6) 
     เมื่อเราพูดว่า อาเมน  เราได้เห็นด้วยกับพระวจนะของพระเจ้า  ใช่แล้ว จริง ครับผม เชื่อในคำสัญญาของพระเจ้า ซึ่งปรากฎอยู่พระคัมภีร์  และยิ่งกว่านั้น เราก็บอกกับพระเจ้าว่า เราจะเชื่อฟัง  ปฎิบัติตามพระวจนะนั้น  พระองค์จึงพอพระทัย และรับเกียรติ    
เมื่อเราตอบสนองด้วยการกล่าวว่า อาเมน มิใช่เพียงแต่ทำให้พระเจ้ารับเกียรติเท่านั้น เราก็ได้รับพระพรเป็นของขวัญด้วย   เมื่อพระองค์ทรงพอพระทัย พระองค์ก็ทรงโปรดให้ใจของเราเต็มไปด้วยสันติสุขด้วย 
ดร. ฮวังซู ควันเน้นเสมอว่า เมื่อเราหัวเราะ สุขภาพของเราจะดีแข็งแรง เพราะฮอร์โมน เอ็นดอร์พินได้ออกมา   ต่อมา ดร.ฮวังได้ทำยารักษาโรค และตั้งชื่อว่า ยาอาเมน  แล้วบอกว่า เมื่อเราบอกว่า อาเมน สุขภาพของเราแข็งแรงกว่าเมื่อเราหัวเราะ เพราะว่า พระเจ้าได้ทรงกระทำให้  ฉะนั้น ยาอาเมนเป็นยายอดเยี่ยม
พระนามของพระเจ้า และพระเยซู คือพระอาเมน   พระคัมภีร์ขอร้องให้เรากล่าว อาเมน   ผู้ที่เชื่อพระเจ้าทั้งในสมัยพันธสัญญาเดิมและสมัยพันธสัญญาใหม่ได้ตอบสนองต่อพระวจนะของพระเจ้าด้วการกล่าวว่า อาเมน  ยิ่งกว่านั้น พระเยซูผู้ทรงเป็นพระอาเมน ก็ใช้บ่อยๆ   และเราจะอาเมน เมื่อเราไปแผ่นดินสวรรค์  เราจึงควรเป็นคนของอาเมน  ความเชื่อของเราควรเป็นควรามเชื่อแห่งอาเมน ที่เชื่อในคำสัญญาของพระเจ้า ที่จะเชื่อฟังและปฎิบัติตามพระวจนะนั้น และจะเป็นที่ถวายพระเกียรติแด่พระเจ้า 
ในขณะที่ฟังคำเทศนา ถ้าพระคำของพระเจ้าถูกใจเรา หรือเราดลพระคำของพระเจ้า  อย่าอดทน แต่ตอบด้วยบอกว่า อาเมน  ขอพระเจ้าทรงอวยพรเราให้เป็นคนของอาเมน