เอเฟซัส 2.20-22

            พระคัมภีร์มักจะใช้คำอุปมาอุปไมยบางคำเพื่อจะอธิบายถึงคริสตจักร   คำอุปมา อุปไมยที่ถูกใช้บ่อยมากมีสามคำ อาทิ พระกายของพระคริสต์  ครอบครัวของพระเจ้า และตึกของพระเจ้า    พระวจนะของพระเจ้าสำหรับวันนี้ได้พูดถึงคริสตจักรเป็นตึกของพระเจ้า  นั่นคือวิหารอันบริสุทธิ์ของพระเจ้า ซึ่งเป็นที่สถิตของพระองค์   พระคัมภีร์ได้กล่าวไว้ว่า “เพราะว่าเราทั้งหลายร่วมกันทำงานเพื่อพระเจ้า   ท่านทั้งหลายเป็นไร่นาของพระเจ้า และเป็นตึกของพระเจ้า” (1โครินธ์ 3.9) 
พระราชวังเป็นที่อยู่ของพระราชา  ทำเนียบขาวเป็นที่ทำการและที่พักอาศัยของประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา   บ้าน คอนโดมิเนียม หรืออพาร์ต์เมนต์เป็นที่พักอาศัยของมนุษย์เรา   คอกเป็นที่อาศัยของสัตว์เลี้ยง   ถ้ำเป็นที่อาศัยของสัตว์ป่า   เช่นเดียวกัน วิหารเป็นที่สถิตของพระเจ้า    
    ในพระธรรมปฐมกาล พระเจ้าได้ทรงสร้างมนุษย์ให้ดำเนินกับพระเจ้า    เอโนคและโนอาห์ได้ดำเนินกับพระเจ้า   หลังจากอพยพ พระเจ้าได้ทรงตั้งพระทัยที่จะสถิตอยู่กับประชากรของพระองค์   ในช่วงแรก พระเจ้าได้ทรงสถิตในพลับพลา ต่อมา ทรงสถิตในพระวิหาร แต่เมื่อมนุษย์ได้กระทำผิด พระสิริของพระองค์ได้สูญเสียไป  ต่อมา พระเจ้าทรงสถิตอยู่ในพระเยซู ผู้ได้ทรงบังเกิดมาเป็นมนุษย์   แต่มนุษย์ได้ตรึงที่กางเขนเสีย   ในปัจจุบันนี้ พระเจ้าทรงสถิตอยู่ในคริสตจักร คือพระวิหารของพระองค์โดยพระวิญยาณบริสุทธิ์   พระเจ้าไม่ได้ทรงสถิตในวิหารต่างๆที่มนุษย์ก่อสร้างขึ้นมา แต่ทรงสถิตอยู่ในจิตใจของผู้ที่เชื่อในพระเยซูคริสต์และอยู่ในคริสตจักรส่วนรวม   เมื่อเราบอกว่า คริสตจักรเป็นตึกของพระเจ้า มีสามสิ่งที่ควรคิด ก็คือ รากฐาน โครงร่าง และหน้าที่ของคริสตจักร

1.รากของคริสตจักร (20)
    รากฐานของคริสตจักร คือพระเยซูคริสต์และรากฐานนี้ได้ถูกวางไว้โดยพวกอัครทูตและผู้เผยพระวจนะ   พระเยซูทรงเป็นรากและศิลามุมเอก  “เพราะว่าผู้ใดจะวางรากอื่นอีกไม่ได้แล้ว นอกจากที่วางไว้แล้ว คือพระเยซูคริสต์”(1โครินธ์ 3.11)  “พระเยซูคริสต์ทรงเป็นศิลามุมเอก”(3.20 ข)   ศิลามุมเอกต้องถูกวางลงด้วยความระมัดระวัง  มันสำคัญมากเพราะมันได้มัดโครงร่างแต่ละส่วนของตึกทั้งหมดไว้ให้มั่น   พระเยซูได้ทรงกระทำให้คนยิวกับคนต่างชาติเป็นอันหนึ่งอันเดียวในคริสตจักร   เรื่องนี้คงมีความหมายมากสำหรับทั้งคนยิวและคนต่างชาติในคริสตจักรเอเฟซัส   คนยิวอาจคิดถึงพระวิหารของเฮโรด ในกรุงเยรูซาเล็ม และคนต่างชาติคิดถึงวิหารของพระอารเทมิส (กิจการ 19.27)   วิหารทั้งสองแห่งเหล่านี้ได้ถูกทำลายเสียแล้ว แต่พระวิหารที่พระเยซูทรงเป็นรากนั้น ยั่งยืนอยู่ตลอดไปเป็นนิตย์   สาเหตุที่คริสเตียนคนต่างชาติได้เป็นพลเมืองเดียวกันกับธรรมิกชนและเป็นครอบครัวของพระเจ้าได้ เพราะพวกเขาได้ถูกประดิษฐานขึ้นบนรากที่พวก อัครทูตและผู้เผยพระวจนะได้วางไว้ คือพระเยซูคริสต์
     ความแข็งแรง ความสูง และความใหญ่ของตึกนั้นขึ้นอยู่กับรากฐาน   ที่ไหนที่มีรากของชีวิตเรา นอกจากพระเยซูคริสต์ผู้ได้ทรงเอาชนะมารร้ายและเป็นขึ้นมาจากความตาย ถ้าเราเอาพระเยซูมาเป็นรากแห่งชีวิตของเรา ต้อนรับพระเยซู เชื่อในพระนามของพระองค์  เราจะถูกก่อขึ้นเป็นวิหารของพระเจ้า และพระเจ้าทรงสถิตอยู่ในชีวิตของเรา   การที่เราเชื่อในพระเยซูได้นั้น ก็เพราะมีการประกาศของพวกอัครทูตและผู้เผยพระวจนะ  พวกอัครทูตและผู้เผยพระวจนะคงทำงานมากมาย แต่ที่สำคัญมากที่สุด ก็คือ ประกาศข่าวประเสริฐของพระเยซูคริสต์   เมื่อเราได้ถูกก่อขึ้นบนรากฐานที่มั่นคงแล้ว  เราควรแบ่งความมั่นคงนี้ให้แก่ผู้อื่นด้วยโดยการประกาศและเป็นพยานฝ่ายรากฐานนี้ คือพระเยซูคริสต์

2.โครงร่างของคริสตจักร (21)
      “ในพระองค์นั้นทุกส่วนของโครงร่างต่อกันสนิท และเจริญขึ้นเป็นวิหารอันบริสุทธิ์ในองค์พระผู้เป็นเจ้า” (21) 
จากข้อ 21 เราเห็นลักษณะพิเศษของโครงร่างอย่างชัดเจนสองประการ   ประการแรก คือทุกส่วนของโครงร่างต้องต่อกันสนิท   มีโครงร่างอันเดียว และมีหลายส่วนภายใต้โครงร่างนั้น  ทุกส่วนจำเป็นต้องต่อเข้าด้วยกัน แล้วตึกนั้นมั่นคง
คริสตจักรก็เช่นเดียวกัน   มีกายเดียว แต่ประกอบด้วยหลายๆคน  แต่ละคนก็ไม่เหมือนกัน  เบื้องหลัง บุคลิกลักษณะ นิสัย ความคิด ความเข้าใจ  ขนาดความเชื่อ ความเป็น อยู่ ของประทานฝ่ายวิญญาณ และอื่นๆก็แตกต่างกัน   เพราะเหตุนี้ เราจำเป็นต้องต่อเข้าสนิทด้วยกัน  ผูกพันกันและกันในพระเยซู   ไม่ใช่มานมัสการแล้ว กลับ แต่ควรเข้าไปมีส่วนในกลุ่มต่างๆของคริสตจักร   แบ่งสิ่งที่ตนมีอยู่และรับสิ่งที่ตนขาดซึ่งกันและกัน  แล้วคริสตจักรของเราจะแข็งแรง มีพลังพอที่จะรับใช้พระเจ้าอย่างมีประสิทธิภาพและเกิดผลได้
     ลักษณะพิเศษประการที่สองของโครงร่างนั้น คือทุกส่วนของโครงร่างต้องเจริญขึ้นเป็นวิหารอันบริสุทธิ์ในพระองค์พระผู้เป็นเจ้า   หมายความว่า คริสตจักรเป็นสิ่งมีชีวิตและกำลังเจริญขึ้น   คริสเตียนเป็นคนที่มีชีวิตใหม่ คือชีวิตของพระเยซู   ฉะนั้น เราควรยอมทุกสิ่งให้ชีวิตของพระเยซูได้จำเริญขึ้นภายในเรา 
ยิ่งกว่านั้น เราควรส่งเสริมคนอื่นให้จำเริญขึ้นในด้านสติปัญญา ความเลื่อมใสศรัทธา ความสุขและความบริสุทธิ์   ไม่มีใครยืนอยู่ด้วยตัวเองได้   เราทุกคนจำเป็นที่จะเสริมสร้างซึ่งกันและกันให้เจริญขึ้น “จนกว่าเราทุกคนจะบรรลุถึงความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันในความเชื่อ และในความรู้ถึงพระบุตรของพระเจ้า จนกว่าเราจะโตเป็นผู้ใหญ่เต็มที่ คือเต็มถึงขนาดความไพบูลย์ของพระคริสต์” (เอเฟซัส 4.13)

3.หน้าที่ของคริสตจักร (22) 
    “และในพระองค์นั้นท่านก็กำลังจะถูกก่อขึ้นให้เป็นที่สถิตของพระเจ้าในฝ่ายพระวิญญาณด้วย” (22)
พระเจ้าทรงให้ผู้ที่เชื่อแต่ละคนเข้าสู่โครงร่างของคริสตจักร ฉะนั้นเราแต่ละคนกำลังถูกก่อขึ้นร่วมกัน   วิหารของพระเจ้านั้นถูกสร้างยังไม่เสร็จ กำลังถูกสร้างอยู่เรื่อยๆ  ในขณะที่อาคารของคริสตจักรเรากำลังถูกสร้างขึ้นอยู่ ข้าพเจ้าได้มาดูเกือบทุกวัน  ทุกครั้งเมื่อมาดู รูปลักษณะตึกของเราไม่เหมือนเมื่อวาน  ก็เปลี่ยนไปเรื่อยๆ  ตอนแรกเห็นแต่ราก ต่อมา เห็นเสาหลัก ชั้น 1 ชั้น 2 ชั้น 3  ภายหลังก็เห็นผนัง  หลังคา ในที่สุด ก็เห็นกำแพง ก็เช่นเดียวกัน  เมื่อเราเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของโครงร่างของคริสตจักร เรากำลังถูกก่อขึ้นเรื่อยๆ  หมายความว่า ทุกอย่างไม่เหมือนเมื่อวาน ถูกสร้างใหม่  ไม่ว่าบุคลิกลักษณะ สภาพฝ่ายวิญญาณ  ความเชื่อ หรือการเป็นผู้ใหญ่ฝ่ายวิญญาณของเราก็ตาม ได้รับการสร้างใหม่  หมายความว่า ใหม่ทุกๆวัน  จึงวันนี้ใหม่กว่าเมื่อวาน  ปีนี้ใหม่กว่าปีที่แล้ว  ถึงแม้ว่า ทำงานสิ่งเดียวตลอดชีวิต แต่ไม่เบื่อ เพราะตัวเราเอง ซึ่งเป็นผู้ทำงานได้รับการเปลี่ยนใหม่กว่าเมื่อวาน ปีที่แล้ว หรืออดีต
      คำว่า “กำลังถูกก่อขึ้น” หมายความว่า ยังไม่สมบูลย์   ยังไม่เรียบร้อย  ยังไม่เสร็จ  ไม่มีคริสเตียนที่ดีรอบคอบอย่างสมบูลย์แบบ  แต่เราทุกคนกำลังมุ่งไปสู่ความไพบูลย์ของพระเยซู   เราจะเป็นเหมือนพระเยซูในวันที่พระองค์จะเสด็จกลับมา   เพราะฉะนั้น ในคริสตจักร ซึ่งเป็นครอบครัวของพระเจ้า เราไม่ควรวิพากษ์วิจารณ์ หรือกล่าวว่าคนอื่นเกินเหตุ แต่เราควรยอมรับซึ่งกันและกัน และอธิษฐานเผื่อซึ่งกันและกันด้วย เพราะทุกคนมีจุดเด่นและมีจุดอ่อนด้วย   ทุกคนเป็นเขดก่อสร้างอยู่ เรากำลังถูกก่อขึ้นในฝ่ายพระวิญญาณ  พูดอีกนัยหนึ่ง ก็หมายความว่า สิ่งที่ไม่อยากทำเมื่อวาน แต่วันนี้ทำด้วยความยินดีได้   เติบโตขึ้นเป็นผู้ใหญ่ฝ่ายวิญญาณ  ได้เข้าใจว่าการกระทำสิ่งที่ไม่อยากทำนั้นเป็นประโยชน์แก่ตัวเองและคนอื่นๆด้วย
จุดประสงค์ในการที่เราถูกก่อขึ้นนั้น ก็เพื่อจะเป็นที่สถิตของพระเจ้า   ในสมัยพันธสัญญาเดิม พระสิริของพระเจ้าได้อยู่ในพระวิหาร ซึ่งเป็นสัญลักษ์เล็งถึงพระเจ้าทรงสถิตอยู่กับประชากรของพระองค์   ในยุคปัจจุบัน พระเจ้าทรงสถิตอยู่ในวิหารใหม่ของพระองค์ ซึ่งมิได้ถูกสร้างด้วยวัสดุก่อสร้าง แต่ถูกสร้างด้วยผู้ที่เชื่อที่มีชีวิต  

      วิหารของพระเจ้า หมายถึงคริสตจักร และเน้นถึงการส่งเสริมคนอื่นให้โตเป็นผู้ ใหญ่ฝ่ายวิญญาณ   ให้เราเสริมสร้างซึ่งกันและกัน เพื่อให้เราทุกคนต่อเข้าสนิทกันในโครงร่างของคริสตจักร และถูกก่อขึ้นซึ่งกันและกัน แล้วพระเจ้าทรงสถิตอยู่กับเรา  
คริสตจักรพันธสัญญาใหม่ได้ถูกออกแบบให้ส่งเสริมซึ่งกันและกัน   แต่ในกลุ่มใหญ่นั้น คงยากที่จะส่งเสริมซึ่งกันและกัน   การส่งเสริมให้โตเป็นผู้ใหญ่ที่แท้จริงสามารถเกิดขึ้นได้ในโครงสร้างของกลุ่มย่อย  ให้เราส่งเสริมซึ่งกันและกัน เพื่อให้ทุก¤¹โตขึ้นเป็นผู้ใหญ่ฝ่ายวิญญาณไปเรื่อยๆ