ReadyPlanet.com
dot
dot
แจ้งเพื่อรับข่าวสารจากเรา

dot
dot
ทีรันนัสดอทคอม
dot
bulletสารจากผู้อำนวยการ
bulletประวัติทีรันนัส
bulletติดต่อเรา
bulletแผนที่
bulletสมุดเซ็นเยี่ยม
bulletข่าวสารจากทีรันนัส
dot
หนังสือแยกเป็นหมวดหมู่
dot
bulletหมวด คริสเตียนศึกษา
bulletหมวด การเทศนา
bulletหมวด อธิบายพระคัมภีร์
bulletหมวด คู่มือศึกษาพระคัมภีร์
bulletหมวด ชีวิตคริสเตียน
bulletหมวด เพิ่มพูนคริสตจักร
bulletหมวด การสร้างสาวก
bulletหมวด การประกาศ-มิชชั่น
dot
สำนักพิมพ์ ทีรันนัส
dot
bulletสมัครเป็นสมาชิก
bulletสมัครเป็นผู้แทนจำหน่าย
bulletหนังสือใหม่ล่าสุด
bulletหนังสือขายดีติดอันดับ
bulletหนังสือพิมพ์ซ้ำ
bulletวิธีสั่งซื้อสินค้าจากเรา
bulletศูนย์รับแจ้งสินค้ามีปัญหา
bulletแนะนำร้านหนังสือคริสเตียน
dot
Phon Phaiboon Church
dot
bulletคำเทศนาของศิษยาภิบาล
bulletข่าวสารจากคริสตจักร
dot
เว็บอื่นๆ
dot
bulletLink ลิ้งค์ไปเว็บคริสเตียน
bulletwww.thaichristians.net


องค์การ gpinternational
สหกิจคริสเตียนแห่งประเทศไทย
เว็บข่าวสารคริสเตียนไทย ทั่วฟ้าเมืองไทย ไม่แบ่งแยกคณะ บทความ  คำเทศนา  เรื่องสั้น  บทกลอน  แจกโฮมเพจเพื่อคริสตจักรในท้องถิ่น.... ฟังคำเทษนาออน์ไลน์  ลิ้งค์ไปเว็บต่างของคริสเตียนทั่วโลก   แหล่งซื้อขายของคริสเตียน  สิ่งดีๆที่คุณไม่ควรพลาดในเว็บไทยคริสเ
สมาคมพระคริสตธรรมไทย
คริสตจักรพรไพบูลย์


คำเทศนาเรื่อง ครอบครัวของพระเจ้า article

เอเฟซัส 2.17-19

               ศิลปินคนหนึ่งมีความปรารถนาที่จะวาดรูปที่สวยงามมากที่สุดในโลก จึงไปหาศาสนจารย์ และถามว่า “อะไรเป็นสิ่งที่สวยมากที่สุด”  อาจารย์ก็ตอบว่า “นั่นคือ ความเชื่อ  ไปคริสตจักรไหน ก็สำผัดได้”   เขาก็ถามคำถามอันเดียวกันกับผู้หญิงที่เพิ่งแต่งงาน   หญิงคนนั้นตอบว่า “แน่นอน คือความรัก ความรักทำให้ความยากจนก็กลายเป็นความมั่งมีได้ และน้ำตาไหลเป็นความหวานได้  ถ้าไม่มีความรัก ความสวยงามก็ไม่มี”   เขาก็ถามกับทหารที่สู้รบจนเหน็ดเหนื่อยด้วยคำถามเดียวกัน ทหารคนนั้นก็ตอบว่า “สันติสุกสวยมากที่สุดในโลก และสงครามเป็นสิ่งที่ชั่วร้ายที่สุด ที่ใดที่พบสันติสุข ที่นั้นคงจะพบความสวยงามด้วย”   ศิลปินคนนั้นได้คิดในใจว่า “ความเชื่อ ความรัก สันติสุข  จะวาดรูปอย่างไรดี”  
            เมื่อเขากลับมาและดูตาของลูกๆ ความเชื่ออยู่ในตานั้น  ความรักก็อยู่ในตาของภรรยา   และสันติสุขก็อยู่ในครอบครัวที่ได้ถูกสร้างไว้ด้วยความเชื่อและความรัก  ดังนั้นศิลปินคนนั้นได้วาดรูปที่สวยงามมากที่สุดในโลกได้ ก็คือ ครอบครัว
พระเจ้าทรงปรารถนาครอบครัว  พระองค์ทรงชอบพระทัยครอบครัว  จึงได้ทรงสถาปนาสถาบันครอบครัวเป็นครั้งแรก โดยนำเอวาไปยังอาดัมและทำพิธีแต่งงานให้   พระเจ้าได้ทรงสร้างเราทุกคนให้เป็นหนึ่งในครอบครัวนี้   พระคัมภีร์ได้เปรียบเทียบคริสตจักรกับครอบครัว และบอกว่า คริสตจักรเป็นครอบครัว   ในข้อ 19 ได้กล่าวไว้ว่า “เหตุฉะนั้นท่านจึงไม่ใช่คนต่างด้าวต่างแดนอีกต่อไป แต่ว่าเป็นพลเมืองเดียวกับธรรมิกชน และเป็นครอบครัวของพระเจ้า”  เราเป็นครอบครัวของพระเจ้า
              พระเยซูได้ทรงประกาศสันติสุขแก่คนยิว และประกาศแก่คนต่างชาติด้วย   คนยิวก็คืนดีกับพระเจ้าโดยพระเยซู   คนต่างชาติก็ได้คืนดีกับพระเจ้าโดยพระเยซูเช่นเดียวกัน   ทั้งสองฝ่ายได้คืนดีกับพระเจ้า พระบิดาโดยพระวิญญาณ  และในเวลาเดียวกัน ทั้งสองฝ่ายก็ได้คืนดีกันและกันโดยพระวิญญาณองค์เดียวกัน   เหตุฉะนั้น ผู้ที่เชื่อเป็นครอบครัวของพระเจ้า

1.  เราเป็นครอบครัวของพระเจ้าโดยการบังเกิดใหม่ 
             เมื่อผู้ชายกับผู้หญิงแต่งงาน ก็ได้คลอดลูก  พ่อแม่กับลูกๆ เหล่านี้ เราเรียกว่าครอบครัว   เด็กที่เกิดมาในครอบครัวใด เด็กคนนั้นก็เป็นหนึ่งในครอบครัวนั้น   ก็เช่นเดียวกัน เราทุกคนเป็นครอบครัวของพระเจ้าโดยการบังเกิดใหม่  
 ก่อนที่เราเชื่อพระเยซู เราเคยเป็นคนต่างชาติตามเนื้อหนัง  คำว่า “คนต่างชาติ” ที่นี่เป็นคำตรงกันข้ามกับคำว่า “พลเมือง”  เป็นคนที่ไม่มีสัญชาติ จึงไม่มีสิทธิที่จะอยู่ ที่จะทำงาน และที่จะใช้สิทธิในการเลือกตั้ง   เราไม่รู้จักพระเจ้า ไม่มีใจที่จะรู้จักพระเจ้าเลย   อยู่นอกพระคริสต์ ขาดจากการเป็นพลเมืองของแผ่นดินสวรรค์   นอกจากแล้ว เราเคยเป็นคนต่างด้าว   คำว่า “ต่างด้าว” หมายถึงแขกแปลกหน้า   เป็นคำตรงกันข้ามกับคำว่า “ครอบครัว”  ในสมัยก่อนนั้น ถ้าแขกไปเยี่ยมเมืองไหน ชาวเมืองนั้นต้อนรับเขา ให้พักผ่อนในกลางคืนในบ้านของตน  จัดอาหารและน้ำให้กินและดื่ม  แต่แขกนั้นไม่ได้รับหน้าที่และสิทธิอะไรในครอบครัวนั้นเลย 
 แต่พระเยซูได้เสด็จมาในโลก และประกาศข่าวประเสริฐแก่คนที่อยู่ไกล และประกาศแก่คนที่อยู่ใกล้ด้วย   คนที่อยู่ไกล หมายถึง คนต่างชาติเหมือนเรา  คนที่อยู่ใกล้ ก็หมายถึงคนอิสราเอล  คนต่างชาติก็รับเชื่อพระเยซู และได้รับสิทธิเป็นบุตรของพระเจ้า   คนอิสราเอลก็เช่น เดียวกัน  รับเชื่อพระเยซู และได้รับสิทธิเป็นบุตรของพระเจ้า   เพราะพระคัมภีร์บอกว่า “แต่ส่วนบรรดาผู้ที่ต้อนรับพระองค์  ผู้ที่เชื่อในพระนามของพระองค์  พระองค์ก็ทรงประทานสิทธิให้เป็นบุตรของพระเจ้า (ยอห์น 1.12)    และกาลาเทีย 3.26 ก็บอกเหมือนกันว่า “เพราะว่า ท่านทั้งหลายเป็นบุตรของพระเจ้าร่วมในพระเยซูคริสต์โดยความเชื่อ”  
 การที่เราเชื่อพระเยซูคริสต์ ก็เท่ากับการบังเกิดใหม่   คนที่บังเกิดใหม่ในครอบครัวของพระเจ้า ผู้นั้นก็เป็นหนึ่งในครอบครัวของพระเจ้า ชุมชนแห่งครอบครัวฝ่ายวิญญาณ นั่นคือ คริสตจักร   เราไม่ได้เป็นคนต่างชาติอีกต่อไป แต่เราเป็นพลเมืองเดียวกับธรรมิกชนทุกคน หรือเราไม่ได้เป็นแขกอีกต่อไป แต่เราเป็นเจ้าภาพในครอบครัวของพระเจ้า 

2.  เราจะได้รับผลประโยชน์ของการเป็นครอบครัวของพระเจ้า
                 เมื่อเราเป็นหนึ่งในครอบครัวของพระเจ้าแล้ว เราจะได้รับสิทธิพิเศษและสง่าราศรีมาก มาย   อันแรก พระเจ้าเป็นพระบิดาของเรา และเราก็เป็นบุตรของพระองค์   พระคัมภีร์ได้กล่าวไว้แล้วว่า “และเพราะท่านเป็นบุตรของพระเจ้าแล้ว พระองค์จึงทรงใช้พระวิญญาณแห่งพระบุตรของพระองค์ เข้ามาในใจของเรา ร้องว่า อาบา คือพระบิดา”(กาลาเทีย 4.6)
 คำว่า ครอบครัว ก็มีรากศัพท์เดียวกับคำว่า บิดา ในภาษากรีก   พระเจ้า พระบิดาผู้ทรงสถิตในสวรรค์ของเราได้ทรงต้อนรับเราเข้าสู่ครอบครัวของพระองค์ คือคริสตจักร   ครอบครัวแบบนี้ได้ถูกค้นพบในสองที่ คือในสวรรค์และบนแผ่นดินโลก   อจ.เปาโลได้บอกในเอเฟซัส 3.14-15 ว่า “เพราะเหตุนี้ ข้าพเจ้าจึงคุกเข่าต่อพระบิดา คำว่า บิดา ของทุกตระกูล ทุกชาติในสวรรค์ก็ดี ที่แผ่นดินโลกก็ดี มาจากคำว่า พระบิดา”   บรรดาผู้ที่เชื่อที่ล่วงหลับไปแล้ว ก็อยู่ในสวรรค์ และผู้ที่ยังมีชีวิตอยู่ในขณะนี้ก็อยู่บนแผ่นดินโลกนี้
                เมื่อเราเป็นหนึ่งในครอบครัวของพระเจ้าแล้ว เราจะได้รับมรดกฝ่ายวิญญาณ  สิ่งของของพระเจ้าทุกอย่างก็เป็นของเราด้วย   “เหตุฉะนั้น โดยพระเจ้า ท่านจึงไม่ใช่ทาสอีกต่อไป แต่เป็นบุตร และถ้าเป็นบุตรแล้ว ท่านก็เป็นทายาท” (กาลาเทีย 4.7)

3.  เราจะมีส่วนในลักษณะพิเศษของครอบครัวของพระเจ้า 
              อะไรเป็นลักษณะพิเศษของครอบครัวของพระเจ้า   คงมีหลายอย่าง   แต่ก่อนอื่น ที่สำคัญมากที่สุด ก็คือ ความเป็นอันหนึ่งอันเดี่ยวกัน   เปาโลกำลังพูดถึงความเป็นหนึ่งเดียวในพระคริสต์ของคริสตจักร ซึ่งเป็นครอบครัวของพระเจ้า   เพราะว่าคริสตจักรเอเฟซัสมีปัญหาอย่างหนึ่ง คือสมาชิกซึ่งเป็นคนยิวมาก่อนกับที่เป็นคนต่างชาติมาก่อนไม่ค่อยเข้าด้วยกันได้   เปาโลจึงบอกว่า พระเยซูทรงโปรดให้คนบาปคืนดีกับพระเจ้าแล้ว และในเวลาเดียวกัน พระเยซูทรงกระทำให้คน ยิวกับคนต่างชาติคืนดีกันด้วย   เราทุกคนเรียกพระเจ้าองค์เดียวว่า “พระบิดา”  ตามที่พระคัมภีร์กล่าวไว้ว่า “พระเจ้าองค์เดียวผู้เป็นพระบิดาของคนทั้งปวง ผู้ทรงอยู่เหนือคนทั้งปวง และทั่วคนทั้งปวง และในคนทั้งปวง” (เอเฟซัส 4.6)   เราทุกคนรักพระเจ้าองค์เดียวกัน   เราทุกคนรับใช้พระเจ้าองค์เดียวกัน   เราทุกคนมีความหวังใจในพระเจ้าองค์เดียวกัน  เราทุกคนอธิษฐานกับพระเจ้าองค์เดียวกัน   เราจึงเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันในพระองค์
               เพราะฉะนั้นในคริสตจักร ครอบครัวของพระเจ้านั้น ไม่มีคนยิว ไม่มีคนต่างชาติ   ทุกคนเป็นพี่น้องกันในพระองค์   ครั้งหนึ่ง พระเยซูทรงชี้ไปทางสาวกของพระองค์และตรัสว่า “นี่เป็นมารดาและพี่น้องของเรา ด้วยว่าผู้ใดจะกระทำตามพระทัยพระบิดาของเราผู้ทรงสถิตในสวรรค์ ผู้นั้นแหละเป็นพี่น้องชายหญิงและมารดาของเรา” (มัทธิว 12.49-50)   เราทุกคน ในฐานะเป็นคริสเตียนจึงเรียกซึ่งกันและกันได้ว่า “พี่” หรือ “น้อง” และประสบความสัมพันธ์ครอบครัวอย่างใกล้ชิดในคริสตจักรได้   คริสตจักรเป็นชุมชนแห่งครอบครัวฝ่ายวิญญาณ
 คริสตจักรเป็นครอบครัวที่สมาชิกทุกคนกลับมาแบ่งปันชีวิตโดยปราศจากความกลัว รักซึ่งกันและกัน หนุนใจ ให้กำลังใจซึ่งกันและกัน  รวมทุกข์รวมสุข และรับใช้ปรนนิบัติซึ่งกันและกัน   เพื่อจะเป็นเช่นนี้ เราควรยอมรับและไว้ใจพี่น้องคนอื่นด้วยความรัก 
 มีคนหนึ่งกล่าวไว้ว่า “ถ้าคริสตจักรไม่ได้เป็นสถานที่ที่เข้าใจน้ำตาไหล ฉันจะร้องไห้ได้ที่ไหน   ถ้าคริสตจักรไม่ได้เป็นสถานที่ที่จะบินได้ด้วยปีกแห่งวิญญาณ  ฉันจะไปไหนดีที่จะบินได้   ฉันไม่ต้องการที่จะพิสูจน์ว่า ฉันเก่งมากเท่าไร   ฉันไม่จำเป็นต้องนั่งในตำแหน่งสูงตลอดเวลา   คนส่วนใหญ่รู้แล้วว่า สิ่งเหล่านี้เป็นสิ่งปลอม   ฉันไม่ชอบที่จะใส่หน้ากากแห่งความหัวเราะทั้งๆที่ไม่น่ายินดี   ถ้าคริสตจักรไม่ได้เป็นสถานที่ที่เข้าใจน้ำตาไหล ฉันจะไปไหนดี  ฉันจะไปไหน เพื่อจะบินได้” 
                ประการที่สอง ครอบครัวของพระเจ้าควรดำเนิน และกระทำทุกอย่างตามพระทัยพระบิดา   “นี่เป็นมารดาและพี่น้องของเรา ด้วยว่าผู้ใดจะกระทำตามพระทัยพระบิดาของเราผู้ทรงสถิตในสวรรค์ ผู้นั้นแหละเป็นพี่น้องชายหญิงและมารดาของเรา” (มัทธิว 12.49-50)
                ประการที่สาม  เมื่อข้าพเจ้าคิดถึงครอบครัว ก็คิดถึงบรรยกาศที่อบอุ่น  การตกแต่งภายในบ้าน เอารูปมาติดผนังไว้ จัดฟอร์นิเจอร์  กลิ่นอาหาร ดูแลซึ่งกันและกัน เสียงหัวเราะ  เสียงร้องไห้ของเด็กล้วนแต่เป็นบรรยกาศที่อบอุน  ที่นั่น มีการพักผ่อน ความปลอดภัย และความสุข   เราจำเป็นต้องสร้างบรรยากาศภายในคริสตจักรให้อบอุนเช่นนี้บรรยกาศที่อบอุนเช่นนี้มักจะเกิดในกลุ่มย่อยมากกว่ากลุ่มใหญ่  เหมือนครอบครัวที่มีสมาชิกสี่คน ห้าคน  ครอบครัวเป็นชุมชนเล็กที่สุดและพื้นฐานของกลุ่มใหญ่   คริสเตียนในสมัยแรกมักจะพบกันตามบ้าน เพื่อจะสร้างบรรยกาศที่อบอุนเช่นนี้   วันอาทิตย์ เราทุกคนมาฉลองพระคุณของพระเจ้าร่วมกันที่โบสถ์ และในวันธรรมดาระหว่างสัปดาห์ เราพบและสามัคคีในบรรยกาศที่อบอุนตามบ้าน นี่คือภาพของคริสตจักรที่แข็งแรงที่พระเยซูทรงปรารถนา   ขอให้เรามาสร้างคริสตจักรของเราตามแบบที่พระเยซูได้ทรงวางไว้   ขอพระเจ้าทรงอวยพร
 

 

 

 


 




sermon colum 07

ศูนย์รวมคำเทศนา article
คริสตจักรที่ได้ทรงซื้อด้วยพระโลหิต
เทศนาเรื่อง ความเชื่อแห่งอาเมน
ต้องการการฟื้นฟูใหญ่หรือ article
คำเทศนาเรื่อง วิหารของพระเจ้า article
เทศนาเรื่อง พลังของลิ้น article
คำเทศนาเรื่อง ทัศนคติของคริสเตียนต่อเงินทอง article
คำเทศนาเรื่อง ทัศนคติของคริสเตียนต่อเงินทอง article
คำเทศนาเรื่อง จงบริหารเวลาอย่างมีปัญญา article
คำเทศนาเรื่อง ฟื้นฟูการนมัสการ article
คำเทศนาเรื่อง ชีวิตใหม่ในพระคริสต์ article
เทศนาเรื่อง ฟื้นฟูด้วยพระวจนะ article
คำเทศนาเรื่อง ความหวังของโลก article
sermon A 07 article



Copyright © 2010 All Rights Reserved.