มัทธิว 2.1-12
Merry Christmas !!! เป็นคำทักทายซึ่งกันและกันทั่วโลกในเทศกาลคริสตมาส ไม่ว่าเป็นผู้ชายหรือผู้หญิง เด็กหรือผู้ใหญ่ สีผิวเป็นอย่างก็ตาม ในท่าม กลางมนุษย์ทุกเผ่าพันธุ์ ทุกภาษา ทุกชาติ และทุกประเทศพูดกันว่า Merry Christmas ในช่วงคริสตมาสทุกๆปี เป็นความถูกต้องที่เราทักทายกันด้วยว่า Merry Christmas เพราะเทศกาล คริสตมาสเป็นเทศกาลที่ยิ่งใหญ่และเต็มไปด้วยความชื่นชมยินดี เพราะว่าวัน คริสตมาสเป็นวันที่พระเจ้าทรงยอมสละสภาพพระเจ้า และเสด็จลงมาในโลก บังเกิดเป็นมนุษย์ สวมสภาพมนุษย์ เพื่อจะช่วยมนุษย์ทั้งปวงให้รอดพ้นจากความบาปและความตาย เพราะฉะนั้น ในวันนี้น่าจะมีความชื่นชมยินดีในท่ามกลางมนุษย์ตามเนื้อเพลงคริสตมาสเพลงหนึ่งที่ว่า ชาวโลกทั้งหลายชื่นใจยินดี มีพระราชาประสูติ คือพระเยซูเสด็จลงมา ให้เราร้องเพลงสรรเสริญ...
แต่เมื่อเราสังเกตดูแล้ว พบว่า มีบางคนชื่นใจยินดีมาก แต่บางคนไม่มีความชื่นชมยินดีเลย ไม่ใช่ในทุกวันนี้เท่านั้น แต่ในวันคริสตมาสครั้งแรกเมื่อสองพันปีที่แล้วด้วย ในข้อที่ 10 เมื่อพวกโหราจารย์ได้เห็นดาวนั้นแล้วก็มีความยินดียิ่งนัก แต่เมื่อเราอ่านข้อที่ 3 ครั้นกษัตริย์เฮโรดได้ยินดังนั้นแล้ว ก็วุ่นวายพระทัย ทั้งชาวกรุงเยรูซาเล็มก็พลอยวุ่นวายใจไปด้วย กษัตริย์เฮโรดและชาวกรุงเยรูซาเล็มต่างวุ่นวายใจ ไม่ชื่นใจยินดีเลย ส่วนพวกโหราจารย์นั้น มีความยินดียิ่งนัก คำว่า วุ่นวายใจ กับ ความยินดียิ่งนัก พี่น้องชอบคำไหน ตามความหมายที่แท้จริงของคริสตมาส วันคริสตมาสน่าจะเป็นวันวุ่นวาย หรือวันชื่นใจ พวกโหราจารย์เป็นคนประเภทไหนจึงมีความยินดียิ่งนัก
1. พวกโหราจารย์เป็นคนที่รอคอยพระเมสิยาห์ (2)
กุมารผู้ที่บังเกิดมาเป็นกษัตริย์ของชนชาติอิสราเอลนั้นอยู่ที่ไหน เราได้เห็นดาวของท่านปรากฎขึ้น เราจึงมาหวังจะนมัสการท่าน
ที่นี่พวกโหราจารย์ได้บอกว่า เราได้เห็นดาวของท่าน.. คงไม่บังเอิญที่พวกเขาได้เห็นดาว แต่พวกเขารอคอยพระเมสิยาห์ผู้ซึ่งพระเจ้าได้ทรงสัญญาไว้ พวกโหราจารย์ เรียกอีกชื่อ คือพวกนักปรัชญ์คงได้ยินจากคนยิวบางคนที่อาศัยอยู่ในชุนชมของเขาว่า พระเมสิยาห์จะมาบังเกิด แล้วนักปรัชญ์ได้รอคอยพระเมสิยาห์โดยการมองหาดาว
ผู้ที่รอคอยพระเจ้าจะมีโอกาศชื่นชมยินดีได้ สิเมโอนเป็นคนชอบธรรมและคอยเวลาซึ่งพวกอิสราเอลจะได้รับความบรรเทาทุกข์ เขาได้รับคำตอบจากพระเจ้าว่า จะไม่ตายจนกว่าจะได้เห็นพระคริสต์ของพระผู้เป็นเจ้า วันหนึ่ง เขาได้เห็นมารีย์กับโยเซฟที่ได้นำพระกุมารเยซูมาถวายที่พระวิหาร สิเมโอนได้อุ้มพระกุมารเยซู และสรรเสริญพระเจ้าด้วยความยินดียิ่งนัก
2. พวกโหราจารย์เป็นคนที่เข้าใจการทรงสำแดงของพระเจ้า (2)
กุมารผู้ที่บังเกิดมาเป็นกษัตริย์ของชนชาติอิสราเอลนั้นอยู่ที่ไหน เราได้เห็นดาวของท่านปรากฎขึ้น เราจึงมาหวังจะนมัสการท่าน
นักปรัชญ์ได้บอกว่า เราได้เห็นดาวของท่านปรากฎขึ้น เราจึงมาหวังจะนมัสการท่าน เมื่อพวกเขาเห็นดาวดวงหนึ่ง เขาเข้าใจว่า นี่คือดาวของพระเมสิยาห์ กษัตริย์ของคนอิสราเอล หมายวามว่า พระเมสิยาห์ได้บังเกิดแล้ว เพราะฉะนั้น ข้อที่ 2 ตอนต้นได้บอกว่า กุมารผู้ที่บังเกิดมาเป็นกษัตริย์ของชนชาติอิสราเอลนั้นอยู่ที่ไหน
เมื่อพวกเขาเข้าใจว่า กษัตริย์ของชนชาติอิสราเอลได้บังเกิดแล้ว พวกเขาจึงชื่นใจยินดี ดาวดวงนี้ได้นำพวกโหราจารย์มาถึงกรุงเยรูซาเล็ม เมื่อพวกเขาจะเดินทางต่อไป ดาวดวงนั้นได้นำหน้าพวกเขาไปถึงบ้านเรือนที่พระกุมารเยซูอยู่นั้น ข้อที่ 10 ได้บอกว่า เมื่อพวกโหราจารย์ได้เห็นดาวนั้นแล้ว ก็มีความยินดียิ่งนัก
ความเข้าใจในเรื่องฝ่ายวิญญาณนำเราไปสู่ความชื่นชมยินดี ในคำอุปมาของพระเยซูเรื่องผู้หว่านพืช มีดินสี่ชนิด ดินสี่ชนิดนี้หมายถึงสภาพจิตใจของมนุษย์ เมล็ดพืชที่ตกในดินดี ก็ได้เกิดผลร้อยเท่าบ้าง หกสิบเท่าบ้าง และสามสิบเท่าบ้าง พระเยซูทรงอธิบายว่า ส่วนพืชซึ่งหว่านตกในดินดีนั้น ได้แก่บุคคลที่ได้ยินพระวจนะนั้นและเข้าใจ คนนั้นจะเกิดผลร้อยเท่าบ้าง หกสิบเท่าบ้าง สามสิบเท่าบ้าง (มัทธิว 13.23)
มีคนมากมายได้ยินแล้วว่า พระเยซูบังเกิดมาเป็นมนุษย์เพื่อจะช่วยมนุษย์ให้รอดพ้นจากควาบาปและความตาย ได้ยินเพลงคริสตมาส ได้ชมละครคริสตมาสทุกๆปี แต่คนส่วนใหญ่ไม่ค่อยเข้าใจความหมายของคริสตมาสเท่าไรนัก มีคนน้อยเท่านั้นเข้าใจความหมายที่แท้จริงของคริสตมาส และชื่นใจยินดี
3. พวกโหราจารย์เป็นคนที่ถ่อมใจลงจำเพาะพระพักตร์พระเจ้า (2)
กุมารผู้ที่บังเกิดมาเป็นกษัตริย์ของชนชาติอิสราเอลนั้นอยู่ที่ไหน เราได้เห็นดาวของท่านปรากฎขึ้น เราจึงมาหวังจะนมัสการท่าน
ไม่มีข้อมูลชัดเจนเกี่ยวกับพวกโหราจารย์เหล่านี้ แต่บอกได้ว่า พวกเหล่านี้เป็นคนที่มีฐานะสูงในสังคมและมีปัญญา เพราะว่าเมื่อพวกเขามาถึงกรุงเยรูซาเล็ม พวกเขาพูดกับใคร ใครออกไปพบกับพวกเขา ไม่ใช่คนธรรมดา แต่กษัตริย์เฮโรด ก็แสดงให้เห็นว่า พวกโหราจารย์เป็นคนมีฐานะสูง เมื่อพวกเขาเห็นดาวอย่างเดียว เขาบอกว่า เป็นกษัตริย์ของชนชาติอิสราเอล และตั้งใจที่จะไปนมัสการกุมารนั้น เราจึงมาหวังจะนมัสการท่าน คนที่ถ่อมใจลงก็ชื่นใจในวันคริสตาสนี้ได้ คนที่มีฐานะ มีตำแหน่ง มีอำนาจในโลก ส่วนใหญ่ไม่ได้อยู่ในคริสตจักร เหมือนกษัตริย์เฮโรด มหาปุโรหิตและพวกธรรมาจารย์ คนเหล่านี้ไม่ค่อยรู้จักความถ่อมใจ จึงไม่มีโอกาสที่จะชื่นใจในวันนี้ได้
4. พวกโหราจารย์เป็นคนที่ได้พบพระกุมารเยซู (11)
ครั้นเข้าไปในเรือน ก็พบกุมารกับนางมารีย์มารดา จึงกราบนมัสการกุมารนั้น แล้วเปิดหิบหยิบทรัพย์ของเขา ออกมาถวายแก่กุมารเป็นเครื่องบรรณาการ คือ ทองคำ กำยาน และมดยอบ
ในช่วงที่พระเยซูบังเกิด มีหลายคนที่รู้เรื่องนี้ เช่นกษัตริย์เฮโรด มหาปุโรหิต พวกธรรมาจารย์ เจ้าของโรงแรม และชาวกรุงเยรูซาเล็ม เป็นต้น คนเหล่านี้อยู่ไม่ไกลจากที่ที่พระเยซูบังเกิด มีโอกาสที่จะพบพระเยซูได้ แต่เสียโอกาสที่มาถึงแก่เขา ดังนั้น คนเหล่านี้วุ่นวายใจ แทนชื่นใจ แต่พวกโหราจารย์ ซึ่งอยู่ไกลมาก พวกเขาเดินทางมาจากทิศตะวันออกมายังกรุงเยรูซาเล็ม และเดินทางต่อไปถึงเบธเลเฮม เมื่อมาหยุดอยู่เหนือสถานที่ที่กุมารเยซูอยู่นั้น ก็เข้าไป แล้วพบกุมารเยซู พวกเขาจึงปิติยินดีอย่างยิ่ง พวกเขาจึงกราบนมัสการพระกุมารเยซู และได้ถวายเครื่องบรรณาการ คือทองคำ กำยาน และมดยอบ ผู้ที่พบพระเยซูก็มีความชื่นชมยินดีและสันติสุขภายในจิตใจของตน เมื่อคนเลี้ยงแกะได้พบพระกุมารเยซู ก็ชื่นใจ จึงยกย่องสรรเสริญพระเจ้า เมื่อสิเมโอนได้พบพระกุารเยซู ก็ชื่นใจ จึงอุ้มพระกุมารและสรรเสริญพระเจ้า
เมื่อศักเคียสพบพระเยซู เขาจึงต้อนรับพระองค์ด้วยความปรีดี นอกจากแล้ว ยังมีคนมากมายที่ได้พบพระเยซู แล้วมีความสุขแท้ เช่นคนโครเรื้อน คนตาบอด คนยากจน เป็นต้น
ไม่มีข่าวดีกว่าข่าวเรื่องพระเยซู ทูตสวรรค์มาบอกกับคนเลี้ยงแกะว่า อย่ากลัวเลย เพราะเรานำข่าวดีมายังท่านทั้งหลาย คือความปรีดียิ่ง ซึ่งจะมาถึงคนทั้งปวง เพราะว่าในวันนี้พระผู้ช่วยให้รอดของท่านทั้งหลาย คือพระคริสตเจ้า มาบังเกิดที่เมืองดาวิด (ลูกา 2.10-11) การบังเกิดของพระเยซูเป็นข่าวดี เพราะว่า
พระเยซูเป็นความสว่างของโลก ส่องสว่างแก่คนที่อยู่ในความมืด
พระเยซูเป็นอาหารแห่งชีวิตที่ลงมาจากสวรรค์
พระเยซูเป็นเหตุให้คนทั้งปวงเป็นขึ้นและมีชีวิต
พระเยซูเป็นผู้เลี้ยงที่ดีเลิศประเสริฐ
พระเยซูเป็นทางนั้น เป็นความจริงและเป็นชีวิตที่จะนำเราสู่สวรรค์
พระเยซูเป็นแพทย์ประเสริฐ รักษาโรคทั้งทางร่างกาย จิตใจและจิตวิญญาณ
พี่น้องที่รัก ในวันคริสตาสครั้งแรก พวกโหราจารย์มีความยินดียิ่งนัก เพราะเขารอคอยพระเยซู เข้าใจการทรงสำแดงของพระเจ้า ถ่อมใจลง และได้พบพระกุมารเยซู ส่วนกษัตริย์เฮโรด หมาปุโรหิต พวกธรรมาจารย์และชาวกรุงเยรูซาเล็มวุ่นวายใจไปหมด เพราะแม้เขามีโอกาสที่จะพบพระกุารเยซู แต่เขาเสียโอกาสไป ไม่ได้พบพระเยซูเลย
เราส่วนใหญ่รู้ว่า ยุคสุดท้ายกำลังจะมา และพระเยซูจะกลับมาอีก ในวันนั้นที่พระองค์จะเสด็จกลับมา บางคนชื่นใจอย่างมาก และบางคนเสียใจ ให้เรารอคอยพระเยซูผู้ที่จะเสด็จกลับมา เข้าใจการทรงสำแดงของพระเจ้าผ่านทางธรรมชาติ หรือเหตุการณ์ต่างๆ ถ่อมใจลงที่จะพบพระองค์ เพื่อไม่เสียใจหรือวุ่นวายใจในวันนั้น แต่เพื่อมีความยินดียิ่งนักในวันนั้นที่พระองค์จะเสด็จกลับ มาเป็นครั้งที่สอง