ลูกา 19.1-10
ขอบพระคุณพระเจ้าสำหรับการทรงนำและพระพรของพระเจ้าที่ทรงมีต่อคริสตจักรของเราตลอด 18 ปีที่ผ่านมา คริสตจักรของเราเป็นวัยเด็กก็หามิได้ แต่เป็นหนุ่มแล้ว มีพลังมากพอที่จะทำงานอย่างเต็มที่ ดังนั้นน่าคิดว่า อะไรเป็นสิ่งที่พระเจ้าทรงมอบให้คริสตจักรเราต้องทำและทำอย่างไรจะเป็นที่พอพระทัยของพระเจ้าได้
พระวจนะของพระเจ้าในวันนี้เป็นเรื่องจริงที่เกิดขึ้นที่เมืองเยรีโคในปี คศ.30 เมื่อพระเยซูกำลังเสด็จผ่านเมืองเยรีโคไป ได้พบชายคนหนึ่ง ชื่อศักเคียส และทรงสนทนากับเขา ในการสนทนากับศักเคียส พระองค์ทรงเปิดเผยพระประสงค์ของพระองค์ว่า พระองค์ทรงรับสภาพมนุษย์เสด็จลงมาในโลก ในข้อที่ 10 กล่าวไว้ว่า
เพราะว่าบุตรมนุษย์ได้มาเพื่อจะเที่ยวหาและช่วยผู้ที่หลงหายไปนั้นให้รอด ข้าพเจ้าเชื่อมั่นว่า สิ่งนี้แหละเป็นสิ่งที่พระองค์ทรมอบให้คริสตจักรเราปฎิบัติ ดังนั้น ในเช้าวันนี้ ข้าพเจ้าจะแบ่งปันพระวจนะของพระเจ้าด้วยหัวข้อว่า จงเที่ยวหาผู้ที่หลงหาย
1. ใครเป็นผู้ที่หลงหาย
ก. ผู้ที่ยังไม่เชื่อพรเะเยซู
ในข้อ 5 พระเยซูตรัสว่า ศักเคียสเอ๋ย จงรีบลงมา เพราะว่า เราจะต้องพักอยู่ในตึกของท่านในวันนี้ การที่พระเยซูจะเสด็จเข้าไปในบ้านของศักเคียส ไม่ใช่เพื่อจะพักผ่อน หรือได้รับการปรนนิบัติจากศักเคียส แต่เพื่อจะช่วยศักเคียสให้รอด พูกอีกนัยหนึ่ง ก็คือ เพื่อจะเที่ยวหาผู้ที่หลงหาย ศักเคียสเป็ผู้ที่หลงหายไปเหมือนลูกแกะตัวหนึ่งที่หายไป และศักเคียสยังไม่เชื่อพระเยซู
ศักเคียสเป็นนายด่านภาษี และเป็นคนมั่งมี อาชีพการเก็บภาษีในสมัยนั้นเป็นอาชีพต่ำต้อย เป็นอาชีพที่คนยิวส่วนใหญ่ดูถูกและรังเกียรติ เพราะ ว่า คนเก็บภาษีเหล่านี้เป็นคนยิวชาติเดียวกันแต่ทำงานเพื่อรัฐบาลโรม คือคนต่างชาติ ยิ่งกว่านั้น คนเก็บภาษีเหล่านี้มักจะเก็บภาษีเกินกำหนด และเอาส่วน เกินนั้นมาเป็นของตัวเอง ดังนั้นไม่มีใครชอบ หรือกล้ามาเป็นเพื่อนของคนเก็บภาษีเหล่านี้
ถึงแม้ว่า ศักเคียสเป็นคนมั่งมีและมีงานทำ แต่ไม่มีเพื่อน รู้สึกเหงาเหมือนอยู่คนเดียว เขาเคยได้ยินเรื่องของพระเยซู และสนใจอยู่ โอกาสก็ได้เข้ามา วันหนึ่งเขาได้ยินว่า พระเยซูจะเสด็จผ่านเมืองที่เขาอยู่ไป เขาจึงอยากจะเห็นพระเยซู อยากพบและรู้จักพระเยซู ชีวิตภายนอกของเขาร่ำรวยและไม่ขัดสน แต่ชีวิตภายในของเขาหิวกระหาย
เช่นเดียวกัน คนที่ยังไม่เชื่อพระเยซูในปัจจุบันส่วนใหญ่ติดโรคชนิด หนึ่งที่เรียกว่า โรคซึมเศร้าซึ่งเกิดจากโรคขาดความรัก ไม่อยากพบและพูดคุยกับใครเลย คนเหล่านี้ต้องการเพื่อน และต้องการความรักอย่างแท้จริง
ศักเคียสมีความปรารถนาที่จะเห็นพระเยซู แต่มีอุปสวรรคในการพบพระองค์ เขาเป็นคนเตี้ย และมีคนแน่น ทำให้เขามองพระเยซูไม่เห็น แต่พระเยซูไปหาเขาและตรัสกับเขาก่อน ซึ่งตรงกันข้ามกับชาวหมู่บ้าน
เช่นเดียวกัน คนในปัจจุบันมีความปรารถนาและต้องการเพื่อนและความรักที่แท้จริง แต่ก็มีอุปสวรรค คนส่วนใหญ่ไม่รู้ว่า ใครเป็นเพื่อนแท้ เพื่อนแท้อยู่ที่ไหน พบได้อย่างไร ความรักที่แท้จริงอยู่ที่ไหน พบได้อย่างไร คนเหล่านี้ถูกหลอกลวงจากความเชื่อเก่า ค่านิยมเก่า และคนสอนทางศาสนาต่างๆ เราจึงจำ เป็นที่จะเที่ยวหาคนเหล่านั้น และช่วยให้รอดโดยพระเยซูคริสต์ พระเยซูผู้ได้ทรงเที่ยวหาผู้หลงหาย คือ ศักเคียส ตรัสและเชิญชวนว่า บรรดาผู้ทำงานเหน็ดเหนื่อยและแบกภาระหนัก จงมาหาเรา และเราจะให้ท่านทั้งหลายหายเหนื่อยเป็นสุข (มัทธิว 11.28) ให้เราเล่าเรื่องของพระเยซูให้กับคนที่ยังไม่เชื่อพระเยซู อาทิตย์ละสองคน
ข. คนที่เคยเชื่อและเป็นสมาชิกของคริสตจักร แต่ไม่ได้มาโบสถ์
ในลูกา บทที่ 15 พระเยซูได้ตรัสคำอุปมาสามเรื่อง ผู้เลี้ยงแกะมีแกะ 100 ตัว แต่ตัวหนึ่งหายไป เขาจึงละเก้าสิบเก้าตัวไว้ที่กลางทุ่งหญ้าและไปเที่ยวหาตัวหนึ่งที่หายไป หญิงคนหนึ่งมีเหรียญเงินสิบเหรียญและเหรียญหนึ่งหายไป ชายคนหนึ่งมีบุตรสองคน และบุตรคนเล็กได้รวบรวมทรัพย์ทั้งหมดแล้วหายตัวไป
ลูกแกะหาย เงินหาย และบุตรน้อยหายไปคงหมายถึงคนที่เคยเป็นสมาชิกของเรา แต่ไม่ได้มาโบสถ์ ชีวิตฝ่ายวิญญาณของคนเหล่านั้นน่าสงสารเหมือนลูกแกะตัวหนึ่งที่หายไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งบุตรน้อยที่หายไป ในลูกา 15.14-16 ได้เขียนไว้ว่า เมื่อใช้ทรัพย์หมดแล้วก็เกิดกันดารอาหารยิ่งนักทั่วเมืองนั้น เขาจึงขัดสน เขาไปอาศัยอยู่กับชาวเมืองนั้นคนหนึ่ง และคนนั้นก็ใช้เขาไปเลี้ยงหมูที่ทุ่งนา เขาใคร่จะได้อิ่มท้องด้วยฝักถั่วที่หมูกินนั้น แต่ไม่มีใครให้อะไรเขากิน คนที่เคยมาโบสถ์แล้วหายไปก็เช่นเดียวกัน เป็นผู้ที่หลงหาย ซึ่งเราต้องเที่ยวหา และช่วยเขาให้รอด เพราะพระเยซูทรงกระทำเช่นนั้น
2. เที่ยวหาผู้หลงหายอย่างไร
1) ก่อนอื่น เราจำเป็นต้องอธิษฐานเผื่อเขา อธิษฐานให้พระเจ้าทำงานในจิตใจของเขา เมื่อเปาโลไปประกาศข่าวประเสริฐที่เมืองฟีลิปปี ผู้หญิงคนหนึ่ง ชื่อนางลิเดียได้ฟังเปาโล พระคัมภีร์ได้บันทึกไว้ว่า
และพระเจ้าได้ทรงเปิดใจของเขาให้สนใจในถ้อยคำซึ่งเปาโลได้กล่าว (กิจการ 16.14 ข)
2) ติดต่อเขา-แสดงความสนใจ เราสามารถที่จะติดต่อผู้ที่หลงหายอย่างรวดเร็วได้โดยใช้วิธีต่างๆ อันแรก คือ โทรศัพท์มือถือ ในปัจจุบันนี้ ใครๆก็ใช้โทรศัพท์มือถือ พระเจ้าทรงโปรดให้เราโทรศัพท์มือถือ เพื่อจะทำอะไร ก็เพื่อให้เราใช้ในการติดต่อผู้ที่หลงหาย เมื่อเราโทรคุยแล้ว ไม่น่าจบแค่นั้น เราควรไปเยี่ยมผู้ที่หลงหายในที่ที่เขาอยู่ ไปทักทาย ถามทุกข์สุขและหนุนใจเขา นี่เป็นการแสดงความสนใจของเราที่มีต่อผู้ที่หลงหายตามแบบอย่างของพระเยซู พระองค์ทรงไปเยี่ยมศักเคียสและช่วยเขาให้รอด นอกจากแล้ว ยังมีอีกทางหนึ่ง คือ อิเมลล์ คนปัจจุบัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งวัยรุ่นนิยมใช้อินเตอร์เน็ตและมีแนวโน้มที่จะใช้มากยิ่งขึ้น เราสามารถคุยทางโทรศัพท์มือถือกับคนคนเดียวเท่านั้น แต่เราสามารถคุยกับคนหลายคนในเวลาเดียวกันได้โดยการส่งอิเมลล์ ข้าพเจ้าขอหนุนใจและท้าทายคนที่ยังไม่เคยใช้อิเมลล์ แม้ผู้สูงอายุก็ตาม ว่าควรเรียนวิธีการใช้อิเมลล์ เพื่อจะเที่ยวหาและประกาศข่าวประเสริฐของพระเยซูคริสต์ มีคุณค่าที่จะลงทุนในการซื้อเครื่องคอมพิวเตอร์และในการเรียนวิธีการใช้อินเตอร์เน็ต เพื่อจะรับใช้พระเจ้าโดยการเที่ยวหาผู้ที่หลงหาย
3) แบ่งภาระ-แสดงความรัก ผู้ที่หลงหายส่วนใหญ่แบกภาระหนัก ไม่ว่าในด้านจิตใจ ในด้านวิญญาณ หรือในด้านวัตถุก็ตาม เราควรแบ่งภาระของเขา พระเยซูตรัสว่า ... บุตรมนุษย์ (พระเยซู) ได้มาเพื่อเที่ยวหาและช่วยผู้ที่หลงหายไปนั้นให้รอด พระเยซูไม่ได้เสด็จมาเพื่อจะเที่ยวหาผู้ที่หลงหายเท่านั้น แต่มาเพื่อจะเที่ยวหา และช่วยเขา
เช่นเดียวกัน เราก็ควรเที่ยวหา และช่วยแบ่งภาระของผู้ที่หลงหายให้เบาลงโดยการไปเยี่ยมเยียน หนุนใจ และช่วยเหลือ เราน่าจะสร้างบรรยกาศภายในคริสตจักรของเราที่จะช่วยเหลือซึ่งกันและกัน เมื่อเราต้องการอะไร เราก็ควรได้รับความช่วยเหลือจากพี่น้องคนอื่นๆ แต่ไม่น่าได้รับตลอด เราก็ควรช่วย เหลือคนอื่นๆ ในขณะที่เขาต้องการความช่วยเหลืออยู่ จริงๆแล้ว เราควรพยายามที่จะช่วยเลือคนอื่นก่อน แล้วพระเจ้าจะทรงให้เรามีสิ่งที่ให้กับคนอื่นต่อ ไปได้
3. ผลที่ตามมา
เมื่อเราเที่ยวหาและช่วยเหลือผู้ที่หลงหายไป จะเกิดอะไรขึ้น แน่นอน เราเห็นชัดเจนว่า ศักเคียสได้รับความรอด พระเยซูตรัสว่า วันนี้ความรอดมาถึงครอบครัวนี้แล้ว เพราะคนนี้เป็นลูกของอับราฮัมด้วย (ข้อ9) เมื่อศักเคียสได้รับความรอดแล้ว เขาได้รับการเปลี่ยแปลงอย่างสิ้นเชิง การเปลี่ยนแปลงจิตใจของเขาได้ถูกสำแดงออกเป็นการกระทำ เขามีความชื่นชมยินดี เขาได้ทูลพระเยซูว่า ดูเถิด พระองค์เจ้าข้า ทรัพย์สิ่งของของข้าพระองค์ ข้าพระองค์ยอมให้คนอนาถากึ่งหนึ่ง และถ้าข้าพระองค์ได้ฉ้อโกงของของผู้ใด ข้าพระองค์คืนให้เขาสี่เท่า
เมื่อเราเที่ยวหาและช่วยผู้ที่หลงหายไปให้รอดแล้ว เขาจะชื่นชมยินดีได้ เป็นสิ่งที่น่าภูมิใจมากทีเดียว เมื่อเราทำให้คนหนึ่งคนใดชื่นชมยินดีได้
เมื่อคนที่หลงหายได้กลับมาหาพระเจ้า พระเจ้าก็ทรงพอพระทัย ในลูกาบทที่ 15 คำอุปมาที่พระเยซูได้ทรงใช้ทั้งสาม ก็พูกถึงเรื่องเกียวกัน คือจะมีความปรีดีในสวรรค์ เพราะว่า พระเจ้าทรงปรารถนาให้มนุษย์ทุกคนได้รับความรอด และได้มารู้จักพระองค์ผู้ทรงพระชนม์อยู่
เราก็ชื่นชมยินดีด้วย ในคำอุปมาเรื่องตะลันต์ นายบอกกับทาสคนที่ทำงานอย่างเอาจริงเอาจังว่า ดีแล้ว เจ้าเป็นทาสดีและสัตย์ซื่อ ... เจ้าจงปรีดีร่วมสุขกับนายของเจ้าเถิด (มัทธิว 25.21, 23) นายที่นี่หมายถึงพระเยซูคริสต์ และทาสก็หมายถึงคริสเตียนเรา เมื่อเราทำสิ่งที่พระเจ้าทรงมอบให้เราทำอย่างจริงจัง พระเจ้าทรงโปรดให้เรามีความปรีดีร่วมสุขกับพระองค์
พระเจ้าทรงให้คริสตจักรเราปฎิบัติสิ่งหนึ่งในวันนี้ คือ เที่ยวหาผู้ที่หลงหาย ขอให้เราเชื่อฟัง ทำตามน้ำพระทัยพระองค์ตั้งแต่วันนี้ แล้วดูว่า พระเจ้าจะทรงอวยพรเรามากน้อยแค่ไหน ขอให้เราลุกขึ้น ออกไปหาผู้ที่หลงหายไปนั้นให้กลับมาและได้รับความรอดของพระเจ้าร่วมกัน