ReadyPlanet.com
dot
dot
แจ้งเพื่อรับข่าวสารจากเรา

dot
dot
ทีรันนัสดอทคอม
dot
bulletสารจากผู้อำนวยการ
bulletประวัติทีรันนัส
bulletติดต่อเรา
bulletแผนที่
bulletสมุดเซ็นเยี่ยม
bulletข่าวสารจากทีรันนัส
dot
หนังสือแยกเป็นหมวดหมู่
dot
bulletหมวด คริสเตียนศึกษา
bulletหมวด การเทศนา
bulletหมวด อธิบายพระคัมภีร์
bulletหมวด คู่มือศึกษาพระคัมภีร์
bulletหมวด ชีวิตคริสเตียน
bulletหมวด เพิ่มพูนคริสตจักร
bulletหมวด การสร้างสาวก
bulletหมวด การประกาศ-มิชชั่น
dot
สำนักพิมพ์ ทีรันนัส
dot
bulletสมัครเป็นสมาชิก
bulletสมัครเป็นผู้แทนจำหน่าย
bulletหนังสือใหม่ล่าสุด
bulletหนังสือขายดีติดอันดับ
bulletหนังสือพิมพ์ซ้ำ
bulletวิธีสั่งซื้อสินค้าจากเรา
bulletศูนย์รับแจ้งสินค้ามีปัญหา
bulletแนะนำร้านหนังสือคริสเตียน
dot
Phon Phaiboon Church
dot
bulletคำเทศนาของศิษยาภิบาล
bulletข่าวสารจากคริสตจักร
dot
เว็บอื่นๆ
dot
bulletLink ลิ้งค์ไปเว็บคริสเตียน
bulletwww.thaichristians.net


องค์การ gpinternational
สหกิจคริสเตียนแห่งประเทศไทย
เว็บข่าวสารคริสเตียนไทย ทั่วฟ้าเมืองไทย ไม่แบ่งแยกคณะ บทความ  คำเทศนา  เรื่องสั้น  บทกลอน  แจกโฮมเพจเพื่อคริสตจักรในท้องถิ่น.... ฟังคำเทษนาออน์ไลน์  ลิ้งค์ไปเว็บต่างของคริสเตียนทั่วโลก   แหล่งซื้อขายของคริสเตียน  สิ่งดีๆที่คุณไม่ควรพลาดในเว็บไทยคริสเ
สมาคมพระคริสตธรรมไทย
คริสตจักรพรไพบูลย์


คำเทศนาเรื่อง ทัศนคติของคริสเตียนต่อเงินทอง article

ข้อพระธรรม 1 โครินธ์  13:1-13
            
           ในฐานะที่เราเป็นคริสเตียนเราต้องรู้จักความรักแท้จริงของพระเจ้าที่ยิ่งใหญ่ในชีวิตของเราและะรู้จักฝึกฝนความรักนั้นเพื่อให้ถึงความไพบรูณ์ขององค์พระเยซูคริสต์
            เราจะรู้จักความรักแท้จริงของพระเจ้าในชีวิตคริสเตียนของเราได้อย่างไร
            คริสเตียนควรเรียนรู้จักและเข้าใจความรักแท้ของพระเจ้า ซึ่งจากพระธรรมโครินธ์บทนี้ได้ให้ลักษณะความรักที่แท้จริงไว้  3 ประการดังนี้
 
1.    มีคุณค่า หรือ  คุณค่าของความรัก (13:1-3)  
2.  มีคุณภาพ หรือ  คุณภาพของความรัก (13:4-7)
3.  มีคุณประโยชน์  หรือ  คุณประโยชน์ของความรัก (13:8-13)
  
            การที่เราจะไปถึง เป้าหมายที่เป็นน้ำพระทัยนั้น เราอาศัยสิ่งที่สำคัญที่สุดนั้นคือรักแท้
          ในฐานะที่เราเป็นคริสเตียนการเข้าใจความรักแท้เป็นสิ่งที่สำคัญและการฝึกฝนที่จะใช้ความรักแท้ก็ยิ่งสำคัญ ดังนั้น วันนี้เราจะมาศึกษาพระวจนะของพระ 
เจ้าในเรื่องความรักแท้ในชีวิตของคริสเตียน จากพระธรรมที่เราคุ้นเคยกันดี 1 โครินธ์ บทที่ 13:1-13 

           พระธรรมตอนนี้เป็นพระธรรมที่คราสสิก เป็นหลักคำสอนที่ไม่รู้ตายของพระเยซูในหลักคำสอนเรื่องความรักที่มาจากสวรรค์ เป็นแก่นแห่งธรรมชาติของพระเจ้า  ไม่มีใครปฏิเสธได้เลยว่าเมื่อได้อ่านแล้วเนี่ย อารมณ์แห่งความรักของพระเจ้าได้หลั่งไหลเข้าสู่จิตใจ ทำให้เกิดความแช่มชื่น  ความหอมหวาน ความอบอุ่น ความมั่นคง เกินกว่าที่จะบรรยายได้ นี่แหละค่ะอำนาจของความรัก
            จากพระธรรมตอนนี้ เราจะเห็นลักษณะของความรักแท้ได้  3   ลักษณะด้วยกัน  ลักษณะแรกอยู่ใน 1 โครินธ์ 13:1-3
1.  มีคุณค่า (13:1-3)    ความรักมีคุณค่า หรือ คุณค่าของความรัก  
           พระธรรมตอนนี้เป็นจดหมายที่อาจารย์เปาโลเขียนถึงพี่น้องคริสเตียนที่เมืองโครินธ์เนื่องจากเป็นที่ทราบกันว่า คริสตจักรนี้มีหลายคนมีความสามารถ และมีของประทานหลายอย่าง แต่เกิดการแบ่งแยกกันเอง   ขาดความรักสามัคคีกลมเกลียวกัน  ขาดความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน  วิธีเดียวที่จะใช้ของประทานอย่างสร้างสรรค์คือ เมื่อคริสเตียนมีความรักเป็นแรงจูงใจ อาจารย์เปาโลได้พูดถึงคุณค่าของความรักดังนี้
          1.1 (ข้อ 1) ความรักนั้นมีค่าเหนือกว่า   การพูดภาษาแปลกๆ  จะเป็นภาษามนุษย์หรือ ภาษาฑูตสวรรค์ก็ดี แต่ถ้าไม่มีความรัก ก็เป็นแค่การส่งเสียงรบกวนเท่านั้นเอง
          1.2  (ข้อ 2) ความรักนั้นมีค่าเหนือ  ความรู้ ความสามารถ ไม่ว่าจะเป็นการเผยพระวจนะหรือการสั่งสอนใดๆ  จะเป็นความเชื่อชนิดที่สั่งให้ภูเขาที่อยู่ตรงหน้าออกไป ถ้าไม่มีความรักสิ่งเหล่านั้นก็ด้อยค่าเมื่อสัมผัส
“ความรู้นั้นทำให้ลำพอง แต่ความรักเสริมสร้างขึ้น” (8:1)
           1.3  (ข้อ 3)ความรักนั้นเหนือ การเสียสละความสุขและความปลอดภัย  หรือการให้สิ่งของที่มีอยู่ทั้งหมดเพื่อทำทาน ถ้าไม่มีความรักแล้ว มันก็ไม่มีความหมายอะไรเลย

ตัวอย่าง 
           เมื่อไม่นานมานี้  ผู้นำคริสตจักรกลุ่มหนึ่งได้ร่วมประชุมกัน  ผู้นำการประชุมได้ถามพวกเขาทีละคนว่า  “ในคริสตจักรของคุณ มีคุณงามความดีอะไรบ้างที่ทำให้ทุกคนคิดถึงคจ.ของคุณ”
 คนหนึ่งตอบว่า “การเทศนา” คนหนึ่งตอบว่า  “การเพิ่มสมาชิก”  คนหนึ่งก็กล่าวว่า  “การทำกิจกรรม”  คนหนึงก็กล่าวอีกว่า  “การทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ”     “การเล่นดนตรีและการนมัสการที่ไพเราะ”  และอีกคนก็กล่าวอีกว่า  คำตอบเหล่านี้แสดงให้เห็นว่าสิ่งที่เคยเกิดขึ้นจริงๆกับคริสตจักรที่เมืองโครินธ์ก็เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นจริงกับคริสตจักรในยุคปัจจุบันนี้เหมือนกัน

         ถ้าใช้คำถามเดียวกันนี้กับคริสตจักรของเรา เราจะตอบว่าอย่างไร  และถ้าวันนี้ใช้คำถามเดียวกันถามเราว่า  คจ.พรไพบูลย์ มีอะไรที่เห็นว่าสำคัญกว่าการรักซึ่งกันและกันแล้วท่านจะตอบว่าอะไร  ท่านจะตอบว่าคจ.พรไพบูลย์ …….  เพราะถ้าไม่มีความรักเสียแล้วทุกสิ่งที่มี  ทุกสิ่งที่ทำ ทุกอย่างที่ให้ก็ไม่มีค่า!!!   
ลักษณะที่สองของความรักอยู่ในข้อ 4-7
    
2. มีคุณภาพ (13:4-7)  ลักษณะอย่างที่สองคือ ความรักนั้นมีคุณภาพ หรือคุณภาพของความรัก  นั่นเอง  ความรักของคริสเตียนจะมีคุณภาพได้นั้นจำเป็นต้องประกอบด้วยสามสิ่งกันคือ ทิ้ง  ทำ และทน
            2.1 “ทิ้ง”  จากพระธรรมตอนนี้ อ.เปาโลบอกเราว่าสิ่งที่เราจำเป็นต้องกำจัดทิ้งไปจากชีวิตคริสเตียนของเรามีอยู่  8  อย่างเพื่อให้ความรักที่แท้จริงเกิดขึ้น โดยขึ้นต้นด้วยคำว่า ไม่
            อย่างที่หนึ่ง ไม่อิจฉา  การอิจฉาริษยาคือ การอยากได้ อยากมี เหมือนคนอื่นเขา พระเยซูใช้คำเรียกในพระธรรมมัทธิว 20:15  ภาษาไทยแปลประโยคออกมาว่า “ทำไมท่านอิจฉาเมื่อเห็นเราใจดี  ตรงกับสำนวลไทย “อิฉาตาร้อน” นั่นเอง 
            อย่างที่สอง ไม่อวดตัวว่าตัวเองดี เก่ง มีความรู้ความสามารถเหนือกว่าคนอื่นเขา การอวดตัวเองก็เป็นเหมือนกับการพยายามทำให้คนอื่นอิจฉาเราในสิ่งที่เรามีจริงหรือเราไม่ได้มีจริงขนาดที่เราพูด
            อย่างที่สาม ไม่หยิ่งผยอง   คิดว่าตัวเองเหนือกว่า ดีเลิศวิเศษกว่าคนอื่นแต่เป็นการแสดงต่อผู้อื่นด้วยความเคารพ
            อย่างที่สี่  ไม่หยาบคาย คิดว่าคนที่อยู่รอบตัวเราไม่สำคัญหรือมีค่าพอที่เราจะเคารพนับถือหรือให้ความสุภาพกับเขา  ไม่สนใจความรู้สึกของคนอื่น อยากพูดอยากทำอะไรก็ทำ
           อย่างที่ห้า ไม่คิดเห็นแก่ตัวเองฝ่ายเดียว การคิดเห็นแต่ตัวเองฝ่ายเดียว เป็นการคิดยืนหยัดในความคิดของตัวเองเท่านั้นที่ถูก เรียกร้องเอาแต่ใจตัวเอง
           อย่างที่หก ไม่ฉุนเฉียว คือการไม่ระเบิดอารมณ์ออกมาอย่างง่ายดายเมื่อมีอะไรมายั่วยุ กระตุ้นอารมณ์ให้หงุดหงิดหรือโกรธง่าย เช่น คำวิพากวิจารณ์
           อย่างที่เจ็ด ไม่ช่างจดจำความผิด วลีนี้หมายถึง ไม่คิดร้าย อาฆาตแค้นคนอื่นเขา  แต่ให้อภัยเขาเสมอ อย่างที่พระคัมภีร์บอกเราว่า 70x70 ครั้ง นั่นหมายถึงทุกครั้ง และยอมรับความเกลียดชังที่คนอื่นแสดงต่อตนแทนที่จะเกลียดตอบ
          อย่างที่แปด ไม่ชื่นชมยินดีเมื่อมีการประพฤติผิด คือการไม่พึงพอใจในความบาป
หรือการกระทำบาป ไม่ว่าจะเป็นการดูหนังสือ ภาพยนตย์ อินเตอร์เน็ต ภาพโป๊ต่างๆ  การกล่าวร้ายนินทา ความไม่ชอบธรรมทั้งปวง

         คริสเตียนที่เมืองโครินธ์นั้น  พวกเขาไม่มีความอดทนในการประชุมในที่สาธารณะ  พวกเขาอิจฉาของประทานของคนอื่น  พวกเขาผยองด้วยความหยิ่ง   มีพฤติกรรมไม่เหมาะสม พวกเขาฟ้องซึ่งกันและกันในศาล  พวกเขาโอ้อวดเกี่ยวกับความบาปที่มีในคริสตจักร อาจารย์เปาโลจึงได้เตือนให้พวกเขาทิ้งสิ่งเหล่านี้ทั้งหมด
           สำหรับความรักแท้ของคริสเตียนนั้น เมื่อเห็นคนอื่น มีชื่อเสียง  ประสบความสำร็จ  มีความสวยงาม มีความสามารถหรือของประทาน เขาจะชื่นชมและมีความปิติยินดีกับผู้นั้น ความรักนั้นไม่ป่าวร้องประกาศเมื่อตนเองทำดี หรือยกตัวเองขึ้น  ความรักนั้นยืนหยัดในการระงับความโกรธ ความหงุดหงิด  อารมรณ์ฉุนเฉียวที่อาจแสดงออกมาเป็นคำพูดหรือการกระทำได้ ความรักนั้นคิดถึงจิตใจของคนอื่น ไม่ถือว่าเอาความคิดของตนเองเป็นใหญ่ ความรักไม่มีสมุดบันทึกที่เขียนรายชื่อและการกระทำผิดของคนนั้นที่กระทำต่อเรา  คริสเตียนจำเป็นต้องรักสิ่งที่พระเยซูรักและเกลียดสิ่งที่พระองค์เกลียดด้วย  ดังนั้นเราจำเป็นอย่างยิ่งที่จะยอมทิ้งทั้งแปดอย่างนี้เพื่อความรักแท้ในชีวิตคริสเตียนของเรา และอย่างที่สองคือ
           2.2 “ทำ”   มีอยู่ 4  อย่างที่เราต้องทำ
           อย่างแรก กระทำคุณให้  คือการมองหาช่องทางที่จะช่วยเหลือผู้อื่นอย่างไม่ลดละ เป็นความต้องการที่อยากจะรับใช้ผู้อื่น
           อย่างที่สอง  ชื่นชมยินดีเมื่อประพฤติชอบ  ในภาษาอังกฤษเขาใช้คำว่า ชื่นชมยินดีในความจริง ซึ่งโดยเฉพาะความจริงของพระเจ้า ซึ่งตรงข้ามกับความหลอกลวงและความไม่ซื่อสัตย์ ความรักไม่สามารถยืนหยัดได้โดยปราศจากความจริง โดยเฉพาะการอ่อนข้อประณีประนอมกับความจริงแห่งความรักของพระเจ้า
          อย่างที่สาม เชื่อในส่วนดีของเขาอยู่เสมอ คือการที่ไม่ช่างสงสัยหรือชอบเยาะเย้ยถากถางผู้อื่น แต่เชื่อในความดีงามที่พระเจ้าใส่ไว้ในตัวคนๆนั้น ไม่เหมือนกับการเซ่อซ่าเชื่อคนง่าย
          อย่างที่สี่  มีความหวังอยู่เสมอ ความรักนั้นไม่มีวันที่จะสูญเสียความหวังใจ เหมือนอย่างที่พระเจ้าไม่มีวันทำให้คนอิสราเอลผิดหวัง  พระองค์ไม่เคยทำให้เปโตรผิดหวัง และไม่ทำให้เราผิดหวัง เป็นพลังอำนาจที่เชื่อและมีความคาดหวังว่าพระเจ้าจะประทานตามความปรารถนาแก่ผู้ที่ยำเกรงพระองค์ เขาจะไม่ท้อถอยหรือสิ้นหวังไป
          2.3“ทน”   มีอยู่  3 อย่างที่เราต้องทน
          อย่างแรก  อดทนนาน  เบื้องหลังพระธรรมตอนนี้เกิดจากคริสเตียนที่เมืองโครินธ์นั้นไม่มีความอดทนในการประชุมในที่สาธารณะ ไม่มีความอดทนต่อกันและกัน แต่ความรักกระทำให้เขาอดทนนาน ความอดทนในที่นี้เป็นความอดทนอดกลั้นต่อความทุกข์ยาก ทนต่อความเจ็บปวดที่ยาวนาน  ผมอยากจะเน้นว่าอดทนน๊าน.....นาน  เหมือนสีทนได้ จากประสบการณ์ก็เห็นมามากแล้วว่า ความรักที่อดทนนานนั้นมีค่ามากและสามารถเอาชนะทุกสิ่งได้ ไม่ว่าจะเป็นความรักของชายหญิง  แม่กับลูกที่เป็นวัยรุ่น แม่ผัวกับลูกสะใภ้ หรือที่สูงสุดที่เราเห็นได้ชัดคือความรักขององค์พระเยซูคริสต์นั่นเอง
อย่างที่สอง  ทนได้แม้ความผิดของเขา ไม่ช่างจำจดความผิด  ความรักของพระเจ้านั้น ลืมความผิดพลาดในอดีต ความรักนี้เป็นความอดทนภายใต้ความกดดันต่างๆ  เป็นการแบกภาระร่วมกับผู้อื่น ร่วมแบกปัญหาความทุกข์ร้อนของผู้อื่น
อย่างที่สาม   ทนต่อทุกอย่าง    ไม่พร่ำบ่นในปัญหาอุปสรรคต่างๆ ไม่รีบหันกลับในการให้การช่วยเหลือ  เขาจะอดทนต่อสู้ยาวนานโดยไม่มีวัน Burn out (เครื่องไหม้  หมดหวัง ท้อแท้ใจ)

ตัวอย่าง
            มีเรื่องเล่าหนึ่งที่ผมประทับใจมาก  เกิดขึ้นในสมัยที่คอมมิวนิส จีนพวกคริสเตียนและผู้เชื่ออื่นๆถูกจับกักขังไว้ในคุก ไม่ให้กินข้าวกินน้ำ พวกเขาได้รับความทุกข์ทรมานเพื่อพระนามของพระเจ้า  ในคุกที่อับชื้น มืดสลัว และความสกปรกทำให้สุขภาพของพวกเขาทรุดโทรมลงในนั้นมีทั้ง อุจาระและปัสสาวะเต็มไปหมด และนั้นนานๆครั้งก็จะมีคนโยนเศษอาหารมาให้ซักครั้ง ทุกครั้งก็จะมีการแย่งกันเพื่อจะกินและเอาชีวิตรอด  วันหนึ่งก็มีซาลาเปาลูกหนึ่งถูกโยนเข้ามา แล้วมันก็กลิ้ง ถูไถเอาทั้งอุจจาระปัสสาวะติดเต็มไปด้วยแต่กระนั้นทุกคนก็รุมไขว่คว้าเอาซาลาเปาลูกนั้นให้ได้ ปรากฏว่าผู้หญิงคนหนึ่งก็ฉวยเอาไว้ได้ เธอจับไว้พร้อมกับส่งสายตาไปยังสามีของเธอครู่หนึ่ง  ในวินาทีนั้นสายตาของสามีมองมาอย่างหมดหวัง เนื่องจากเขาไม่มีแรงแม้แต่จะยื่นมือ หรือขยับตัวตัวได้เพราะอาการป่วย สามีคิดในใจว่า ภรรยาตัวเองจะกินและเอาตัวรอดคนเดียวอย่างนั้นเหรอ เธอเห็นแก่ตัวขนาดนั้นได้เหรอ ขณะที่คิด ก็เห็นภรรยาค่อยฉีกผิวด้านนอกของซาลาเปาที่มีอุจจาระปัสสาวะเข้าปากเคี้ยวแล้วกลืนลงไป เหลือส่วนที่สะอาดของลูกซาลาเปาเธอค่อยๆเดินเข้าไปหาสามีของเธอและป้อนเขากิน  นี่เป็นเรื่องราวความรักที่มากเกินกว่าที่จะบรรยายออกมาเป็นคำพูดได้จริงๆ

           จากลักษณะความรักที่กล่าวมาแล้วนั้น เราได้ยอมทิ้งสิ่งเหล่านั้นหรือยัง  เราได้ทำอย่างนั้นแล้วหรือยัง และเราทนต่อทุกสิ่งแล้วหรือยัง ถ้าเราตอบว่ายังขอให้วันนี้เป็นวันที่เราจะตั้งใจใหม่เพื่อให้ลักษณะความรักที่แท้จริงได้ปรากฏขึ้นในชีวิตคริสเตียนของเราไม่ว่าจะเป็นที่บ้าน  ที่คริสตจักร
จากที่ผ่านมาเราได้รู้จักลักษณะของความรักแล้วว่า  ความรักนั้นมีคุณค่า ที่เหนือกว่าการพูดภาษาแปลกๆ ความรู้ของประทาน และ ความรักนั้นเหนือความเสียสละทั้งปวง อย่างที่สองที่เรารู้จักลักษณะความรักคือ ความรักนั้นมีคุณภาพ โดยให้เรายอมทิ้ง 8 อย่าง  ต้องทำ  4 อย่าง และต้องทนได้ เหมือนสีทนได้ อีก 3 อย่างแล้ว ลักษณะที่สามคือ

3.มีคุณประโยชน์ หรือคุณประโยชน์ของความรัก เราจะพบได้ ในข้อที่ 8-13 
          ท่านอาจารย์เปาโลเปรียบเทียบความรักกับของประทานต่างๆซึ่งคริสตชนเมืองโครินธ์ได้รับจากพระเจ้า ของประทานที่พูดถึงในข้อ 8 เป็นของประทานที่ชาวโครินธ์ถือว่ามีค่าสูง ได้แก่การเผยพระวจนะและการเทศนา  การพูดภาษาแปลกๆ วิชาความรู้ ซึ่งของประทานเหล่านี้พระเจ้าทรงประทานให้แก่คริสตจักร เพราะเราจำเป็นต้องใช้ แต่ความรักเป็นสิ่งจำเป็นและมีค่าตลอดไปเป็นนิตย์ ดังนั้นสิ่งที่พระธรรมกำลังจะบอกเราคือ คุณประโยชน์ของความรักนั้น 
ความรักไม่มีวันสูญสิ้น  ความรักเป็นสิ่งเดียวเท่านั้นซึ่งเรามีได้ในโลกปัจจุบัน และยังมีค่า
ต่อไปหลังจากโลกนี้สูญสลายไปแล้ว เหตุที่ท่านอ.เปาโลบอกว่า ความรักไม่มีวันสูญสิ้น ก็เพราะเมื่อเรารักซึ่งกันและกันก็เท่ากับว่าเรารักพระเจ้าโดยผ่านทางผู้อื่นด้วย ถ้าเราเชื่อเช่นนี้เราก็จะเห็นความรักเป็นสิ่งสำคัญมากกว่าของประทาน  ความสามารถ ความรู้ต่างๆที่เรามีอยู่ เนื่องจากสิ่งเหล่านี้มีวันสูญสลายไป เมื่อผมพูดเช่นนี้ไม่ได้หมายความว่าเราสามารถลอกข้อสอบของเพื่อนได้เมื่อเราสอบโดยอ้างว่าถ้ารักกัน และเห็นแก่ความสัมพันธ์ที่ดีของเราก็จงให้ลอกเสียดีๆ  

            ความรักนั้นสมบรูณ์ (Perfect)  เมื่อเราเป็นเด็ก  เราคิดหาเหตุผลอย่างเด็กแต่เมื่อเราเป็น
ผู้ใหญ่แล้ว เราก็เลิกอาการเด็กเสีย ถ้าเราไม่เลิก เราจะถูกตำหนิว่าเป็นเฒ่าทารก  พระคัมภีร์ตอนนี้บอกเราว่า โลกนี้ไม่สมบรูณ์ ทุกอย่างสามารถสูญสลายไปได้แต่เมื่อวันที่พระเยซูคริสต์เสด็จกลับมา เราจะรู้ทุกอย่างที่เราไม่รู้ เราจะรู้ว่าโลกนี้ จักวาลนี้เป็นอย่างไร เราจะสวมสภาพใหม่ที่เป็นพระสิริของอันรุ่งเรื่องของพระเจ้า และเราจะครอบครองอยู่บนสวรรค์กับพระองค์ ไม่ทราบว่าพวกท่านตื่นเต้นหรือเปล่า แต่ผมตื่นเต้นครับ โดยเฉพาะประโยคที่ว่า “เวลานั้นข้าพเจ้าจะรู้แจ้งเหมือนพระองค์ทรงรู้จักข้าพระองค์”  ความเชื่อ ความหวังใจ และความรัก แต่ความรักใหญ่ที่สุด เราจะไม่คิดว่าการกระทำทุกอย่างด้วยความรักเป็นการเสียเวลาเปล่า ความรักนั้นเป็นการใช้พลังอำนาจในการกระทำความดี และมีความรับผิดชอบ เพราะความรักไม่ได้กำเนิดมาจากธรรมชาติของมนุษย์แต่พระเจ้าเป็นผู้ก่อเกิดความรัก พระเจ้าทรงเป็นความรัก เมื่อพระเจ้าเป็นอมตะนิรันดร์ ความรักจึงเป็นสิ่งที่นิรันดร์ และมนุษย์ไม่สามารถขาดจากความรักของพระเจ้าได้ และความรักที่สมบรูณ์นั้นมีอยู่ในองค์พระผู้เป็นเจ้า เรารักเพราะพระองค์ทรงรักเราก่อน

ตัวอย่าง
           วรรณกรรมคริสเตียนประเภทนวนิยาย ที่เขียนจากประสบการณ์ของ อายะโกะ มิอูระ เรื่อง “ชิโอการิที่สุดแห่งรัก” เขียนจากพื้นฐานวัฒนธรรมญี่ปุ่นสมัยเมจิ  ตัวเอกคือโนบูโอะ ซึ่งอาศัยอยู่กับย่าและพ่อของเขา ส่วนแม่กับน้องสาวแยกไปอยู่ต่างหากเนื่องจากย่าของเขาไม่ชอบคุณแม่ของเขาที่เชื่อในพระเยซู และหลอกเขาว่าแม่เขาตายแล้ว  จนย่าเสียชีวิตพ่อจึงไปรับแม่มาอยู่ด้วย เขาต้องพยายามทำความเข้าใจเรื่องราวที่เกิดขึ้นทั้งหมด รวมถึงพยายามหาคำตอบว่าพระเยซูนี้มีดีขนาดไหนถึงทำให้แม่ต้องยอมแยกจากเขาและพ่อไป เขาพยายามหาคำตอบตั้งแต่เด็กจนโตและเขาก็พบคำตอบนั้นจากพระคัมภีร์ ข้อความหลายตอนที่ทำให้เขาสดุดคิด อย่างเช่น  “อย่าต่อสู้คนชั่ว ถ้าผู้ใดตบแก้มขวาของท่าน ก็จงหันแก้มซ้ายให้เขา ถ้าผู้ใดอยากจะฟ้องศาล เพื่อปรับเอาเสื้อของท่านไป ก็จงให้เสื้อคลุมแก่เขาเสียด้วย ทั้งยังสอนอีกว่าจงรักศัตรูของท่านและอธิษฐานเผื่อผู้ที่ข่มเหงท่าน”   เนื่องจากตั้งแต่เด็กมา ย่าเขาสอนว่า “เจ้าเป็นลูกผู้ชาย ถ้าเจ้าโดนตีหนึ่งที เจ้าต้องตีกลับคืนไปสองที และถ้าโดนสามทีละก็ เจ้าต้องตอบโต้กลับไปหกที ถ้าไม่ทำอย่างนั้นเจ้าก็ไม่ใช่ลูกผู้ชายที่แท้จริง” การตายของพระเยซูบนไม้กางเขน พระองค์ไม่อาฆาตแค้นคนที่ตรึงพระองค์เลย แต่กลับอธิษฐานเผื่อเขาว่า “ขอทรงอภัยโทษเขา เพราะเขาไม่รู้ว่าเขากำลังทำอะไรอยู่” เขาได้ค้นพบความรักของพระเยซูและเขาตัดสินใจเชื่อพระเจ้าและประกาศเรื่องราวของพระองค์ ไม่ว่าจะที่ทำงาน ที่โบสถ์ กลุ่มศึกษาพระคัมภีร์ที่หอพัก และกับทุกคนที่เขาพบเจอ ด้วยความสุภาพ อ่อนน้อม พร้อมทั้งให้การช่วยเหลือ  หลายคนชื่นชม และอดหลงรักเขาไม่ได้ เขาพบรักผู้หญิงคนหนึ่งที่เป็นโรควัณโรคปอด เขาดูแลเอาใจใส่และให้คำหมั้นสัญญาด้วยความหวังใจว่าเธอต้องหายและเขาจะแต่งงานกับเธอ  แม้เธอไม่หายเขาก็จะไม่แต่งงานกับใคร ห้าปีต่อมาขณะที่เขากำลังเดินทางไปแต่งงานกับหญิงสาวที่เขารัก ระหว่างทางที่นั่งรถไฟมา เกิดรถไฟขาดจากหัวจักร และมันกำลังจะตกรางที่ด่านชิโอการิ แต่สิ่งที่ไม่คาดคิดสำหรับคนอื่นคือ โนบุโอะกระโดดเข้าไปใต้รถไฟแล้วหยุดมันไว้ ผู้โดยสารทุกคนปลอดภัยโดยการแลกชีวิตของเขา เขาทำให้คนที่ถากถางต่อต้านเขาในเรื่องความเชื่อของเขาเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง ความรักของเขาไม่ใช่มีไว้แค่ใครบางคนเท่านั้น แต่มีให้สำหรับทุกคน “ไม่มีผู้ใดที่มีความรักยิ่งใหญ่กว่านี้คือการที่ผู้หนึ่งผู้ใดจะสละชีวิตของตนเพื่อมิตรสหายของตน”  (ยอห์น 15:13)
ตอนจบ
            ความรักนั้นสำคัญมาก เราทั้งหลายได้รับความรอดก็เพราะความรัก ความรักที่พระเจ้าประทานผ่านทางพระบุตรของพระองค์ และคนอื่นจะได้รับความรอดก็เพราะความรักของเราด้วย ความรักแท้ของคริสเตียนมีอิทธิพลกับครอบครัว สังคมและประเทศชาติมาก วันนี้เชื่อว่าท่านได้รู้จักความรักแท้จากพระธรรม 1 โครินธ์ 13:1-13 แล้วว่า ความรักนั้นมีคุณค่า มีคุณภาพและมีคุณประโยชน์ ดังนั้นอยากหนุนใจให้พี่น้องยึดเอาความรักแท้นี้ไว้และฝึกฝนความรักแท้นี้ อย่างที่ เซนต์ฟรานซิสแห่งแอสซีซี่ ตั้งใจอธิษฐานไว้ว่า
          ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้า  โปรดให้ข้าพระองค์หว่านความรัก เป็นเครื่องมือแห่งสันติของพระองค์
          ที่ใดมีความเกลียดชัง ให้ข้าพองค์หว่านความรัก
          ที่ใดมี่ความบาดหมาง ให้หว่านการยกโทษ
          ที่ใดมีการแตกร้าว   ให้หว่านความสามัคคี
          ที่ใดมีความสงสัย   ให้หว่านความเชื่อ
          ที่ใดมีความว้าวุ่นท้อถอย  ให้หว่านความหวัง
          ที่ใดมีความมืด    ให้หว่านความสว่าง
          ที่ใดมีความโศกเศร้า ให้หว่านความยินดี
         โอ  ข้าแต่พระเจ้า อย่าให้ข้าพระองค์แสวงหาความประเล้าประโลมใจ แต่ให้ประเล้าประโลมใจผู้อื่น มิใช่แสวงหาความรักแต่รักเขา  เพราะด้วยการให้ ทำให้ข้าพระองค์ได้รับ   ด้วยการยกโทษ  ข้าพระองค์จึงได้รับการยกโทษ และในความตายนั้นเองที่ทำให้ข้าพระองค์ได้ชีวิตนิรันดร์
         ขอให้คำอธิษฐานนี้สำเร็จในชีวิตคริสเตียนของเราเช่นกันนะครับ

 

 

 

 

 

 

 

 




sermon colum 07

ศูนย์รวมคำเทศนา article
คริสตจักรที่ได้ทรงซื้อด้วยพระโลหิต
เทศนาเรื่อง ความเชื่อแห่งอาเมน
ต้องการการฟื้นฟูใหญ่หรือ article
คำเทศนาเรื่อง วิหารของพระเจ้า article
คำเทศนาเรื่อง ครอบครัวของพระเจ้า article
เทศนาเรื่อง พลังของลิ้น article
คำเทศนาเรื่อง ทัศนคติของคริสเตียนต่อเงินทอง article
คำเทศนาเรื่อง จงบริหารเวลาอย่างมีปัญญา article
คำเทศนาเรื่อง ฟื้นฟูการนมัสการ article
คำเทศนาเรื่อง ชีวิตใหม่ในพระคริสต์ article
เทศนาเรื่อง ฟื้นฟูด้วยพระวจนะ article
คำเทศนาเรื่อง ความหวังของโลก article
sermon A 07 article



Copyright © 2010 All Rights Reserved.