กาลาเทีย 5.22-33
ตั้งแต่ต้นเดือนมิถุนายนจนถึงวันนี้ ทั้งโลกร้อนด้วยฟุตบอลโลก 2006 ทุกครั้งเมื่อการแข่งขันจบแล้ว เห็นชัดว่า มีผู้ชนะและผู้แพ้ ผู้ชนะมีความปีติยินดีอย่างยิ่ง ทั้งผู้เล่น ผู้กำกัด ผู้เชียร์ รวมทั้งผู้ชมของประเทศนั้น ส่วนทีมที่แพ้ไป นักกีฬานั่งกับพื้น และเศร้าโศก ร้องไห้ใหญ่ เมื่อทีมเกาหลีได้ศึกครั้งแรกกับทีมโตโก และชนะด้วยคะแนน 2 ต่อ1 คนเกาหลีทุกคนทั่วโลกดีใจมาก ร้องเพลง ฉลองกันใหญ่ ครั้งที่สอง ทีมเกาหลีได้ศึกกับฝรั่งเศส ถึงแม้ 0 ต่อ 0 เสมอกัน คนเกาหลีก็ดีใจมากด้วย เพราะยังมีความหวังที่จะเข้าใน 16 ประเทศได้ แต่เมื่อแพ้สวิตเชอร์แลนด์ 0 ต่อ 2 เสียใจมาก เมื่อชนะ ก็ดีใจ เมื่อแพ้ ก็เสียใจ ลักษณะแบบนี้ไม่ใช่เป็นความชื่นชมยินดีแท้
เราทุกคนต้องการและแสวงหาความชื่นชมยินดีแท้ ไม่ใช่มีบ้าง ไม่มีบ้าง แต่อยากให้มีตลอดเวลา อย่างไรก็ตาม ไม่มีใครในโลกนี้ที่มีความชื่นชมยินดีแบบนั้น ส่วนคนที่เข้าสนิทอยู่ในพระเยซูคริสต์ และคนที่ซาบซึ้งในความรักของพระเจ้า พระองค์ทรงเทความปลาบปลื้มใจแก่เขาผ่านทางพระวิญญาณบริสุทธิ์ เพราะฉะนั้น ในวันนี้ ข้าพเจ้าจะเทศนาด้วยหัวข้อว่า ความปลาบปลื้มใจ ซึ่งเป็นผลของพระวิญญาณบริสุทธิ์ประการที่สอง
1. ความปลาบปลื้มใจเป็นน้ำพระทัยของพระเจ้า
พระคัมภีร์บอกว่า จงชื่นบานอยู่เสมอ... เพราะนี่แหละเป็นน้ำพระทัยของพระเจ้า (1 เธสะโลนิกา 5.18) พระเจ้าได้ทรงสร้างมนุษย์คู่แรก คือ อาดัมกับเอวา ให้ดำเนินชีวิตด้วยความชื่นชมยินดีกับพระเจ้าตลอดไป แต่เมื่ออาดัมกับเอวาได้ทำผิดต่อพระเจ้า ความชื่นชมยินดีก็สูญหายไป ความชื่นชมยินดีได้ถูกขโมยไป ตั้งแต่นั้นมา มนุษย์ไม่รู้จักความชื่นชมยินดีแท้ ซึ่งไม่ตรงกับน้ำพระทัยของพระเจ้า พระองค์จึงทรงประทานพระบุตรของพระองค์ คือพระเยซูคริสต์เสด็มาบังเกิดในโลก ให้เราฟังถ้อยคำที่ทูตสวรรค์ของพระเจ้าประกาศในคืนที่พระเยซูบังเกิด อย่ากลัวเลย เพราะเรานำข่าวดีมายังท่านทั้งหลาย คือความปรีดียิ่งซึ่งจะมาถึงคนทั้งปวง เพราะในวันนี้พระผู้ช่วยให้รอดของท่านทั้งหลาย คือพระคริสตเจ้ามาบังเกิดที่เมืองดาวิด (ลก. 2.10-11) พระเยซูเสด็จมาในโลก เพื่อจะนำความชื่นชมยินดีกลับมายังมนุษย์ เพราะนี่เป็นน้ำพระทัยของพระเจ้า
2. ความปลาบปลื้มใจเป็นความชื่นชมยินดีฝ่ายวิญญาณ
คำว่า ความปลาบปลื้มใจ หมายถึงความชื่นชมยินดี ไม่ได้หมายถึวสภาพทางอารมณ์ความรู้สึกฝ่ายเนื้อหนัง แต่เป็นความชื่นชมยินดีฝ่ายวิญญาณที่พระเจ้าทรงประ ทานให้ เป็นความชื่นชมยินดีภายใน ไม่ได้ขึ้นอยู่กับสิ่งแวดล้อมและเงื่อนไขใดๆทั้ง สิ้น ไม่ใช่เป็นความชื่นชมยินดีที่มาจากวัตถุสิ่งของ หรือความรู้ของโลกนี้ แต่เป็นความชื่นชมยินดีที่ไหลออกมาจากภายใน เพราะพระวิญญาณบริสุทธิ์ ผู้ทรงสถิตภายในจิตใจของเราประทานให้ จึงไม่มีใครห้าม และไม่มีใครเอาไปจากเราได้
เมื่อเราเข้าใจพระคุณของพระเยซูคริสต์ที่ทรงมีต่อชีวิตของเรา จิตใจของเราเต็มไปด้วยความปีติยินดี ทั่งๆที่ไม่มีสาเหตุพิเศษอะไร ถ้าใครถามเราว่า ทำไมคุณชื่นชมยินดีเช่นนั้น เราก็ไม่สามารถที่จะอธิบายได้ แต่ดีใจมากๆจนตาย เมื่อพระวิญญาณบริสุทธิ์ควบคุมจิตใจของเรา อารมณ์ความรู้สึกของเราทั้งหมดได้ถูกเปลี่ยนไปเป็นความชื่นชมยินดี จิตใจของเราเต็มไปด้วยความชื่นชมยินดีเพราะพระวิญญาณบริสุทธิ์ พอใจในสภาพเช่นนี้ ไม่มีอะไรอื่นที่อยากได้ สิ่งเล็กน้อยๆนั้นไม่เป็นปัญหาเลย เพราะความชื่นชมยินดีในพระวิญญาณนั้นใหญ่เหลือเกิน
เมื่อเรามีความชื่นชมยินดีนี้ เราสามารถที่จะเอาชนะการทดลองทุกอย่างได้ ตามที่พระเยซูตรัสไว้แล้วว่า เมื่อเขาจะติเตียนข่มเหง และนินทาว่าร้ายท่านทั้งหลายเป็นความเท็จเพราะเรา ท่านก็เป็นสุข จงชื่นชมยินดี เพราะว่าบำเหน็จของท่านมีบริบูรณ์ในสวรรค์ เพราะเขาได้ข่มเหงผู้เผยพระวจนะทั้งหลายที่อยู่ก่อนท่านเหมือนกัน(มธ. 5.11-12) ถึงแม้เปาโลกับสิลาสได้ถูกโบยตีและถูกจำไว้ในคุกที่เมืองฟีลิปปีในขณะที่ประกาศข่าวประเสริฐของพระเยซู ก็ยังชื่นชมยินดี จึงอธิษฐานและร้องเพลงสรรเสริญพระเจ้า (กจ.16.16-25)
ถึงแม้ธุระกิจของเราประสบความล้มเหลว ตกงาน ไม่สบาย เสียคนที่เรารัก หรือ เกิดอะไรขึ้น หรือตกในสถานการณ์ใดก็ตาม เราก็ยังชื่นชมยินดีได้ อจ.เปาโลบอกว่า ขอให้ท่านมีความทรหดที่สุด และความอดทนไว้นานด้วยความยินดี (คส. 1.11) ผู้เผยพระวจนะฮาบากุกให้คำพยานว่า แม้ต้นมะเดื่อไม่มีดอกบาน หรือเถาองุ่นไม่มีผล ผลมะกอกเทศก็ขาดไป ทุ่งนามิได้เกิดอาหาร ฝูงสัตว์ขาดไปจากคอกและไม่มีฝูงวัวที่ในโรง ถึงกระนั้นข้าพเจ้าจะร่าเริงในพระเจ้า ข้าพเจ้าจะเปรมปรีดี์ในพระเจ้าแห่งความรอดของข้าพเจ้า (ฮบก. 3.17-18)
ไม่ว่าเราจะถูกทดลองด้วยประการใด มีชีวิต หรือตาย สภาพของเราเป็นอย่างไรก็ตาม เรายังมีความชื่นชมยินดี เพราะความชื่นชมยินดีที่เรามีอยู่นั้น ไม่ใช่เป็นฝ่ายเนื้อหนังในโลกนี้ แต่เป็นฝ่ายวิญญาณ ความชื่นชมยินดีฝ่ายเนื้อหนังนั้นเปลี่ยนไปเรื่อยๆ เพราะมาด้วยเงื่อนไขต่างๆ เช่น ความมั่งคั่งทำให้เราชื่นใจ แต่เมื่อความมั่งคั่งหายไป ความชื่นใจก็ตามไปด้วย ดังนั้น อย่าชื่นชมยินดีในเนื้อหนัง แต่จงชื่นชมยินดีในพระวิญญาณบริสุทธิ์ เพราะความชื่นชมยินดีแท้เป็นความชื่นชมยินดีฝ่ายวิญญาณ พระเยซูคริสต์เองได้ทรงเปรมปรีดี์ในพระวิญญาณบริสุทธิ์ด้วย (ลก.10.21) ถ้าเราจะเปรมปรีดี์ในพระวิญญาณ เราควรจะทำอย่างไร อย่าดับพระวิญญาณบริสุทธิ์ผู้ทรงสถิตในใจของเรา และอย่าให้พระวิญญาณบริสุทธิ์เสียพระทัย แต่จงประกอบด้วยพระวิญญาณบริสุทธิ์ ให้พระองค์ทรงควบคุมและครอบครองชีวิตทั้งกายและใจของเราทั้งหมด ให้เราดำเนินชีวิตตามพระวิญญาณ
3. เราควรทำให้ความยินดีของเราเต็มเปี่ยม
มีคริสเตียนคนหนึ่งเดินทางไปเที่ยวต่างจังหวัด ในวันอาทิตย์ เขาอยากไปร่วมนมัสการพระเจ้า แต่ไม่รู้ว่า คริสตจักรอยู่ที่ไหน เขาขอตำรวจให้แนะนำคริสตจักร ตำรวจก็ได้แนะนำคริสตจักรแห่งหนึ่ง ซึ่งอยู่ไกลพอสมควร ขณะที่เขาคุยกับตำรวจ เขาเห็นว่า มีคริสตจักรซึ่งอยู่ใกล้ด้วย แต่ตำรวจไม่แนะนำคริสตจักรที่อยู่ใกล้ๆ แต่แนะนำคริสตจักรที่อยู่ไกล จึงถามตำรวจว่าทำไม ตำรวจตอบว่า ผมไม่เป็นคริสเตียน แต่เท่าที่เห็นว่า สมาชิกของคริสตจักรนั้นชื่นชมยินดีมากกว่าสมาชิกของคริสตจักรที่อยู่ใกล้ๆนี้ จึงเข้าใจว่า คริสตจักรนั้นดีกว่า
พี่น้องมีความยินดีเต็มเปี่ยมไหม ทำอย่างไร ความยินดีของเราเต็มเปี่ยมได้ ความยินดีของเราจะเต็มเปี่ยมได้ก็ต่อเมื่อเราประพฤติตามพระวจนะของพระเจ้าและยึดมั่นอยู่ในความรักของพระเจ้า พระเยซูตรัสไว้ว่า ถ้าท่านทั้งหลายประพฤติตามบัญญัติของเรา ท่านก็จะยึดมั่นในความรักของเรา เหมือนดังที่เราประพฤติตามพระบัญญัติของพระบิดาและยึดมั่นในความรักของพระองค์ นี่คือสิ่งที่เราได้บอกแก่ท่านทั้งหลายแล้ว เพื่อให้ความยินดีของเราดำรงอยู่ในท่าน และให้ความยินดีของท่านเต็มเปี่ยม(ยน. 15.10-11)
อีกประการหนึ่งที่ทำให้ความชื่นชมยินดีของเราเต็มเปี่ยม คือความสามัคคีธรรม อัครสาวกยอห์นได้ประกาศสิ่งที่ได้เห็นและได้ยินให้แก่เรา และบอกว่า เพื่อท่านทั้งหลายจะได้ร่วมสามัคคีธรรมกับเรา เราทั้งหลายก็ร่วมสามัคคีธรรมกับพระบิดา และกับพระเยซูคริสต์พระบุตรของพระองค์ และเราเขียนข้อความเหล่านี้เพื่อความปลาบปลื้มยินดีของเราจะได้เต็มเปี่ยม (1 ยน. 1.3-4)
คำไหนเป็นคำตรงกันข้ามกับคำว่า ความชื่นชมยินดี? อาจจะตอบว่า ความเศร้าโศก แต่คำตรงกันข้ามของความชื่นชมยินดีแท้ๆ คือ ความสนุกสนานของโลก อย่าแสวงหาความสนุกสนานของโลก แต่จงแสวงหาความชื่นชมยินดีแท้ที่มาจากพระวิญญาณบริสุทธิ์ พระเจ้าทรงปรารถนาให้เราดำเนินชีวิตด้วยความชื่นชมยินดี ซึ่งไหลออกจากภายในจิตใจของเรา ให้เราประพฤติตามพระวจนะและยึดมั่นในความรักของพระองค์ ให้เราสามัคคีธรรมกับพระเจ้าและกับพี่น้องคนอื่นๆ แล้วความชื่นชมยินดีของเราจะเต็มเปี่ยม และเราจะเป็นพยานเหมือน อจ.เปาโลว่า เป็นคนที่มีความทุกข์ แต่ยังมีความยินดีอยู่เสมอ... (1คร. 6.10)