ฟีลิปปี
4.14-20
พระธรรมฟีลิปปีเป็นจดหมายที่เปาโลเขียนจากเรือนจำที่กรุงโรม เพื่อจะแสดงความรู้สึกขอบพระคุณที่มีต่อคริสตจักรฟีลิปปี เราจึงคงเรียกพระธรรมนี้ว่า เป็น จดหมายแห่งการขอบพระคุณด้วย
การขอบพระคุณกับความเชื่อได้เดินไปเป็นคู่กัน เราควรรู้จักการขอบ พระคุณ แต่ลักษณะคนในยุคสุดท้ายอย่างหนึ่ง คือไม่รู้จักการขอบพระคุณ(2ทธ. 3.2) มีคนหนึ่งได้กล่าวไว้ว่า เลขคณิตที่เรียนยากมากที่สุด คือการนับพระพรที่เราได้รับแล้ว ชีวิตคริสเตียนเป็นชีวิตที่เต็มด้วยการขอบพระคุณพระเจ้า ให้เราแสวงหาเงื่อนไขที่น่าจะขอบพระคุณพระเจ้าเสมอ
1. เราต้องขอบพระคุณ เพราะคนหลายคนที่ช่วยเหลือเรา (4.14-16)
เปาโลได้รู้จักที่จะเผชิญกับทุกสถานการณ์และที่จะพอใจอยู่อย่างนั้น แต่สิ่งนี้ไม่ได้หมายความว่า เปาโลไม่มีความทุกข์ หรือไม่ต้องการอะไร ในข้อ 14 เปาโลได้ยอมรับว่า มีความทุกข์ ความทุกข์ที่นี่คงหมายถึงความทุกข์ที่กำลังเผชิญอยู่ในเวลานั้นที่เขียนจดปมายฉบับนี้ คือ การถูกจำคุกและความลำบากที่ตามมา แต่อัครทูตเปาโลได้ขอบพระคุณพระเจ้า เพราะว่ามีคริสเตียนชาวเมืองฟีลิปปีที่ช่วยเหลือท่าน คริสเตียนชาวฟีลิปปีได้ช่วยเหลือเปาโลด้วยเงินทอง เมื่อเปาโลประกาศข่าวประเสริฐที่เมืองฟีลิปปี และนางลิเดีย คนขายผ้าสีม่วง และนายคุกได้เชื่อพระเยซู นางลิเดียได้เชิญเปาโลและทีมของท่านให้พักอาศัยที่บ้านของตน และใช้บ้านให้เป็นสถานที่ที่ประชุมกัน นี่เป็นการเริ่มต้นของคริสตจักรฟีลิปปี เมื่อเปาโลออกจากเมืองฟีลิปปีไปประกาศที่เมืองเธสะโลนิกา คริสตจักรฟีลิปปีได้ถวายเงินมาช่วยเหลือพันธกิจของเปาโลหลายครั้ง นอกจากแล้ว คริสตจักรฟีลิปปีก็ส่งเงินมาช่วยเปาโลเรื่อยๆ เปาโลจึงบอกว่า ...ไม่มีคริสตจักรใดมีส่วนร่วมกับข้าพเจ้าในรายรับรายจ่าย นอกจากพวกท่านพวกเดียวเท่านั้น ยิ่งกว่านั้น เมื่อเปาโลถูกจำคุกอยู่ที่กรุงโรม คริสตจักรฟีลิปปีได้ส่งเงินมาให้ การกระทำของคริสตจักรฟีลิปปีเช่นนั้น เปาโลกล่าวไว้ว่า เป็นความกรุณาของท่านที่ได้ร่วมทุกข์กับข้าพเจ้า
ความสัมพันธ์ระหว่างเปาโลกับคริสตจักรฟีลิปปีเป็นความสัมพันธ์ที่สวยงามมาก น่าอิจฉา เปาโลนำข่าวประเสริฐของพระเยซูมาให้แก่ชาวฟีลิปปี ให้พวกเขาได้รับความรอด พูดอีกนัยหนึ่งว่า เปาโลช่วยคนฟีลิปปีด้วยสิ่งฝ่ายวิญญาณ และคนฟีลิปปีช่วยเปาโลด้วยสิ่งวัตถุเงินทอง ในการรับใช้พระเจ้า บ่อยครั้ง เปาโลต้องการเงิน คริสเตียนชาวฟีลิปปีมีส่วนร่วมในรายรับรายจ่ายนี้ ทำให้พระราชกิจของพระเจ้าถูกดำเนินไปอย่างต่อเนื่องโดยไม่หยุด
การถวายทรัพย์เพื่อพันธกิจของพระเจ้านั้นสำคัญมาก ถ้าจะทำให้งานของพระเจ้าดำเนินไปได้ดี มีสองอย่างที่จำเป็น หนึ่งบุคคลกร และสอง งบประมาณ บางคนในพวกเราต้องถวายตัวรับใช้พระเจ้า บางคนที่ไม่สามารถถวายตัวโดยตรงได้ ต้องมีส่วนโดยการถวายทรัพย์ แล้งงานของพระเจ้าจะถูกดำเนินไปได้ดี เหมือนเปาโลกับคริสตจักรฟีลิปปี เช่นเดียวกัน เราก็ควรขอบพระคุณพระเจ้า เพราะว่ามีหลายคนที่ช่วยเหลือเรา เมื่อชาวโลกช่วยคนอื่น มักจะคิดถึงผลประโยชน์ที่จะกลับมาถึงแก่ตน แต่ความช่วยเหลือของคริสเตียนในพระคริสต์ไม่เป็นเช่นนั้น
เราได้รับความช่วยเหลือฝ่ายวิญญาณ แต่บางครั้งได้รับความช่วยเหลือทางวัตถุด้วย คริสเตียนไม่ได้ช่วยเหลือด้วยความคาดหวังอะไร แต่ช่วยด้วยความรักของพระคริสต์
เราควรขอบพระคุณพระเจ้า เพราะเรามีคนเหล่านี้อยู่ล้อมรอบตัวเรา ชีวิตเราจึงไม่หงอยเหงา เพราะคนเหล่านี้ เราได้รับการหนุนใจและการเล้าโลมอย่างมากจากคนเหล่านี้
2. เราต้องขอบพระคุณพระเจ้า เพราะว่าเราสามารถช่วยเหลือคนอื่นได้ (4.17-18)
การที่เราได้รับการช่วยเหลือและความรักจากคนอื่น ก็เป็นสิ่งที่น่าขอบพระ
คุณ แต่การที่เราช่วยคนอื่นได้นั้น เป็นสิ่งที่น่ายินดีและน่าขอบพระคุณมากกว่า
เปาโลเป็นผู้รับความช่วยเหลือจากคริสตจักรฟีลิปปี และคริสตจักรฟีลิปปีเป็นผู้ให้ เปาโลอยากให้คริสจักฟีลิปปีทราบความจริงประการหนึ่ง คือคริสตจักร ฟีลิปปีน่ายินดีและน่าขอบพระคุณพระเจ้ามากกว่าเปาโลเอง เพราะมีสาเหตุ สองประการ เพราะสิ่งนั้นได้นำผลกำไรอันยิ่งใหญ่ฝ่ายวิญญาณ เปาโลไม่ปรารถนาจะได้รับของขวัญจากใครเลย แต่เมื่อคริสตจักรฟีลิปปีได้ฝากของมาให้ เปาโลก็รับ เพื่อให้เป็นประโยชน์แก่คริสตจักรฟีลิปปี เปาโลถือว่า ของฝากที่คริสตจักรฟีลิปปีส่งมานั้น เป็นการลงทุนฝ่ายวิญญาณ และผลกำไรในการลงทุนนั้นกลับเข้าบัญชีของคริสตจักรฟีลิปปี
เมื่อเราถวายทรัพย์ให้แก่พระเจ้าก็เช่นเดียวกัน ไม่ว่าเป็นการถวายประเภทไหนก็ตาม เราถวายแด่พระเจ้าทั้งนั้น จริงๆแล้ว พระเจ้าไม่ขัดสนอะไรที่ต้องารเงินของเรา เพราะว่าทุกสิ่งในโลกนี้ก็เป็นของพระองค์ทั้งสิ้น
ถึงอย่างไรก็ตาม พระเจ้าให้เราถวาย ก็เพื่อประโยชน์ของเรา เราจะถวายมากฉันใด เราก็ได้รับประโยชน์มากฉันนั้นทั้งฝ่ายวิญญาณและฝ่ายทรัพย์สมบัติ พระคัมภีร์บอกว่า การให้เป็นเหตุให้มีความสุขยิ่งกว่าการรับ(กจ.20.35)
ประการที่สอง เพราะสิ่งนั้นทำให้พระเจ้าพอพระทัยด้วย ของฝากที่คริสตจักรฟีลิปปีส่งมานั้น ไม่เพียงทำให้เปาโลชื่นชมยินดีเท่านั้น แต่ทำให้พระเจ้าพอพระทัยด้วย ดังนั้นคริสตจักรฟีลิปปีน่าจะขอบพระคุณมากกว่าเปาโล
ที่นี่มีความจริงประการหนึ่งที่เปาโลสอนให้เราเข้าใจ คือ สิ่งใดที่กระทำแก่ผู้รับใช้ของพระเจ้า ก็กระทำแก่พระเจ้า และสิ่งใดที่มอบให้แก่ลูกของพระเจ้า ก็ถวายแด่พระเจ้า พระเยซูตรัสไว้แล้วว่า ผู้ที่รับท่านทั้งหลายก็รับเรา และผู้ที่รับเราก็รับพระองค์ที่ทรงใช้เรามา ผู้ที่รับผู้เผยพระวจนะ เพราะเป็นผู้เผยพระวจนะก็จะได้บำเหน็จอย่างที่ผู้เผยพระวจนะพึงได้รับ และผู้ที่รับผู้ชอบธรรมเพราะเป็นผู้ชอบธรรม ก็จะได้บำเหน็จอย่างที่ผู้ชอบธรรมพึงได้รับ และถ้าผู้ใดจะเอาน้ำเย็นสักถ้วยหนึ่งให้คนเล็กน้อยเหล่านี้คนใดคนหนึ่งดื่ม เพราะเป็นศิษย์ของเรา เราบอกความจริงแก่ท่านทั้งหลายว่า คนนั้นจะขาดบำเหน็จก็หามิได้(มธ.10.40-42) เพราะฉะนั้น เราควรช่วยเหลือคนอื่นเสมอเหมือนคริสเตียนชาวฟีลิปปี และควรขอบพระคุณพระเจ้าเพราะเราสามารถที่จะช่วยเหลือคนอื่นได้
3. เราต้องขอบพระคุณพระเจ้า เพราะว่าพระเจ้าทรงประทานสิ่งสารพัดทุกอยาง (4.19-20)
ในการดำเนินชีวิตประจำวันของเราก็ดี ในการรับใช้พระเจ้าก็ดี เราต้องการหลายสิ่งหลายอย่างทางวัตถุ โดยส่วนใหญ่แล้ว ความต้องการเหล่านี้ได้ถูกเติมให้เต็มโดยคนอื่นๆ แต่จริงๆแล้ว พระเจ้าทรงเป็นผู้ประทาน (ข้อ 19)
พระเจ้าทรงบริบูรณ์ด้วยสิ่งสารพัด คลังของพระองค์เต็มไปด้วยทรัพย์อันรุ่งเรือง พระเจ้าทรงเทให้เต็มอย่างบริบูรณ์ในพระคริสต์แก่คนที่แสวงหาน้ำพระทัยของพระองค์ เหมือนดังที่พระเยซูได้ทรงตรัสไว้แล้วในมัทธิว 6.33 ว่า ... จงแสวงหาแผ่นดินของพระเจ้าและความชอบธรรมของพระองค์ก่อน แล้วพระ องค์จะทรงเพิ่มเติมสิ่งทั้งปวงเหล่านี้ให้ เพราะฉะนั้น เราจำเป็นต้องพึ่งอาศัยพระเจ้าอย่างต่อเนื่อง เพื่อความต้องการของเรา และควรดำเนินชีวิตที่วายพระเกียรติแด่พระเจ้า
พี่น้องที่รัก ขอให้เราดำเนินชีวิตที่เต็มไปด้วยการขอบพระคุณพระเจ้า เหมือนที่เปาโลได้กล่าวไว้ว่า จงขอบพระคุณในทุกกรณี (1เธสะโลนิกา 5.18) เราจะขอบพระคุณพระเจ้าในทุกกรณีได้ก็ต่อเมื่อเราพึ่งอาศัยพระเจ้าผู้ทรงบริบูรณ์ด้วยความรักความเมตตา ทุกสิ่งทุกอย่างที่เราต้องการ ไม่ว่าเป็นความมั่งคั่ง สุขภาพที่ดี ความสำเร็จ การเรียนหนังสือ อนาคต หรือความสัมพันธ์กับคนอื่นก็ตาม อยู่ที่พระหัตถ์ของพระเจ้า สิ่งเหล่านี้ล้วนแต่มาจากพระเจ้า โดยพระองค์ และเพื่อพระองค์
ชีวิตคริสเตียนเป็นชีวิตที่เต็มไปด้วยการขอบพระคุณ เราต้องขอบพระคุณพระเจ้า เพราะมีหลายคนช่วยเรา เพราะเราสามารถที่จะช่วยคนอื่นได้ด้วยสิ่งที่เรามีอยู่ และเพราะในที่สุด พระเจ้าทรงเป็นผู้ประทานสิ่งที่เราต้องการ ขอพระเจ้าทรงอวยพรให้เราดำเนินชีวิตที่เต็มไปด้วยการขอบพระคุณพระเจ้า