มัทธิว 28.1-10
อยากจะถามว่า เข้าใจชีวิตคริสเตียนอย่างไร เราควรเข้าใจอย่างถูกต้อง แล้วเราจะดำเนินชีวิตอย่างถูกต้องได้ ไม่น่าเข้าใจตามความรู้สึกของตน แต่ควรเข้าใจตามความเป็นจริงซึ่งปรากฎอยู่พระคัมภีร์
พระวจนะของพระเจ้าสำหรับวันนี้เป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในตอนเช้าวันที่พระเยซูทรงเป็นขึ้นมาจากความตาย พวกผู้หญิงได้ไปดูอุโมงค์ มีทูตสวรรค์องค์หนึ่งมาปรากฎแก่หญิงเหล่านี้และบอกให้ทราบว่า พระเยซูได้ทรงเป็นขึ้น มาจากความตายแล้ว ในคำพูดของทูตสวรรค์นั้น มีคำกิริยา สี่คำที่สำคัญมากสำหรับชีวิตคริสเตียน แต่สรุปได้สองคำ คือ มาดู และไปบอก
1. คำแรก คือ มาดู
พระองค์หาได้ประทับอยู่ที่นี่ไม่ ทรงเป็นขึ้นมาแล้วตามซึ่งพระองค์ได้ตรัสไว้นั้น มาดูที่ซึ่งพระองค์ได้บรรทมอยู่นั้น (6) ทูตสวรรค์เชิญพวกผู้หญิงเข้ามาดูที่วางพระศพของพระเยซู เมื่อไปดูแล้วพวกเขาหาพบพระศพของพระเยซูที่นั่นไม่ เพราะพระเยซูได้ทรงเป็นขึ้นมาจากความตายแล้ว เขาได้สัมผัสด้วยตาของเขา เขาจึงมั่นใจได้ว่า คำพยากรณ์ของพระเยซูเป็นความจริง มีคำว่า การมองเห็นครั้งหนึ่งดีกว่าการได้ยินร้อยครั้ง
คำว่า มาดูนี้เป็นคำเชิญชวน พระคัมภีร์เต็มไปด้วยคำเชิญชวน โดยเฉพาะอย่างยิ่งพระเยซูคริสต์ ตามคำแนะนำของยอห์นผู้ให้รับบัพติศมา สาวกของยอห์นผู้ให้รับบัพติศมาสองคน คืออันดรูว์กับอัครสาวกยอห์นได้ติดตามพระเยซูไป และทูลถามพระองค์ว่า อาจารย์อยู่ที่ไหน พระองค์ทรงตอบว่า มาดูเถิด ทั้งสองคนได้ไปดูที่ซึ่งพระองค์ทรงพำนัก และได้พบพระผู้ช่วยให้รอดของเขาส่วนตัวและกลายเป็นสาวกของพระองค์ต่อมา หลังจากที่ฟีลิปได้เป็นสาวกของพระเยซูแล้ว ฟีลิปไปหาเพื่อนของตน ชื่อนาธานาเอลและบอกว่า เราได้พบพระเยซู ชาวนาซาเร็ธ นาธานาเอลถามเขาว่า สิ่งดีอันใดจะมาจากนาซาเร็ธได้หรือ ฟีลิปตอบว่า มาดูเถิด นาธานาเอลได้ไปพบพระเยซูและได้เป็นสาวกของพระองค์ ยิ่งกว่านั้นพระเยซูทรงเชิญทุกๆคนว่า บรรดาผู้ทำงานเหน็ดเหนื่อยและแบกภาระหนัก จงมาหาเรา และเราจะให้ท่านทั้งหลายหายเหนื่อยเป็นสุข
(มัทธิว 11.28)
แม้จนวันนี้ พระเจ้าทรงเชิญเราทุกคนให้มาพบพระเจ้า ให้มาสัมผัสพระ คุณและความรักของพระองค์ ให้มาพบกับพระเยซูคริสต์ผู้ทรงพระชนม์อยู่ และให้มารับพระพรของพระองค์ ผู้ที่ไปพบพระเยซูนั้น หายเหนื่อยเป็นสุข การพบพระเจ้าเป็นพลังของเรา ทำให้เรามั่นใจในการดำเนินชีวิตแต่ละวัน เหมือนที่เติมน้ำมันที่ปั้มน้ำมัน เมื่อน้ำมันเกือบจะหมดน้ำมัน เพราะพลังรถอยู่ที่น้ำมัน แล้วเราจะขับรถต่อไปได้
คนส่วนใหญ่ในทุกวันนี้กลัวหลายสิ่งหลายอย่าง กลัวอนาคต กลัวบาป กลัวตาย เป็นต้น พระเจ้าทรงเรียกผู้นั้นให้มาพบพระองค์ ใครรู้สึกลำบากและเหนื่อย เชิญมาหาพระเยซู ใครแบกภาระหนักไม่ว่าเรื่องอะไรก็ตาม เชิญมาหาพระเยซู ผู้ใดต้องการที่จะรอดพ้นจากบาป เชิญมาหาพระเยซู เมื่อไปหาพระเจ้า พระองค์จะทรงขับไล่ความกลัว ความลำบาก ความเหนื่อย และความบาปทั้งสิ้นให้ออกไปและต้อนรับผู้นั้นด้วยความอบอุน
พี่น้องได้เข้ามาที่นี่แล้ว ก็ดีมากๆ แต่หลายคนเข้ามาที่นี่แต่ไม่ดูไม่พบพระเจ้าเลย น่าเสียดาย เราเชื่อว่า พระเยซูยังทรงพระชนม์อยู่ และทรงสถิดอยู่ที่นี่ เราจำเป็นต้องพบพระเยซู เพราะพระเยซูเท่านั้นเป็นความหวังของเราและของทั้งโลก ทำอย่างไรจะพบพระองค์ได้ แน่นอน ก่อนอื่น เราต้องปรารถนาที่จะพบพระเจ้าทุกครั้งเมื่อเรามานมัสการพระเจ้า แล้วอธิษฐานด้วยความจริงใจและความเชื่อ และมอบจิตใจของเราให้แด่พระเจ้า ให้พระองค์ทรงเปิดจิตใจของเราที่จะพบพระองค์ได้
2. คำที่สอง คือ รีบไปบอก
แล้วจงรีบไปบอกพวกสาวกของพระองค์เถิดว่า พระองค์ทรงเป็นขึ้นมาจากความตายแล้วและพระองค์เสด็จไปยังแคว้นกาลิลี...นี่แหละเราบอกเจ้าแล้ว (7)
ทูตสวรรค์ได้บอกพวกผู้หญิงให้รีบออกไปบอกพวกสาวกของพระเยซูเรื่องการคืนพระชนม์ของพระเยซู มีสามคำที่น่าจับตามองดู ก็คือ รีบ ไป บอก เมื่อเราอ่านข้อ 8 พวกผู้หญิงได้ไปจากอุโมงค์โดยเร็ว ... วิ่งไปบอกพวกสาวก ใน ขณะที่วิ่งไป พระเยซูผู้ทรงเป็นขึ้นมาจากความตายได้เสด็จมาพบผู้หญิงเหล่า นั้น และตรัสกับเขาว่า อย่ากลัวเลย จงไปบอกพวกพี่น้องของเราให้ไปยัง กาลิลี จะได้พบเราที่นั่น (10)
พระเยซูผู้ทรงเชิญเราทุกคน ก็ทรงบัญชาให้เราออกไปด้วย ไม่ใช่คริสเตียนทุกคนได้รับการทรงเรียกให้เป็นนักเทศน์ แต่ทุกคนได้รับการทรงเรียกให้เป็นผู้ประกาศ ให้เป็นพยานฝ่ายพระเยซูจนถึงที่สุดปลายแผ่นดินโลก คริสเตียนบางคนชอบที่จะอยู่ใต้พระบาทพระเยซู เช่นเปโตร เมื่อพระเยซูทรงพาเปโตร ยากอบและยอห์นขึ้นภูเขาสูง และพระกายของพระเยซูก็เปลี่ยนไปต่อหน้าเขา เอลียาห์กับโมเสสปรากฎและสนทนากับพระองค์ เปโตร บอกว่า เราอยู่ที่นี่ก็ดี ให้พวกข้าพระองค์ทำเพิงสามหลัง สำหรับพระองค์หลังหนึ่ง สำหรับโมเสสหลังหนึ่ง สำหรับเอลียาห์หลังหนึ่ง (มก.9.5)
แต่พระองค์ได้ทรงบัญชาสาวกของพระองค์ว่า เหตุฉะนั้น ท่านทั้งหลายจงออกไป สั่งสอนชนทุกชาติให้เป็นสาวกของเรา... (มธ. 28.19) คนที่มาพบพระเยซู มักจะออกไปบอกเรื่องประสบการณ์ส่วนตัวของเขา ยอห์นผู้ให้รับบัพติศมาบอกสาวกของท่านสองคน คืออันดรูว์กับยอห์นอีกคนหนึ่ง เมื่อ อันดรูว์ได้พบพระเยซูแล้ว ไปหาเปโตรพี่ชายของตนและบอกเขาว่า เราได้พบพระเมสิยาห์แล้ว (ซึ่งแปลว่าพระคริสต์)(ยน.1.41) และพาเปโตรไปหาพระเยซู ฟีลิปก็ไปหานาธานาเอลและบอกว่า เราได้พบพระองค์ผู้ที่โมเสสได้กล่าวไว้... คือพระเยซู(ยน.1.45) เมื่อหญิงชาวสะมาเรียได้พบพระเยซูแล้ว หญิงนั้นทิ้งหม้อน้ำไว้และเข้าไปในเมืองบอกคนทั้งปวงว่า มาเถิด มาดูท่านผู้หนึ่งที่เล่าถึงสิ่งสารพัดซึ่งฉันได้กระทำ ท่านผู้นี้จะเป็นพระคริสต์ได้ไหม (ยน.4.29) นอกจากแล้วยังมีเรื่องมากมายของคนที่พบพระเยซูแล้วไปบอกคนอื่นๆในพระคัมภีร์และคริสตจักรทั่วโลก
เชิญมาดู เชื่อพระเยซู พบพระเจ้า มีประสบการณ์กับพระเจ้าส่วนตัว แล้วเมื่อออกจากสถานที่นี่ ก็จงไปบอกคนอื่นๆ เรื่องที่ได้พบ ได้เห็นให้เขาฟัง นี่คือลักษณะชีวิตคริสเตียน หรือลักษณะคริสตจักร คริสตจักรควรจะเป็นคริสตจักรเข้ามาร่วมประชุมนมัสการพระเจ้า แล้วกระจัดกระจายออกไปบอกสิ่งที่เกิดขึ้นกับตัวเอง ซึ่งพระเจ้าทรงกระทำให้ นี่เป็นภาพของคริสตจักรที่พระเจ้าทรงพอพระทัย ขอพระเจ้าทรงอวยพร