กาลาเทีย 5.22-23
มีคริสเคียนสตรีคนหนึ่ง คุณพ่อของเขาเป็นหมอดู ส่วนคุณแม่ของเขาได้ถูกไล่ออกจากบ้านเมื่อเขาอายุแค่สามขวบ เพราะได้คลอดเป็นแต่ลูกสาว ไม่มีลูกชาย ตั้งแต่นั้นมาเขาได้เจริญเติบโตภายใต้ความดูแลของแม่เลี้ยง ครั้งหนึ่ง เขาไปโบสถ์กับแม่เลี้ยง และได้พบแม่จริง เขาดีใจมากที่คุณแม่จริงมาโบสถ์ด้วย แต่แม่เลี้ยงไม่ชอบแม่จริง จึงเริ่มไม่ไปโบสถ์ ศิษยาภิบาพยายามทำให้คืนดีกันโดยกล่าวว่า เมื่อเราไปสวรรค์ เราจะดำรงชีวิตอยู่ด้วยกัน ถ้าไม่ได้พูดคุยกันในโลกนี้ จะดำรงชีวิตอยู่ด้วยกันในสวรรค์ได้หรือ ในที่สุดแม่สองคนได้คืนดีกัน หลังจากที่แม่สองคนได้คืนดีกันแล้ว ถ่ายรูปด้วยกัน ไม่ใช่แม่สองคนเท่านั้น ลูกๆของทั้งสองฝ่ายมาถ่ายรูปด้วยกัน เป็นภาพที่สวยจริงๆ ถ้าเราจะดำรงชีวิตอยู่ด้วยกันในสวรรค์ เราต้องคืนดีกัน สร้างสันติให้มีสันติสุข เรารู้ และรู้ดีว่า เราควรคืนดีกับทุกคน แต่ภาคปฎิบัตินั้น คงไม่ง่าย การคืนดีกันนั้นเป็นไปได้เมื่อเราดำเนินกับพระวิญญาณบริสุทธิ์ เพราะเหตุนี้ สันติสุขเป็นผฃของพระวิญญาณบริสุทธิ์ วันนี้ข้าพเจ้าจึงเทศนาด้วยหัวข้อว่า สันติสุข
1. คนที่ดำเนินชีวิตตามพระวิญญาณบริสุทธิ์ มีความสุขสงบภายในของตน
สันติสุข หมายถึงความสุขสงบ เป็นสภาพที่มีความสุขสงบภายในปราศจาก ความขัดแย้ง ความโปรงดองกัน ไม่ใช่เป็นความสุขสงบที่ได้มาด้วยกำลังของเราเอง แต่พระวิญญาณบริสุทธิ์ทรงทำให้เกิดในใจของเรา ความชื่นชมยินดีแท้ไม่ได้ขึ้นอยู่กับสิ่งแวดล้อมฉันใด สันติสุขแท้ก็ไม่ได้ขึ้นอยู่กับสิ่งแวดล้อมฉันนั้น เพราะทั้งสองเป็นผลของพระวิญญาณบริสุทธิ์
สมุดว่า มีข่าวมาถึงเราบอกว่าผู้ที่เรารักจากเราไป หรือหมอได้ตรวจแล้ว เราได้ยินจากหมอว่า เป็นมะเร็ง พี่น้องรู้สึกอย่างไร คนส่วนใหญ่ตกใจและรู้สึกไม่มีความสุขเลย แต่คนที่ดำเนินชีวิตตามพระวิญญาณบริสุทธิ์ ยังมีความสุขสงบภายในด้วยสันติสุขของพระวิญญาณบริสุทธิ์ ถึงแม้ว่า เราพยายามทำใจมากน้อยแค่ไหน ก็ยากที่จะมีความสุข แต่เมื่อพระองค์ทรงควบคุมจิตใจเรา พระองค์ทรงโปรดให้เรามีสันติสุขได้ เพราะเหตุนี้ เราต้องยอมให้สันติสุขของพระคริสต์ครองจิตใจของเราเสมอ (คส.3.15)
ศิษยาภิบาลท่านหนึ่งได้อธิษฐานเพื่อคนป่วยดังต่อไปนี้ ข้าแต่พระเจ้าข้า ขอให้มีความสุขลึกลับแก่ผู้นี้ในขณะที่เจ็บป่วยอยู่ ซึ่งไม่เคยได้รับเมื่อสุขภาพแข็งแรง พี่น้องที่รัก เมื่อเราแข็งแรงเท่านั้น เรามีความสุขนั่นหรือ คงไม่ใช่ เราสามารถประสบสันติสุขลึกลับเมื่อเราเจ็บป่วย เป็นส้นติสุขแท้ๆ ที่พระองค์ทรงจัดให้ พระเยซูตรัสไว้ว่า เรามอบสันติสุขไว้แก่ท่านทั้งหลาย สันติสุขของเราที่ให้แก่ท่านนั้น เราให้ท่านไม่เหมือนโลกให้ อย่าให้ใจของท่านวิตก และอย่ากลัวเลย (ยน. 14.27) ที่นี่ พระเยซูไม่ได้ทรงมอบสันติสุขธรรมกา แต่ได้ทรงมอบสันติสุขของพระองค์เอง ดังนั้นไม่มีอะไรที่ต้องวิตก หรือค้างอยู่เป็นภาระ ไม่มีอะไรที่ขาด เพราะทุกอย่างได้สำเร็จแล้ว เหมือนกับดาวิดที่สารภาพว่า พระเจ้าทรงเลี้ยงดูข้าพเจ้าดุจเลี้ยงแกะ ข้าพเจ้าจะไม่ขัดสน (สดด.23.1)
ให้เราวาดภาพมหาสมุทร มีพายุใหญ่ร้ายแรงบนน้ำทะเล แต่ที่ลงไปลึกๆ ประ มาณ 8 เมตรจาดผิวทะเล มีความสงบโดยไม่รู้จักพายุใหญ่ข้างบนเลย ปลาก็ดำรง ชีวิตอยูตามปกติ นี่แหละเป็นสันติสุขที่พระเยซูทรงมอบให้แก่คริสเตียน ที่ใดก็ตามที่พระเยซูรงสถิตอยู่ ที่นั่นเป็นสวรรค์ ที่ใดก็ตามที่พระเยซูไม่ได้ทรงสถิตอยู่ ที่นั่นเป็นนรก
พี่น้องมีสันติสุขเช่นนี้ไหม เราไม่มีสันติสุข และจะทำให้คนอื่นมีความสุขได้หรือ อยากจะคืนดีกับคนอื่นหรือ อยากจะทำให้มีสันติสุขในครอบครัวไหม ไม่ยาก ให้เราบอกซึ่งกันและกันว่า ฉันมีความสุขเพราะคุณ บอกกับลูกๆว่า พ่อมีความสุขเพราะลูก พ่อภูมิใจมากในชีวิตเมื่อมองเห็นลูก
2. คนที่ดำเนินชีวิตตามพระวิญญาณบริสุทธิ์ มีสันติสุขในพระเจ้าทางพระเยซู
เหตุฉะนั้น เมื่อเราได้เป็นคนชอบธรรมเพราะความเชื่อแล้ว เราจึงมีสันติสุขในพระเจ้า ทางพระเยซูคริสตเจ้าของเรา (โรม 5.1)
พระเจ้าของเราทรงเป็นพระเจ้าแห่งสันติสุข (1ธส. 5.23) พระเจ้าทรงสร้างมนุษย์ให้มีสันติสุขในพระองค์ แต่อาดัมได้ทำผิด จึงไม่มีทางที่จะมีสันติสุขในพระเจ้าอีกเลย เพราะว่ามีกำแพงระหว่างพระเจ้ากับมนุษย์ นั่นคือความบาป ความบาปที่เราได้กระทำนั้นทำให้เราเป็นศัตรูกับพระเจ้า ตั้งแต่อาดัม ไม่มีใครที่รื้อกำแพงแห่งความบาป แล้วมีสันติสุขในพระเจ้า เพราะมนุษย์ได้เสื่อมทรามไปแล้ว ทำอะไรไม่ได้เลย
พระเจ้าแห่งสันติสุขได้ทรงโปรดให้เราคืนดีกับพระเจ้าทางพระเยซูคริสต์ คือพระเจ้าทรงให้โลกนี้ คืนดีกันกับพระองค์โดยพระเยซูคริสต์ (2คร.5.18-19) พระเจ้าได้ทรงแต่งตั้งพระเยซูไว้ให้เป็นที่ลบล้างพระอาชญาโดยพระโลหิตของพระเยซู (โรม 3.25) เพราะฉะนั้น ทุคคนที่เชื่อในพระเยซูคริสต์ ก็ได้รับการยกโทษความผิดบาป และคืนดีกับพระเจ้า แล้วมีสันติสุขในพระเจ้าได้
ที่นี่มีสิ่งหนึ่งที่ไม่น่ามองข้ามไป คือว่า ถึงแม้ว่า เราได้สร้างความสัมพันธิ์แห่งสันติสุขกับพระเจ้าแล้ว แต่ถ้าเราเก็บความชั่วที่พระเจ้าไม่ชอบ หรือมีท่าทีที่จะไม่เชื่อฟังพระเจ้า พระองค์จะซ่อนพระพักตร์แห่งสันติสุขของพระองค์เสียจากเรา เมื่อพระเจ้าทรงซ่อนพระพักตร์ของพระองค์จากเราแล้ว เราคงไม่มีความสุขในใจของเรา จิตใจของเราเป็นเหมือนเรือลำหนึ่งที่กำลังจมน้ำลงไปเพราะกระแสน้ำที่รุนแรงและพายุใหญ่ เพราะเหตุนี้ เราจำเป็นต้องยอมทุกสิ่งให้พระวิญญาณบริสุทธิ์ควบคุมและครอบครองจิตใจของเราเสมอ
3. คนที่ดำเนินชีวิตตามพระวิญญาณ จะมีสันติสุขกับคนอื่นๆ
เมื่อเราดำเนินชีวิตตามพระวิญญาณบริสุทธิ์ พระองค์ทรงประทานสันติสุขในใจของเรา และทรงประทานสันติสุขในความสัมพันธิ์กับคนอื่นๆ ด้วย พูดอีกนัยหนึ่งว่า พระองค์ทรงประทานสันติสุขในใจของเรา และให้เราเป็นผู้สร้างสันติด้วย(Peace maker) บุคคลผู้ใดสร้างสันติ ผู้นั้นเป็นสุข เพราะว่าพระเจ้าจะทรงเรียกเขาว่าเป็นบุตร (มธ.5.9)
ก่อนที่อจ. เปาโลพูดถึงผลของพระวิญญาณบริสุทธิ์ เปาโลได้พูดถึงงานของเนื้อหนัง ในงานของเนื้อหนังนั้น ก็มี ... การเป็นศัตรูกัน การวิวาทกัน การริษยากัน การโกรธกัน การไฝ่สูง การทุ่มเถียงกัน การแตกกกกัน การอิจฉากัน.. (กท. 5.20-21) สิ่งเหล่านี้ตรงกันข้ามกับสันติสุข ผลของพระวิญญาณบริสุทธิ์ ถ้าคนใดดำเนินชีวิตด้วยสิ่งเหล่านี้ ผู้นั้นเป็นคริสเตียนฝ่ายเนื้อหนัง แต่ถ้าเราดำเนินชีวิตตามพระวิญญาณบริสุทธิ์ พระองค์ทำให้เกิดผลของพระองค์ในชีวิตเรา แล้วสิ่งเหล่านี้ ซึ่งเป็นงานของเนื้อหนังนั้นก็จะสูญหายไปจากชีวิตเรา เพราะว่าผลของพระวิญญาณประการแรก ก็คือความรัก ถ้าเรารักคนอื่น แล้วในเวลาเดียวกัน เราเป็นศัตรูกับเขา หรืออิจฉาเขา หรือวิวาทกับขาได้หรือ ความรักของพระเจ้านั้นใหญ่มากเพียงพอที่จะอภัยและยกโทษความบาปของเราทั้งสิ้น เช่นเดียวกัน เมื่อเรารักผู้หนึ่งผู้ใด งานของเนื้อหนังนั้น คงไม่มีที่ที่จะดำรงอยู่ในชีวิตของเรา
เฮนรี นาวุเวน นกเขียนที่มีชื่อเสียงทั่วโลกได้บอกว่า การสร้างสันติเป็นวิธีประการหนึ่งที่เตรียมความตาย ความตายมาหาเราเรื่อยๆ รถชน เครื่องบินตก สงคราม ภัยพิบัติธรรมชาติ เป็นต้น เมื่อเรามีสุขภาพแข็งแรงและมีกำลังมากพอ เราไม่ค่อยคิดถึงความตายเท่าไรนัก แต่ความตายมาหาเราในเวลาที่เราไม่ได้คิด
เราจะเตรียมความตายได้อย่างไร เราจะเตรียมความตายได้โดยการแก้ไขความสัมพันธิ์ของเรากับคนอื่นอย่างสมูรณ์ เราได้อภัยให้กับคนที่ทำให้จิตใจของเราฟกช้ำแล้วหรือยัง หรือเราได้ขออภัยจากคนที่เราทำให้จิตใจของเขาฟกช้ำ เรื่องนี้เป็นเรื่องสำคัญที่เราต้องแก้ไขเมื่อเราเผชิญหน้าความตาย เมื่อเรารู้สึกมีสันติสุขกับบรรดาคน ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตของเรา ถึงแม้ความตายของเราจะนำความเศร้าโศรกใหญ่มาหาคนเหล่านั้น แต่คงไม่ให้เกิดความบาปและความโกรธขึ้นในคนเหล่านั้น ในเวลาใดที่เราเตรียมพร้อมที่จะตาย ก็เป็นเวลาที่เราเตรียมพร้อมที่จะมีชีวิตต่อไป
พระเยซูก็เคยพูดถึงความสำคัญของการคืนดีกัน เหตุฉะนั้น ถ้าท่านนำเครื่องบูชามาถึงแท่นบูชาแล้ว และระลึกขึ้นได้ว่า พี่น้องมีเหตุขัดเคืองข้อหนึ่งข้อใดกับท่าน จงวางเครื่องบูชาไว้ที่หน้าแท่นบูชา กลับไปคืนดีกับพี่น้องผู้นั้นเสียก่อน แล้วจึงค่อยมาถวายเครื่องบูชาของท่าน (มธ.5.23-24)
ผลแห่งสันติสุขนั้นเป็นเหมือนปุ๋ยที่ทำให้ความเชื่อของเราเจริญเติบโตอย่างแข็งแรงได้ แม้ร่างกายของเราจะแข็งแรงได้ก็ต่อเมื่อเรามีความสุขในจิตใจของเรา ตามรายงานของแพทย์ สาเหตุของความเจ็บป่วยส่วนใหญ่มาจากจิตใจ เราไม่ควรเอาสิ่งหนึ่งสิ่งใดมาเป็นเหตุให้จิตใจของเราวิตกและกลัว เพราะพระเยซูตรัสว่า เรามอบสันติสุขของเราแก่ท่านแล้ว... อย่าให้ใจของท่านวิตกและอย่ากลัวเลย พระเยซูได้ทรงห้าม ไม่ให้วิตกและกลัว สิ่งที่พระองค์ทรงห้ามไว้แล้ว แต่ถ้าเราทำ ก็เป็นบาป
พระเยซูทรงมอบสันติสุขของพระองค์แก่เราแล้ว เราไม่ต้องพยายามเพื่อสันติสุขนั้น ถ้าเราได้สันติสุขโดยการพยายาม สันติสุขนั้นคงไม่เป็นผลของพระวิญญาณบริสุทธิ์อีกต่อไป สันติสุขแท้เป็นผลที่พระวิญญาณทรงทำให้เกิดในชีวิตของเรา มีสิ่งเดียวที่เราควรทำ ก็คือ ดำเนินชีวิตตามพระวิญญาณบริสุทธิ์ พูดอีกนัยหนึ่ง คือยอมทุกสิ่งของเราให้กับพระวิญญาณบริสุทธิ์ ให้พระองค์เข้ามา ควบคุมและครอบครองจิตใจของเรา เรามีสันติสุขในจิตใจของเรา มีสันติสุขในพระเจ้า และมีสันติสุขกับทุกคนได้