1 ทิโมธี 6.6-10, 17-19
คงไม่มีใครที่ไม่ชอบเงินทอง แต่มีคนน้อยที่มีทัศนคติที่ถูกต้องต่อเงินทอง มีความปรารถนาที่จะได้เอาเงินมามากๆ แต่ไม่ค่อยรู้ว่าเอาเงินมาได้อย่างไรดีและใช้เงินอย่างไรดี
คริสเตียนก็ไม่ค่อยแตกต่างกัน มีคริสเตียนน้อยเท่านั้นที่จะตอบคำถามเกี่ยวกับเงินตามแนวพระคัมภีร์ น่าเสียดายที่คริสเตียนส่วนใหญ่ขาดความรู้เกี่ยวกับหลักการเงินตามที่พระคัมภีร์บอกไว้ และไม่ค่อยมีปรัชญาและจริยธรรมต่อเงินทองด้วยมุมมองของคริสเตียน
เงินเป็นสิ่งที่จำเป็นมั้ยในการดำเนินชีวิตคริสเตียน เงินเป็นสิ่งที่ดี หรือชั่ว เงินช่วยชีวิตคริสเตียน หรือทำลาย คริสเตียนคนที่คิดถึงเงินทองเป็นคนที่มีความเชื่อน้อยหรือไม่ จริงหรือที่คริสเตียนร้อนรนและเข้มแข็งในทางของพระเจ้าไม่สนใจเงินทองเลย พระคัมภีร์บอกอย่างไรเกี่ยวกับเงินทอง
จริงๆแล้ว เงินนั้นไม่ใช่เป็นสิ่งที่ดีหรือชั่ว พระคัมภีร์ได้พูดถึงเงินทองมากกว่า 700 ครั้ง คำอุปมาที่พระเยซูทรงใช้หลายเรื่องเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับเงินทอง สิ่งเหล่านี้แสดงให้เราเห็นว่า เงินทองก็เกี่ยวข้องกับชีวิตคริสเตียนมากพอสม ควร คริสเตียนบางคนได้ถูกทดลองเพราะเงินทอง บางคนขาดการนมัสการเพราะไม่ว่างในวันอาทิตย์ ต้องทำการค้าขายเพราะวันอาทิตย์ค่อนข้างขายดี เพราะเหตุนี้ เราในฐานะคริสเตียนควรมีทัศนคติต่อเงินทองอย่างถูกต้องตามแนวพระคัมภีร์
1. พระเจ้าทรงเป็นเจ้าของของเงินทอง
เพราะว่าเราไม่ได้เอาอะไรเข้ามาในโลกฉันใด เราก็เอาอะไรออกไปจากโลกไม่ได้ฉันนั้น (7) นี่เป็นความจริงที่ปฎิเสธไม่ได้เลย เราทุกคนมีของกิน ของใช้ บางคนอาจจะมีมากและดี บางคนอาจจะไม่มากและไม่ดี บางคนมีเงินเพราะพ่อแม่มีเงิน บางคนมีเงินเพราะตัวเองทำงานและได้เงินมา ถึงอย่างไรก็ตาม สิ่งที่เรามีอยู่ทั้งหมดล้วนแต่มาจากพระเจ้า และโดยพระองค์
พระเจ้าได้ทรงสร้างฟ้าสวรรค์และแผ่นดินโลกและสิ่งสารพัดที่อยู่ในนั้นรวมทั้งชีวิตมนุษย์ด้วย ดังนั้น พระเจ้าทรงเป็นเจ้าของทุกสิ่งทุกอย่าง พระเจ้าทรงประกาศกับโยบว่า ... สิ่งใดๆที่อยู่ใต้ฟ้าสวรรค์ทั้งสิ้นก็เป็นของเรา (โยบ 41.11) และได้ทรงตรัสกับโมเสสว่า ...แผ่นดินทั้งสิ้นเป็นของเรา (อพย. 19.5) ดาวิดได้ประกาศว่า แผ่นดินโลกกับสรรพสิ่งในนั้นเป็นของพระเจ้า (สดด..24.1) ดาวิดได้กล่าวอีกว่า ความยิ่งใหญ่ ฤทธานุภาพ พระสิริ ชัยชนะ ความโอ่อ่าตระการ บรรดาสิ่งที่มีอยู่ในฟ้าสวรรค์ และในแผ่นดินโลกเป็นของพระเจ้า พระองค์ทรงเป็นเจ้าของสิ่งสารพัด ทั้งความมั่งคั่งและเกียรติมาจากพระองค์ (1 พศด. 29.11-12)
พระเจ้าทรงเป็นเจ้าของของเงินทอง และเราเป็นผู้ดูแลเงินทองที่พระองค์ทรงมอบให้แก่เรา คำอุปมาเรื่องเงินตะลันต์ของพระเยซูได้สอนเราในเรื่องนี้อย่างชัด เจน เรามีเงินมากน้อยเท่าไร คงไม่เป็นประเด็น เรื่องสำคํญก็คือเราต้องสัตย์ซื่อต่อเงินทองนั้น เพราะว่าเงินนั้นเป็นของพระเจ้า และเราเป็นผู้ดูแล
2. เงินทองเป็นสิ่งชั่วคราว ไม่ใช่ถาวร
เพราะว่าเราไม่ได้เอาอะไรเข้ามาในโลกฉันใด เราก็เอาอะไรออกไปจากโลกไม่ได้ฉันนั้น (7) ตามประเพณีของคนเกาหลี เมื่อมีคนตาย มักจะตัดเสื้อชุดหนึ่งเพื่อคนตาย และสวมคนตายให้ สิ่งที่น่าสังเกต ก็คือ เสื้อชุดนี้ไม่มีกระเป๋าเลย ไม่ว่า คนตายเป็นคนรวยหรือคนยากจน ก็เหมือนกัน หมายความว่า เมื่อเราตาย เราไม่สามารถเอาอะไรไปได้ เงินนั้นเป็นสิ่งใช้ได้ตราบใดที่เรามีชีวิตอยู่โลกนี้เท่านั้น
เพราะความมั่งคั่งไม่ได้ทนอยู่ได้เป็นนิตย์ ... (สภษ. 27.24)
เงินทองเป็นสิ่งที่มองเห็นได้ สิ่งที่มองเห็นได้นั้นเป็นของไม่ยั่งยืน วันนี้มี พรุ่งนี้ไม่มีก็ได้ ไม่มีใครยืนยันได้ว่า คนรวยในวันนี้ จะเป็นคนรวยในวันข้างหน้าด้วย วันนี้มี พรุ่งนี้ไม่มี เป็นสิ่งที่เวียนไปเวียนมาก็ได้
เจ้าของบริษัทใหญ่บริษัทหนึ่งของเกาหลีได้ประสบความสำเร็จ เป็นคนมั่งมี เคยเขียนหนังสือด้วยเรื่องความสำเร็จของตน แต่ต่อมาเขาถูกกล่าวหาข้อหนีภาษี อยู่ในประเทศไม่ได้ จำเป็นต้องออกจากประเทศ ไปอาศัยอยู่ในต่างประเทศประ มาณ 5 ปี ต่อมา เขาคิดและตัดสินใจ แล้วกลับประเทศ ถูกจับ ขึ้นศาล ถูกลงโทษ ติดคุกอยู่จนทุกวันนี้ เพราะฉะนั้น เราไม่น่าอวด และใม่น่าวางใจในเงิน
3. เราต้องหามาได้อย่างถูกต้อง
ส่วนคนเหล่านั้นที่อยากร่ำรวยก็ตกอยู่ในข่ายของความเย้ายวน และติดบ่วงแร้วและในความปรารถนานานาที่ไร้ความคิดและเป็นภัยแก่ตัวซึ่งทำให้คนเราต้องถึงความพินาศเสื่อมสูญไป ด้วยว่าการรักเงินทองนั้นเป็นมูลรากแห่งความชั่วทั้งมวล และเพราะความโลภนี่แหละจึงทำให้บางคนห่าง ไกลจากความเชื่อและตรอมตรมด้วยความทุกข์ (9-10)
เงินไม่ใช่เป็นสิ่งดีหรือชั่ว แต่ถ้าเราไม่ได้หาเงินมาอย่างถูกต้อง เงินเป็นเหตุให้เรา ก) ตกอยู่ในข่ายของความเย้ายวน ข) ติดบ่วงแร้ว ค) เป็นความปรารถนาที่ไร้ความคิด ง) เป็นภัยถึงความพินาศ จ) ให้ห่างไกลจากความเชื่อ และ) ตรอมตรมด้วยความทุกข์
พระคัมภีร์ไม่ได้บอกว่า เงินเป็นมูลรากแห่งความชั่วทั้งมวล แต่บอกอย่างชัดเจนว่า การรักเงินทองนั้นเป็นมูลรากแห่งความชั่วทั้งมวล ความมั่งคั่งเป็นของ ขวัญและพระพรที่พระเจ้าประทานแก่เรา แต่อย่ารักเงินทอง พระคัมภีร์พูดถึงพระพรมากมาย เราก็มักจะขอพรซึ่งกันและกัน แต่ก็ยังมีคริสเตียนบางคนที่มีความเชื่อดี แต่ยากจน คนเหล่านี้ไม่ได้รับพระพรจากพระเจ้าหรือ ไม่ใช่เช่นนั้น พระพรที่พระคัมภีร์กล่าวไว้นั้น พระพรทางวัตถุ เงินทอง และฝ่ายร่างกายก็มี แต่ส่วนใหญ่พูดถึงพระพรฝ่ายวิญญาณ มีสามประการที่เราควรเข้าใจ
1) ทำงานด้วยมือของตน เปาโลได้กำชับและเตือนสติคนที่เกียจคร้านและไม่ทำงานว่า ให้เขาทำงานด้วยใจสงบและหากินเอง (2ธส.3.11-12) การที่เราเกี่ยวเก็บสิ่งที่หว่านลงไปเป็นหลักของพระเจ้า บางตนไม่ทำงานและอยากได้เงินมักจะขโมย พระคัมภีร์สอนว่า มือที่หย่อนเป็นเหตุให้เกิดความยากจน แต่มือที่ขยันขันแข็งกระทำให้มั่งคั่ง (สภษ.10.4) วิญญาณของคนเกียจคร้านยังอยากอยู่ แต่ไม่ได้อะไรเลย ฝ่ายวิญญาณของคนขยันจะอ้วนพี (สภษ.13.4)
2) ทำงานด้วยความซื่อสัตย์ อย่าหลอกลวง เมื่อศักเคียสพบพระเยซูแล้ว สารภาพและบอกว่า ถ้าข้าพระองค์ได้ฉ้อโกงของของผู้ใด ข้าพระองค์ยอมคืนให้เขาสี่เท่า (ลูกา 19.8) เมื่อศักเคียสได้สารภาพบาปที่ฉ้อโกงเช่นนี้ พระเยซูตรัสว่า วันนี้ ความรอดมาถึงครอบครัวนี้แล้ว (ลก. 19.9)
3) อย่าทุจริต ข้าราชการ นักการเมืองไม่น้อยเกี่ยวข้องกับการทุจริต แต่เรารู้สึกตกใจมาก เพราะทนายความ อัยการ ผู้พิพากษา ศาสตราจารย์มหาวิทยาลัย บางคน ซึ่งเป็นผู้นำในสังคมทั้งนั้นก็ได้รับสินบนด้วย คริสเตียนรับสินบนไม่ได้ ไม่น่ากระทำเช่นั้น
4) เราควรใช้อย่างเหมาะสม
จงกำชับให้เขากระทำดี ให้กระทำดีมากๆ ให้เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ และไม่เห็นแก่ตัว (18)
การหาเงินได้มาเป็นเรื่องสำคัญ แต่ยิ่งกว่านั้น การใช้เงิน บางคนกู้เงินจาก
คนนี้คนโน้น และเป็นหนี้ ไม่ใช่เพราะหาเงินมาไม่ได้ แต่ส่วนใหญ่ใช้เงินไม่เป็น
สำหรับคนที่ใช้เงินไม่เป็นนั้น เงินไม่ใช่เป็นพระพร แต่เป็นการแช่งสาป มีชาวเคนาดา คนหนึ่งได้ซื้อล็อตเตอรี่ และได้ถูก แล้วได้รับเงิน 10 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เมื่อเขาสำภาษณ์กับนักสื่อข่าว ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความปีติยินดี เขาใช้เงินไปเรื่อยๆแต่อีกไม่นาน ไม่รู้ว่าใช้เงินอย่างไรต่อไป ใช้เงินไม่เป็น ในที่สุด เขาได้ฆ่าตัวตาย
ไม่แน่ใจแต่ได้อ่านแล้วว่า ที่ประเทศสหรัฐอเมริกา เงินแบนก์ก็มีอายุ เงินแบนก์ไหนที่หมดอายุ ก็เอาไปเผยเสีย ก่อนที่ถูกนำไปเผาเสีย เงินแบงก์ 1เหรียญ กับแบงก์ 20 เหรียญได้สนทนากัน แบงก์ 20 เหรียญได้บอกว่า ฉันไปร้านอาหารดีๆ ที่มีราคาแพงทั่วโลก ประเทศอังกฤษ ฝรั่งเศษ ญี่ปุ่น เกาหลี บราชิล เป็นต้น แบงก์ 1 เหรียญก็บอกว่า นั่นแหละ มีร้านอาหารดีๆเช่นนั้นหรือ ฉันไปโบสถ์ของทุกคณะนิกาย โรมันคาทอลิก เพรสไบทีเรียน แบ๊บติสต์ เพนเทคอสเต เป็นต้น ก่อนที่เราจะใช้เงิน มีสองสิ่งที่ควรคำนึงถึง ก) ความเป็นเจ้าของของพระเจ้า ข) วางใจในพระเจ้า เพราะทุกอย่างมาจากพระองค์
1) ของของพระเจ้า จงถวายแด่พระเจ้า (มัทธิว 22.19-22) แท้จริงเงินทั้งหมดที่เรามีอยู่เป็นของพระเจ้าทั้งสิ้น แต่พระเจ้าได้ทรงกำหนดให้เราถวายหนึ่งในสิบ ฉะนั้นการถวายสิบลดนั้นเป็นการแสดงว่ายอมรับความเป็นเจ้าของของพระเจ้า
2) ช่วยเหลือคนอื่น เช่น แม่ม่าย ลูกกำพร้า คนต่างด้าว และคนที่ได้รับภัยพิบัติธรรมชาติ และคนที่ต้องการ ในการช่วยเหลือคนอื่นนั้น ท่าทีของการให้เป็นเรื่องที่สำคัญ มีท่าทีสำคัญในการให้ สองประการ หนึ่ง อย่างประกาศว่า ตนกำลังช่วยใคร หรือช่วยด้วยเงินเท่าไร อย่าให้มือซ้ายทราบสิ่งที่มือขวากระทำ สอง ถวายด้วยความสมัครใจและความชื่นชมยินดี พระเจ้าพอพระทัยคนที่ถวายด้วยความชื่นชมยินดี
3) เพื่อพันธกิจของพระเจ้า คริสตจักรเรามีแผนการที่จะให้ทุนการศึกษาแก่นักเรียนนักศึกษาทั้งคนภายในคริสตจักรและภายนอกด้วย เพื่อจะสร้างคนของพระเจ้า ศจ.วิเชียรกำลังย้ายมารับใช้พระเจ้าเป็นศิษยาภิบานคริสตจักรสำหรับชาวลีซูที่เชียงใหม่ และจำเป็นที่จะปลูกบ้านพักในบริเวณที่พักอาศัยของพี่น้องชาวลีซู เราควรใช้เงินที่พระเจ้าทรงประทานให้แก่เราในเรื่องเหล่านี้
4) เพื่อความจำเป็นของตน การใช้จ่ายประจำสำหรับครอบครัวของตน
อย่าถูกควบคุมโดยเงินทอง แต่จงครอบครองเงินทอง ให้เราหาเงินมาได้ด้วยความซื่อสัตย์ และใช้เงินอย่างถูกต้องตามน้ำพระทัยของพระเจ้า พระเจ้าทรงเป็นเจ้าของเงินทอง และเราเป็นผู้ดูแล จงวางใจในพระเจ้า แทนวางใจในเงิน