ReadyPlanet.com
dot
dot
แจ้งเพื่อรับข่าวสารจากเรา

dot
dot
ทีรันนัสดอทคอม
dot
bulletสารจากผู้อำนวยการ
bulletประวัติทีรันนัส
bulletติดต่อเรา
bulletแผนที่
bulletสมุดเซ็นเยี่ยม
bulletข่าวสารจากทีรันนัส
dot
หนังสือแยกเป็นหมวดหมู่
dot
bulletหมวด คริสเตียนศึกษา
bulletหมวด การเทศนา
bulletหมวด อธิบายพระคัมภีร์
bulletหมวด คู่มือศึกษาพระคัมภีร์
bulletหมวด ชีวิตคริสเตียน
bulletหมวด เพิ่มพูนคริสตจักร
bulletหมวด การสร้างสาวก
bulletหมวด การประกาศ-มิชชั่น
dot
สำนักพิมพ์ ทีรันนัส
dot
bulletสมัครเป็นสมาชิก
bulletสมัครเป็นผู้แทนจำหน่าย
bulletหนังสือใหม่ล่าสุด
bulletหนังสือขายดีติดอันดับ
bulletหนังสือพิมพ์ซ้ำ
bulletวิธีสั่งซื้อสินค้าจากเรา
bulletศูนย์รับแจ้งสินค้ามีปัญหา
bulletแนะนำร้านหนังสือคริสเตียน
dot
Phon Phaiboon Church
dot
bulletคำเทศนาของศิษยาภิบาล
bulletข่าวสารจากคริสตจักร
dot
เว็บอื่นๆ
dot
bulletLink ลิ้งค์ไปเว็บคริสเตียน
bulletwww.thaichristians.net


องค์การ gpinternational
สหกิจคริสเตียนแห่งประเทศไทย
เว็บข่าวสารคริสเตียนไทย ทั่วฟ้าเมืองไทย ไม่แบ่งแยกคณะ บทความ  คำเทศนา  เรื่องสั้น  บทกลอน  แจกโฮมเพจเพื่อคริสตจักรในท้องถิ่น.... ฟังคำเทษนาออน์ไลน์  ลิ้งค์ไปเว็บต่างของคริสเตียนทั่วโลก   แหล่งซื้อขายของคริสเตียน  สิ่งดีๆที่คุณไม่ควรพลาดในเว็บไทยคริสเ
สมาคมพระคริสตธรรมไทย
คริสตจักรพรไพบูลย์


เทศนาเรื่อง การวางใจที่ได้รับพระพร article

ฮีบรู 10.35

           จากกการศึกษาพบว่า สิ่งที่ทำให้คริสเตียน ไทยมีปัญหาในการติดตามพระเจ้า ส่วนหนึ่งมาจากการที่เรา คนไทยไว้วางใจกับสิ่งที่เป็นนามธรรม อาจเนื่องมาจากอดีตคนไทย เชื่อเคารพ หวังวางใจ ได้ในสิ่งที่เรามองเห็นเท่านั้น ถึงแม้จะเป็นวิญญาณสัตยา อยู่ในรูปที่เรามองเห็นได้ คือรูปปั้นต่างๆ หรือต้นไม้ก็ได้ ดังนั้น การที่จะให้คริสเตียน ไทยวางใจในพระเจ้า ที่เรามองไม่เห็นนั้นค่อนข้างลำบาก

           มีชายไทยคนหนึ่ง เขาได้โอกาสไปเที่ยวประเทศสิงคโปร์ เป็นครั้งแรก แต่ด้วยอุปนิสัยใจร้อนของเขา เพื่อนคนไทยก็ได้สอนเขาก่อนไปว่า ถ้าเกิดอะไรที่รู้สึกไม่ดีหรือไม่ปลอดภัยขึ้นอย่างพึ่งกระวนพระวาย หรือเดือดร้อนทำอะไรนะ ให้นับ 1 2 3 ในใจก่อน ก็คือใจเย็นๆ ค่อยๆคิด เมื่อชายไทยคนนี้ มาถึงสิงคโปร์เป็นวันแรก สิ่งที่เขาจะต้องเรียนรู้ก็คือการขึ้นรถประจำทาง เมื่อเดินทางที่ต่าง ๆในสิงคโปร์ เขาตัดสินใจขึ้นรถคันหนึ่ง เมื่อเขาขึ้นไปนั่ง ปรากฏว่ารถที่เขาขึ้นไปนั่งนั้นเป็นรถ สองชั้น ซึ่งเกิดมาในชีวิต เขาไม่เคยเห็น หรือขึ้นรถสองชั้นมาก่อน ในชีวิตเลย แล้วเบาะที่เขานั่งเป็นชั้นสอง หรือชั้นบน ดังนั้นเขานั่งอยู่สักพักหนึ่ง สีหน้าของเขาเริ่มไม่ดี เขาเริ่มนับ 1 2 ในใจ ตามที่เพื่อนเคยบอกไว้ก่อนมา แต่เขานับยังไม่ได้ถึง 3 เขาก็ตัดสินใจลุกขึ้น แล้วเขาก็เดินมายืนใกล้ๆคนขับรถ สีหน้าของเขาเริ่มมีความสุขมากขึ้น คนขับรถก็เริ่มสงสัย ก็เลยถามชายไทยคนนั้นว่า ทำไมมายืนตรงนี้ละครับ ที่นั่งข้างบนชั้นสองก็มีเยอะแยะ ชายไทยหันมายิ้ม แล้วตอบไปว่า “ที่นั่งมีครับ แต่ข้างบนไม่มีคนขับ”

            ฟังดูแล้วก็ขำดีนะครับ แต่พี่น้องครับ บางครั้งชีวิตของเราก็ไม่ต่างไปจากชายไทยคนนี้เลย เพราะในบางครั้งเราวางใจพระเจ้าที่ยิ่งใหญ่ที่ทรงสถิตอยู่กับเราไม่ได้ เพียงเราไม่เห็นพระองค์ และในขนาดเดียวกัน เมื่อเราพบกับปัญหาหรือสิ่งที่จะทำให้เราขาดการวางใจ บางครั้งเราอาจต้องหาวิธีเดียวกันกับเพื่อนของชายไทยคนนั้น ที่แนะนำเขา คือ ให้เราหยุดและนับ 1 2 3 แต่เป็นการนับ ที่ตามหมาย คือนับเพื่อที่จะไปถึง “การวางใจที่เป็นพระพร” ให้เราเริ่มนับด้วยกันนะครับ

1. การนับ 1 ก็คือ หนึ่งเดียวที่เราวางใจ หนึ่งเดียวผู้นี้ 
          
คือใครครับ ? แน่นอนองค์พระผู้เป็นเจ้าของเรานั่นเอง แต่คำถาม คือทำไมเราต้องวางใจในพระองค์ พระผู้เป็นเจ้าองค์นี้เพียงผู้เดียวด้วย ในพระธรรม วิวรณ์. 22.13 “เราคืออัลฟา และโอเมก้า เป็นเบื้องต้น และเบื้องปลาย เป็นปฐมและเป็นอวสาน” ดังนั้นหนึ่งเดียวที่เราวางใจ คือพระเจ้า ที่เป็นจุดเริ่มต้น และจุดสิ้นสุด เมื่อพระเจ้าเป็นจุดเริ่มต้น ทุกสิ่งทุกอย่าง และทุกสิ่งทุกอย่างต้องจบลงที่พระองค์ จึงทำให้เรารู้ได้ว่า พระเจ้าผู้นี้เป็นผู้ครอบครอง อยู่เหนือทุกสิ่งทุกอย่างบนโลกรวมทั้งชีวิตของเรา และเป็นพระเจ้าที่ทรงรอบรู้ ไม่มีอะไรอยู่เหนือความหยั่งรู้ของพระองค์ได้ สุภษิต 22.12 บอกว่า “พระเนตรของพระเจ้าเฝ้าอยู่เหนือความรู้ แต่พระองค์ทรงคว่ำถ้อยคำของคนไร้ความเชื่อเสีย” และพระเจ้าเป็นพระเจ้า ที่รอบรู้หรือสัพพัญญู ดังนั้นความผิดพลาดจึงไม่มีในพระองค์เอง

           พี่น้องครับ พระเจ้าที่เป็นเบื้องต้นและเบื้องปลายนี้คือ พระเจ้าผู้ทรงครอบครองอยู่ เป็นพระเจ้าที่รอบรู้ในทุกๆสิ่ง เป็นพระเจ้าที่ไม่เคยผิดพลาด และเป็นผู้เดียวที่อยู่บนไม้กางเขน ยิ่งเป็นการแสดงถึงความห่วงใย และความรักที่ยิ่งใหญ่ที่พระองค์ทรงมีต่อเราทุกคน และในที่นี้น่าจะชี้เหตุผลที่เพียงพอที่เราทุกคนจะวางใจในพระองค์องค์นี้

           ในชีวิตของเราตอนนี้อะไรที่ทำให้เราวางใจมากไปกว่าพระเจ้า ที่เป็นจุดเริ่มต้น และจุดสิ้นสุด หรือเปล่าครับ ความมั่นคง บ้าน รถ เงินทอง ชื่อเสียง เกียรติยศ อำนาจบารมี

           พี่น้องครับ ถ้าเราติดอยู่กับสถานการณ์ปัจจุบันนี้ เราเห็นได้ชัดเจนว่า สิ่งเหล่านี้ไม่ได้เป็นสิ่งที่รับประกัน เลยว่าผู้ที่มีอำนาจ บารมี เงินทองมากมาย จะไม่ให้ผู้นั้นหมดปัญหา หรือมีความสุขได้ ตรงกันข้ามสิ่งเหล่านี้ กลับเป็นตัวสร้างปัญหา ความเดือดร้อนให้แก่ผู้นั้นเอง

           มีคนไปสำรวจหรือตั้งคำถามกับคนที่ขับยานพาหนะ 2 คน คนแรกเป็นคนที่ขี่จักรยาน ผู้ไปสัมภาษณ์ก็ถามว่าถ้าในขณะที่คุณกำลัง ขี่จักรยานอยู่นั้น บังเอิญมีเศษกิ่งไม้ตกลงมาขว้างทางคุณ จะทำอย่างไร? คนที่ขี่จักรยานก็ตอบว่า “ก็ต้องขี่หลบ หรือถ้า หลบไม่ทัน ก็ต้องรีบเบรดหรือหยุดรถทันที” ในคำถามเดียวกันนี้ผู้สัมภาษณ์ก็ถามอีกคนหนึ่งที่เป็นคนขับรถสิบล้อ “ถ้าในขณะที่คุณขับรถอยู่มีเศษกิ่งไม้ตกลงมาขว้างคุณ คุณจะทำอย่างไร? คนที่ขับสิบล้อ ก็มองหน้าผู้สัมภาษณ์ แบบเหมือนไม่น่าจะถาม เขาตอบว่า “ก็เหยียบมันเลยซิครับ ไม่เห็นจะต้องทำอะไรเลย

          พี่น้องครับ ในชีวิตของเราก็ไม่ต่างกัน การที่เราจะผ่านปัญหาหรืออุปสรรคใดๆได้ บางครั้งไม่ได้ขึ้นกับปัญหาหรืออุปสรรคจะเป็นอย่างไร? แต่ขึ้นอยู่กับเราวางใจอะไรต่างหาก เหมือนกับคนขับขี่รถสองคนนั้น เศษไม้กิ่งเดียวกัน แต่เราขับรถต่างกัน มีวิธีแก้ปัญหาต่างกัน แล้วเราล่ะครับ เรากำลังมอบการไว้วางใจให้กับอะไรอยู่ ถ้าเรามอบการวางใจที่เรามีให้กับโลกนี้ คือ เงินทอง ชื่อเสียง เกียรติยศ เราก็เหมือนกำลังขี่จักรยาน ที่เวลาเจอปัญหา เราก็ต้องคอยหลบ หรือต้องหยุด จอดเลย แต่ถ้าเราวางใจพระเจ้าของเราที่ไม่เคยผิดพลาดแล้วล่ะก็ ชีวิตเราก็ยิ่งกว่าการขับรถสิบล้อ อาจเป็นพัน แสน ล้านๆล้อ พูดได้ว่ามันยิ่งใหญ่กว่าที่เราคิดหลายเท่า ดังนั้นเราวางใจได้เลยว่า เราจะผ่านพ้นกับอุปสรรคปัญหาในชีวิตของเราอย่างง่ายดาย ถ้าเราวางใจผู้เดียวที่เป็นพระเจ้าที่ไม่เคยผิดพลาด นี่คือนับ 1 ถ้าเราขาดการไว้วางใจ หนึ่งเดียวที่เราไว้วางใจคือ พระเจ้าที่เป็นจุดเริ่มต้นและจุดสิ้นสุด ให้เรานับต่อไปนะครับ หนึ่งแล้วก็ต้อง 2 .. เน้น เป็นสองที่เราต้องทำ สองสิ่งที่เราควรจะทำเป็นท่าที ในการวางใจพระเจ้า สองสิ่งนั้นก็คือ วางใจด้วยสิ้นสุดใจ กับวางใจอย่างสุดความคิด ในสุภาษิต 3.5 บอกไว้ว่า .. “จงวางใจในพระเจ้าด้วยสิ้นสุดใจของเจ้า และอย่าพึ่งพาความรอบรู้ของตนเอง” ดังนั้น.....

การนับ 2 ก็คือ สองสิ่งที่เราต้องทำ คือ วางใจด้วยสิ้นสุดใจ และสิ้นสุดความคิด
            
การวางใจ หมายถึงอะไร ในพจนานุกรมไทย ให้ความหมายของคำว่า “วาง” เอาไว้ว่า เน้นการที่ทำให้สิ่งหนึ่ง สิ่งใดที่อยู่ในมือนั้นพ้นจากมือหรือที่เราเข้าใจก็คือ การปล่อยนั่นเอง ส่วนคำว่า “ใจ” ในพจนานุกรมได้ให้ความหมายว่า เน้นสิ่งที่ทำหน้าที่รู้ รู้สึก นึก และคิด ถ้าเราเอาความหมายของทั้งสองมารวมกัน ก็จะหมายความได้ว่า การที่รู้ รู้สึก นึก หรือคิดที่จะวางหรือปล่อยสิ่งหนึ่งสิ่งให้พ้นออกไป หรือที่เรียกว่าไว้ใจหรือเชื่อใจ จะเห็นได้ว่าการไว้ใจหรือการวางใจที่แท้ก็ขึ้นอยู่กับความรู้สึกภายใน และความคิดของเราด้วย จึงไม่น่าแปลกใจ ที่พระเจ้าสั่งเราในการวางใจ ต้องวางใจพระเจ้าด้วยสุดใจ สุดความคิดของเรา และวางใจสุดความคิดคือ ไม่ให้พึ่งพาความรอบรู้ของตัวเอง เพราะความรอบรู้ของเราอาจนำพา สิ่งความผิดพลาดได้ มีพระเจ้าผู้เดียวเท่านั้นที่ไม่เคยผิดพลาดเลย

           เอาล่ะครับ พี่น้องตอนนี้ให้เรายกมือที่เราถนัดขึ้นมา สูงๆนะครับ พี่น้องคิดว่าเราจะชูมือของเราได้นานเท่าไร แล้วให้เราคิดนะครับ ถ้ามีอะไรอยู่ในมือสัก 1 กิโลกรัม เราจะชูมือของเราได้นานขนาดไหน แล้วถ้ามันยิ่งหนักมากกว่านั้นอีก เช่น 2 3 4 5 หรือเป็น 10 กิโลกรัม เราอาจจะเอามือลงหรือปล่อย ของนั้นออกจากมือของเราเร็วขนาดไหน โดยธรรมชาติมนุษย์แล้ว ถ้ายิ่งหนักก็ยิ่งวางเร็ว ถ้าเบาๆ เราก็ยิ่งกำและยกไว้นาน แต่พี่น้องครับเราคริสเตียน เรากำลังฝืนธรรมชาติหรือเปล่า ให้สังเกตชีวิตของเรา เมื่อเราเจอ ปัญหาหรืออุปสรรคในชีวิต ถ้าเบาๆไม่ยาก แม้วันนี้ไม่มี อาหารเย็นจะรับประทานแต่ยังขอบคุณพระเจ้าได้ มื้อต่อไปพระเจ้าคงจัดเตรียมให้แน่ๆ แต่มาถึงมื้อต่อมา ยังไม่มีเงินซื้ออาหารอีก และดูท่าทีว่าจะไม่มีใครรู้หรือถวายด้วยจาก 1 มื้อเป็น 2 มื้อ 3 4 5 ที่ต้องอดอาหารเพราะไม่มีเงิน ปัญหา เริ่มมากขึ้น แต่ แทนที่ปัญหาจะหนักขึ้น เราจะรับวางปัญหานั้นกับพระเจ้า กลับกลายเราคริสเตียนจะฝืนธรรมคือยิ่งหนัก เรายิ่งทำ ยกมันขึ้นสูงๆ เหนือหัวเรา หรือบางครั้งยกมันสูงกว่าพระเจ้าที่ยิ่งใหญ่สูงสุดซักอีก

             แย่แล้ว พี่น้อง เราเป็นพวกที่ ฝืนธรรมชาติหรือไม่ อย่าให้เป็นอย่างนั้นเลยครับพี่น้อง ให้เราเข้าสู่ความเป็นธรรมชาติ คือ ถ้าปัญหาหรืออุปสรรคยิ่งหนักก็ให้เรายิ่งวางลง เหมือนกับการที่เราถือของหนักอยู่เป็นเวลานาน แม้ว่าใจเราบอกว่าไหว ความคิดเราสั่งให้ถืออยู่ แต่สุดใจ สุดความคิดจริงๆ เราไม่สามารถถือมันได้ตลอดไป ถ้าเรารู้อย่างนี้แล้ว ให้เราละวางซะเถอะ เราจะได้ไม่เมื่อยหรือหนักอีกต่อไป

             พี่น้องครับ ให้เราวางใจเหมือนอย่างที่พระเยซูทรงวางใจในพระบิดา ที่สวนเก็ธเสมนี พระเยซูต้องต่อสู้กับจิตใจ และความคิดของตัวเอง ว่าพระองค์จะไว้วางใจความคิดหรือความรู้สึกในความเป็นมนุษย์ ของพระองค์ หรือจะวางใจในพระบิดาผู้ใช้พระเยซูมา ขอบคุณพระเจ้า พระเยซูปฏิเสธความไว้วางใจในความรู้สึกของความเป็นมนุษย์ แต่ พระเยซูเลือกที่จะวางใจโดยการปฏิบัติตามพระประสงค์ขององค์พระผู้เป็นเจ้า ที่มีแผนการอันยิ่งใหญ่ ในชีวิตของพระเยซู โดยการเข้าสู่การทนทุกข์ทรมานอย่างแสนสาหัส เกินกว่าที่มนุษย์อย่างเราจะรับได้ นี้เป็นตัวอย่างการวางใจที่ดีที่สุด ฉะนั้นการวางใจไม่ใช่เพียงแต่การรอคอยพระเจ้าโดยที่ไม่ทำอะไรเลย พระเยซูอธิษฐานวิงวอนต่อพระบิดา พระเยซูปฏิเสธความรู้สึก และความคิดของตัวเอง โดยวางใจพระบิดาอย่างสุดจิต สุดใจ และสุดความคิด สุดท้ายพระองค์ลงมือที่จะกระทำตามพระประสงค์ของพระบิดา สิ่งนี้สำคัญมาก ถ้าเรา วางใจพระเจ้า ของเราทำ อย่างสุดใจและสุดความคิด

              มีชายชราคนหนึ่ง ท่านได้เลือกใช้ชีวิต บั้นปลายของท่านในบ้านหลังเล็กๆ ที่บนภูเขาแห่งหนึ่งตามลำพัง ดูชีวิตของท่านก็ดูสงบมีความสุขดี ท่ามกลางป่าเขาลำเนาไพร และกับพระเจ้าที่ท่านเชื่อ ในวันหนึ่งเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น มีชายคนหนึ่ง หอบหิ้วข้าวของวิ่งลงมาจากทางเขาที่สูงจากบ้านที่ชายชราผู้นี้อาศัยอยู่ แล้วเมื่อบ้านชายชราผู้นั้น ก็ร้องตะโกน บอกชายชรานั้นว่า “คุณตาวิทยุบอกว่าจะเกิดไฟป่าให้รีบอพยพโดยด่วน” ชายชรานั้นหันไปบอกชายหนุ่ม บอกว่า “ไม่เป็นไรหรอกพ่อหนุ่ม ตาจะอยู่ที่นี่แหละ เพราะตามีพระเจ้า พระเจ้าจะช่วยตา” แล้วชายชราผู้นี้ ก็มานั่งอยู่บนเก้าอี้หน้าบ้านของท่านอย่างสบายใจเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น สักพักหนึ่งก็มีเสียงหวอไฟเล่น จากรถเตือนภัย ของกรมป่าไม้ หวอ.... แล้วรถคันนั้นก็ผ่านหน้าบ้านของชายชราผู้นี้ แล้วก็มีเจ้าหน้าที่ บนรถก็ประกาศว่าให้รีบอพยพโดยด่วน ไฟกำลังลุกลามไหม้อย่างรุนแรงมาก แต่ชายชราผู้นั้นก็ยังนิ่งเฉยๆแล้ว พูดในใจว่า พระเจ้าของเราจะปกป้องเราเอง เราไม่ต้องทำอะไรหรอก” แล้วรถเจ้าหน้าที่ก็วิ่งผ่านไป แล้วอีกไม่ถึง 5 ที ก็มีรถกู้ภัยคันหนึ่ง บนหลังรถมีผู้คนจำนวนหนึ่ง ที่อพยพจากไฟที่กำลังลุกลามถึงบ้านพวกเขา คนเหล่านั้นก็ตะโกน บอกชายชราผู้นี้ว่า ตารีบๆหนีไฟกำลังมาถึงบ้านตาแล้วนะ แต่ตาผู้นั้นกลับตะโกนกลับไปว่า “ไม่ได้ตาจะอยู่ที่นี่ เพราะถ้าตาไปก็เท่ากับตาไม่ไว้วางใจพระเจ้าซิ ตาไม่ตายหรอก พระเจ้าจะช่วยตา ไม่ต้องห่วง” รถกู้ภัยก็วิ่งผ่านไป

          หลังจากนั้นไม่นานไฟก็ลามจนถึงบ้านชายชราผู้นั้น แล้วก็เผาไหม้ทั้งหมดไปในพริบตาเดียว รวมทั้งชีวิตของตาด้วย ชายชราตายไปก็ไปพบกับพระเจ้า ท่านได้เริ่มต้นตั้งคำถามกับพระเจ้าทันที “ทำไมข้าพระองค์ต้องตายล่ะ? ข้าพระองค์วางใจในพระองค์มากขนาดไหน? พระองค์ทำไมไม่ช่วยข้าพระองค์” พระเจ้าตรัสกับชายชราผู้นี้ว่า “เราส่งคนไปบอกเจ้าถึง 3 ครั้ง เจ้าก็ยังไม่รับการช่วยเหลือของเรา และจะให้เราทำอะไรอีกหรือ?”

           พี่น้องครับ ฉะนั้นการวางใจที่แท้จริง นอกจากที่เราจะไม่ใช้ความรู้สึก และความคิดของเราเองแล้ว เรายังต้องเปิดใจและความคิดของเราให้แด่พระเจ้าของเราด้วย เพื่อที่เราจะรับทำตามการทรงนำของพระเจ้าที่อาจมาในรูปแบบต่างๆ ที่เราอาจไม่เข้าใจได้ บางคนอาจคิดว่าพระเจ้าจะต้องทำการอัศจรรย์ที่ยิ่งใหญ่มากๆในการช่วยเราออกจากปัญหา แต่พี่น้องครับ เรากำจัดความคิดของพระเจ้าไม่ได้ เพราะบางครั้งพระเจ้าก็ใช้วิธีธรรมดาๆที่จะช่วยเราก็เป็นได้ ดังนั้นให้เรามีท่าทีในการวางใจอย่างถูกต้องนะครับ นี่เป็นการนับครั้ง ที่ 2

            1 คือ หนึ่งเดียวที่เราวางใจคือ พระเจ้า 2 คือสองสิ่งที่เราควรทำคือ วางใจอย่างสุดใจและสุดความคิด พี่น้องครับเมื่อเรารู้ว่า เราควรวางใจใคร และเราวางใจด้วยท่าทีที่ถูกต้องแล้วพระพรจะเกิดขึ้นกับเราแน่ครับ

นับ 3 สามสิ่งที่เราได้รับคือ พระพรในการวางใจ เป็นพระพร สามอย่าง 
            เกิดขึ้นอย่างแน่นอนเมื่อวางใจในพระเจ้าของเรา นักการตลาดเรียกสิ่งนี้ว่า กำไร พอดีผมจบการตลาดมาครับ ทำไมเหรอครับ เพราะสิ่งที่เราทำมีแค่ 2 อย่าง แต่นี้เราได้รับตั้ง 3 อย่าง ไม่เรียกว่ากำไรแล้วจะเรียกว่าอะไรครับ แต่จริงๆแล้วมีพระพรที่พระเจ้า เตรียมให้เรา ในการวางใจนั้นมีหลายอย่าง แต่ที่ผมยกมาเพียง 3 อย่าง ก็ได้สร้างพอใจให้กับเราเป็นอย่างมาก แล้วล่ะครับ พระพรอย่างแรกก็คือ “สุขสบาย” ในพระธรรมสุภาษิต 16.20 “บุคคลที่สนใจในพระวนจะจะพบของดี และคนที่วางใจในพระเจ้าจะสุขสบาย”

            พี่น้องเคยเดินทางไกลไหมครับ? ในตอนเด็กบางคนอาจเคยเดินทางไกลตอนที่เป็นลูกเสือ หรือเนตรนารี บางครั้งต้องแบกเป้ไปด้วย เราต้องเดินเป็นกิโลๆ โดยไม่หยุด เพียงแต่มาถึงที่หมายเท่านั้น เมื่อเราวางเป้ ได้นั่งหรือนอนลงมันเป็นความรู้สึกที่สบาย มีความสุขมากๆ ใช่ไหมครับ นี่เป็นความรู้สึกธรรมชาติอยู่แล้ว เมื่อเรามีภาระหนัก หรือต้องทำอะไร ร่างกายจิตใจ หรือความคิดอย่างหนัก เมื่อเราวางหรือปล่อยมันลงไป มันก็จะรู้สึกสบายมีความสุขโดยธรรมชาติของมันอยู่แล้ว ยิ่งไปกว่านั้น ถ้าเราเอาปัญหาอุปสรรคที่มันทับถมอยู่ในชีวิตของเรามอบวางไว้กับพระเจ้า ที่เรามั่นใจได้ว่าจะไม่ทำให้เราผิดหวัง แล้วชีวิตเราจะสุขสบาย ขนาดไหน นี่เป็นสิ่งแรกที่เราได้รับจากพระเจ้า เมื่อเราวางใจในพระองค์ คือความสุขสบาย สิ่งที่สองในพระธรรมสดุดี 37.5 “จงมอบทางของท่านไว้กับพระเจ้า วางใจในพระองค์ และพระองค์จะทรงกระทำให้สำเร็จ” สิ่งที่สองที่เราจะได้รับจากการวางใจนั่นคือ “ความสำเร็จ” นั่นเอง พี่น้องครับ ตอนนี้เรากำลังมีความรู้ถึงทางที่เรากำลังเดินอยู่นี้อย่างไร? ถ้าใครกำลังเดินอยู่ในทางการศึกษา รู้สึกไหม ว่า ทำไมมันยากจังกว่าจะเรียนจบ ถ้าคนที่มีอาชีพหรือทำธุรกิจอยู่ ตอนนี้กำลังรู้สึกไหมว่า กว่าจะได้เงินมานั้นมันยากลำบากแค่ไหน อุปสรรคก็มาก ปัญหาก็เยอะแยะ กว่าจะประสบความสำเร็จ มันไม่ใช่เรื่องง่ายเลย

             หรือแม้ทางแห่งการรับใช้พระเจ้าของเรา ก็ตาม ก็ผ่านความรู้สึกท้อแท้หมดหวัง เหมือนกัน แต่ให้เราเชื่อเถิดว่า ถ้าเราวางใจในพระเจ้าสิ่งนี้จะสำเร็จได้ ไม่ใช่ด้านกำลังหรือสติปัญญาของเรา แต่ด้วยพระเจ้าผู้นี้ที่จะประทานความสำเร็จให้กับเรา เมื่อวางใจในพระองค์ แต่บางครั้งความสำเร็จของพระเจ้า กับความสำเร็จที่คิดก็แตกต่างกันไป

            ใช่อยู่ในบางครั้งพระเจ้า ก็ให้ความสำเร็จเหมือนเราเข้าใจทั่วๆไป ก็คิดการมีการงานที่ดี การประสบความสำเร็จในธุรกิจที่ทำ การมีครอบครัวที่น่ารัก การจบการศึกษาระดับสูง รวมถึงการมีชื่อเสียงดี เงินทองมากมาย ที่เราเข้าใจกันดี หรือโลกนี้เข้าใจว่านี่คือความสำเร็จ แต่ความสำเร็จของพระเจ้าที่มีต่อเราบางครั้งก็ไม่ได้เป็นอย่างนั้นเสมอไป พระเจ้าหรือพระเยซู พูดว่า “สำเร็จแล้ว” ที่เป็นความสำเร็จที่สุดยอดมาก ที่ไหนครับ ? ที่ไม้กางเขน และถ้านี้เป็นพระพรจริงๆครับ และผมเชื่อว่าถ้าเราวางใจพระเจ้าอย่างสุดใจสุดความคิด แล้วล่ะก็เราจะมีความสุข เหลือล้นกับพระพรในความสำเร็จนี้อย่างแท้จริง และพระพรอย่างที่สาม ที่เราจะได้รับ เมื่อเราวางใจในพระองค์ ก็คือความสว่างไสว ในพระธรรม ยอห์น 12.36 “เมื่อท่านทั้งหลายมีความสว่าง ก็จงวางใจในความสว่างนั้น เพื่อจะได้เป็นลูกแห่งความสว่าง” ก็คือ เมื่อเราวางใจในพระเจ้า ชีวิตเราก็จะส่องสว่างไปยังผู้อื่นด้วย เหมือนอย่างที่พระเจ้าทรงอวยพระพร อับราฮัม ที่ให้เขาเป็นพระพรแก่ชนชาติทั้งหลายด้วย ผมคิดว่าพระพรนี้น่าจะเป็นพระพรสูงสุดในชีวิตการเป็นคริสเตียนของเรา ที่ไม่ใช่แค่เราจะรับพระพรจากพระเจ้าไว้เพื่อตัวเองเท่านั้น แต่เราจะให้พระพรของพระเจ้า นี้หลั่งไหลไปยังผู้อื่น เหมือนอย่างแม่น้ำที่มีน้ำธำรงชีวิตจะไหลออกมาผู้นั้น เมื่อนั้นผู้นั้นวางใจพระองค์ ฉะนั้นพี่น้องครับ ให้เรามาตั้งเป้าด้วยกันในการรับพระพรจากพระเจ้า ของเรา ด้วยกัน คือ ให้เรารับพระพร เพื่อที่เราจะเป็นพระพรต่อผู้อื่น หรือให้เราวางใจพระเจ้า เพื่อให้เราวางใจได้แก่ทุกคน พี่น้องครับ นี่เป็นพระพร 3 ส. หรือสามสิ่งที่เราจะได้รับเมื่อเราวางใจในพระเจ้าอย่างสุดใจ และสุดความคิด ก็คือ สุขสบาย สำเร็จ และสว่างไสว

            พี่น้องครับ ตอนนี้ เรามีสิ่งที่จะช่วยเราแล้ว เมื่อพี่น้องพบกับ ปัญหาอุปสรรค ซึ่งทำให้พี่น้องขาดการไว้วางใจ อย่าพึ่งตกใจ หรือลุกขึ้นหาสิ่งที่เราเห็นได้ เพื่อที่จะทำให้เราวางใจ เหมือชายคนที่ลุกขึ้นไป หาคนขับรถสองชั้นนั้น แต่ให้เราหยุดที่จะนับ 1 2 3 คือ..

1. หนึ่งเดียวที่เราวางใจ คือพระเจ้าที่เป็นจุดเริ่มต้น และจุดสิ้นสุด
2. สองสิ่งที่เราต้องทำ คือการวางใจด้วยสิ้นสุดใจ และสิ้นสุดความคิด
3. สามสิ่งที่เราได้รับ คือ พระพรในการวางใจ - สุขสบาย - สำเร็จ - ความสว่างไสว

ขอพระเจ้าอวยพระพรทุกๆท่าน





คำเทศนาเรื่อง สุขสันต์วันคริสตมาส article
คำเทศนา ท่าทีที่ถูกต้องต่อพระเยซูคริสต์ในวันคริสตมาส article
คำเทศนาเรื่อง เหรียญทองแห่งความเชื่อ article
คำเทศนาเรื่อง ให้ทุกคนสรรเสริญพระเจ้า article
เทศนาเรื่อง รู้จักการขอบพระคุณ article
เทศนาเรื่อง เจ้ารักเราหรือ article
เทศนาเรื่อง คริสตจักรที่มีสองปีก article
เทศนาเรื่อง คริสตจักรที่มีชีวิตชีวา article
คำเทศนาเรื่อง จงมาดูและรีบไปบอก article
คำเทศนาเรื่อง คริสตจักรที่รักซึ่งและกัน article
เทศนาเรื่อง คริสตจักรที่เพิ่มพูนทวีคูณ article
เทศนาเรื่อง ผล 9 อย่างของพระวิญญาณ article
เทศนาเรื่อง การรู้จักบังคับตน article
คำเทศนาเรื่อง ความสุภาพอ่อนน้อม article
คำเทศนาเรื่อง เราจะสร้างคริสตจักรของเราไว้ article
เทศนาเรื่อง ความสัตย์ซื่อ article
เทศนาเรื่อง ความดี article
เทศนาเรื่อง มารดาแห่งความเชื่อ article
เทศนาเรื่อง ความปรานี article
เทศนาเรื่อง ความอดกลั้นใจ article
เทศนาเรื่อง สันติสุข article
เทศนาเรื่อง ความปลาบปลื้มใจ article
ท่าทีการรับใช้ที่พระเจ้าชอบพระทัย article
เทศนาเรื่อง ผู้เชื่อที่รอคอย article
เทศนาเรื่อง จงอุตส่าห์สอนลูกหลานของท่าน article
ความรัก article
ผลของพระวิญญาณบริสุทธ์ article
เทศนาเรื่อง รู้จักพระเยซูที่เราเชื่อ article
เทศนาเรื่อง ผู้ที่เราควรกลัว article
เทศนาเรื่อง แบบอย่างชีวิตที่เลือกทางที่ถูกต้อง article
เทศนาเรื่อง มารดาแห่งความเชื่อ article
เทศนาเรื่อง ถ้าการฟื้นจากตายไม่มี article
เทศนาเรื่อง จงเที่ยวหาผู้ที่หลงหาย article
เทศนาเรื่อง ชีวิตคริสเตียนที่เต็มไปด้วยการขอบพระคุณ article
เทศนาเรื่อง ชีวิตคริสเตียนที่จะพอใจ article
เทศนาเรื่อง รักพระเจ้าต้องรักพี่น้อง article
เทศนาเรื่อง ชีวิตคริสเตียนที่ดีรอบคอบ article
เทศนาเรื่อง ฉันจะไปบอก article
เทศนาเรื่อง เคล็ดลับชีวิตที่ประสบความสำเร็จ 3 article
เทศนาเรื่อง เคล็ดลับชีวิตที่ประสบความสำเร็จ 2 article
เทศนาเรื่อง เคล็ดลับชีวิตที่ประสบความสำเร็จ article
เทศนาเรื่อง ให้มีจิตใจปรองดองกัน article
เทศนาเรื่อง ความเชื่อที่เป็นแบบอย่างที่ดี article
เทศนาเรื่อง ท่าทีที่ถูกต้องต่อผู้นำฝ่ายวิญญาณ article
เทศนาเรื่อง คริสตจักรที่เข้มแข็ง article
คำเทศนาเรื่อง ให้เราเชื่ออย่างถูกต้อง article
sermon D 06 article
sermon C 06 article
sormon B 06 article
sermon A 06 article
new book
Headline
Headline
TEST TYRANNUS



Copyright © 2010 All Rights Reserved.