ฟีลิปปี 4.10-13
มีคนหนึ่งได้ลงโฆษณาในหนังสือพิมพ์รายวันฉบับหนึ่งที่มีชื่อเสียงของสหรัฐอเมริกา คำโฆษณาที่เขาลงไว้นั้น คือว่า ถ้ามีใครที่พอใจในสิ่งที่ตัวเองมีอยู่จริงๆ ฉันจะให้เงินสี่ล้านบาท คนจำนวนมากได้อ่านคำโฆษณานี้แล้วไปหาคนที่ลงคำโฆษณานี้ที่บ้านของเขา แล้วต่างคนต่างบอกกันว่า ตนเองได้พอใจในชีวิตปัจจุบันของตนจริงๆ แต่ไม่มีใครที่รับเงินจากเจ้าของคำโฆษณานี้ไป เพราะไม่สามารถที่จะตอบคำถามประการหนึ่งประการเดียวได้ ที่ว่า ถ้าคุณพอใจกับสถานการณ์ปัจจุบันของคุณ ทำไมคุณต้องการสี่ล้านบาท
คนเราส่วนใหญ่ไม่ค่อยรู้จักความพอใจ คนที่มีเงิน อยากมีเงินมากกว่าปัจจุบัน คนที่มีอำนาจสูงระดับหนึ่ง ก็ไม่พอใจกับสภาพที่เป็นอยู่ แต่อยากมีอำนาจมากกว่า คนที่สวย อยากสวยอีก คนส่วนใหญ่มีหลายสิ่งหลายอย่าง แต่ยังดำเนินชีวิตด้วยการบ่นว่า บางคนมีสิ่งของไม่ค่อยมากนัก แต่ดำเนินชีวิตด้วยการพอใจและอย่างมีความสุข ชีวิตของพี่น้องเป็นอย่างไร ดำเนินชีวิตด้วยการบ่นว่า หรือด้วยการพอใจ แล้วพี่น้องอยากดำเนินชีวิตอย่างไร การดำเนินชีวิตด้วยความพอใจนั้นคงไม่ง่าย ถ้าจะดำเนินชีวิตด้วยการพอใจ ควรจะทำอย่างไร ขอให้เราฟังคำตอบจากพระวจนะของพระเจ้า
1. ควรชื่นชมยินดีเสมอในองค์พระผู้เป็นเจ้า (4.10)
ข้าพเจ้ามีใจชื่นชมยินดีในองค์พระผู้เป็นเจ้าอย่างยิ่ง เพราะว่าในที่สุดท่านก็ได้ฟื้นการระลึกถึงข้าพเจ้าอีก ท่านคิดถึงข้าพเจ้าจริงๆ แต่ยังหาโอกาสไม่ได้
อจ.เปาโลได้ชื่นชมยินดีเสมอในองค์พระผู้เป็นเจ้า สาเหตุที่ท่านชื่มยินดีเช่นนี้ ก็เพราะว่า คริสเตียนชาวฟีลิปปีได้ระลึกถึงท่านและฝากของมาหาท่าน เมื่อ คริสเตียนชาวฟีลิปปีได้ข่าวว่า เปาโลได้ถูกจำคุกอยู่ที่กรุงโรม จึงให้เอปาโฟรทิตัส ศิษยาภิบาลของคริสตจักรฟีลิปปีไปหาเปาโลพร้อมกับของขวัญด้วย
อจ.เปาโลไม่สนใจในสิ่งของตัวเอง แต่ความสนใจของท่านอยู่ที่พระผู้เป็นเจ้าผู้ทรงโปรดให้คริสเตียนชาวฟีลิปปีทำเช่นนั้น ดังนั้นท่านมีใจชื่นชมยินดีในองค์พระผู้เป็นเจ้าอย่างยิ่งได้ เมื่อความสนใจอยู่ที่พระเป็นเจ้า สามารถที่จะชื่นชมยินดีได้ ไม่ว่าได้รับของขวัญหรือไม่ได้รับของขวัญ ไม่ว่าทุกอย่างเป็นไปได้ดี หรือเป็นไปไม่ค่อยดีก็ตาม
พวกเราก็เช่นเดียวกัน เมื่อสถานการณ์เป็นความสนใจของเรา ความชื่นชมยินดีก็ไปๆมาๆตามสถานการณ์นั้น ถ้าเงินทองเป็นความสนใจของเรา เมื่อมีเงินก็รู้สึกดีใจและพอใจ แต่ถ้าเงินหมดแล้ว ไม่มีเงิน มักจะวิตกกังวล พระคัมภีร์บอกว่า คนรักเงินย่อมไม่อิ่มเงิน และคนรักสมบัติไม่รู้จักอิ่มกำไร นี่ก็อนิจจังด้วย (ปญจ.5.10) ถ้าธุระกิจเป็นความสนใจของเรา เมื่อธุระกิจดำเนินไปได้ดี หรือเราประสบความ สำเร็จในการทำธุระกิจนั้น รู้สึกชีวิตของเราเต็มไปด้วยความพอใจและความชื่นชมยินดี แต่ถ้าทำธุระกิจไม่ค่อยดี หรือประสบความล้มเหลว ก็โศกเศร้า รู้สึกหมดหวัง
แต่ถ้าความสนใจของเราอยู่ที่องค์พระผู้เป็นเจ้า ไม่ได้เป็นเช่นนั้น คนที่เอาพระเยซูเป็นความสนใจของตน คงเรียนรู้ว่า เงินและทองมาจากองค์พระผู้เป็นเจ้า ความสำเร็จหรือความล้มเหลวในการทำธุระกิจก็อยู่ที่องค์พระผู้เป็นเจ้า ดาวิดได้กล่าวไว้ว่า ทั้งความมั่งคั่งและเกียรติมาจากพระองค์ และพระองค์ทรงครอบครองอยู่เหนือทุกสิ่ง...(1 พศด. 29.12) เมื่อเรายอมรับว่า ทุกสิ่งอยู่ที่องค์พระผู้เป็นเจ้า เราสมารถที่จะดำเนินชีวิตด้วยการเพียงพอและด้วยความชื่นชมยินดีเสมอได้
2. ควรเผชิญกับสภาพที่เป็นอยู่อย่างถูกต้อง (4.11-12)
อจ.เปาโลได้พบกับสิ่งต่างๆมากมายในการรับใช้พระเจ้าตลอดเวลา เช่น ความตกต่ำและความอุดมสมบูรณ์ ความอิ่มท้องและความอดอยาก ความสมบูรณ์พูนสุขและความขัดสน เปาโลได้เรียนรู้เคล็ดลับที่จะเผชิญกับทุกสถานการณ์
ที่นี่อาจมีบางคนเข้าใจว่า เปาโลเคยดำเนินชีวิตอยู่ในความยากจน และดำเนินชีวิตอยู่ในความมั่งคั่งด้วย แต่คงไม่ใช่อย่างนั้น ที่อจ.เปาโลกล่าวมานี้ หมายความว่า ความยากจน ก็ไม่เป็นปัญหา ในเวลาเดียวกัน ความมั่งคั่งก็ไม่เป็นปัญหาด้วย พี่น้องรู้สึกอย่างไร รู้สึกไม่สะดวกเมื่อยากจน หรือเมื่อร่ำรวย คนยากจนมักจะบอกว่า ไม่สะดวกหลายสิ่งหลายอย่าง เพราะไม่มีเงิน พี่น้องรู้มั้ยครับว่า ไม่ใช่คนยากจนเท่านั้น แต่คนรวยก็มีความ รู้สึกไม่สะดวกเหมือนกัน แต่ส่วนอจ.เปาโลไม่มีความไม่สะดวกไม่ว่ายากจนหรือรวย
ขณะที่เราดำเนินชีวิตอยู่ในโลกนี้ เรามักจะพบกับสถานการณ์ต่างๆมากมายเช่นเดียวกับ มีเวลาที่ทำธุระกิจเป็นไปได้ดี ไม่มีปัญหาในที่ทำงาน ครอบครัวทุกคนก็แข็งแรง ทุกอย่างที่กระทำก็จำเริญก้าวหน้า แต่ก็ยังมีเวลาที่ทุกอย่างที่เรากระทำเป็นไปไม่ค่อยได้ อาจประสบความล้มเหลวอย่างสิ้นเชิง ไปไหนมาไหนมีแต่ปัญหาทั้งนั้น เพราะฉะนั้นเราจำเป็นต้องเรียนรู้ที่จะเผชิญทุกสถานการณ์อย่างถูกต้องและอย่างเหมาะสม เมื่อทุกสิ่งเป็นไปได้ดี แต่เราวางตัวลงอย่างไม่ถูกต้องหรือไม่เหมาะ สม ก็คงง่ายที่จะล้มเหลวในเวลาที่ตามมาอันใกล้ เมื่อทุกสิ่งเป็นไปไม่ค่อยดีและวางตัวลงอย่างไม่ถูกต้องหรือไม่เหมาะสม ก็คงตกในภาวะที่หมดหวังจนไม่มีทางออก ดังนั้น ไม่ควรอวดตัวหรือกระทำโดยไม่ได้ใช้ความคิดเมื่อเราอิ่มท้อง และไม่ควรรู้สึกหมดหวังหรือวิตกกังวลเมื่อเราอดอยาก แต่ในทุกกรณี ควรพึ่งพาอาศัยพระคริสต์เสมอ แล้วเราสามารถเรียนรู้ที่จะพอใจในสภาพที่เป็นอยู่ในขณะนี้ได้
3. ควรเชื่อมั่นว่า ฤทธิ์อำนาจที่แท้จริงอยู่ในพระคริสต์ (4.13)
ข้าพเจ้าผจญทุกสิ่งได้ โดยพระองค์ผู้ทรงเสริมกำลังข้าพเจ้า
สิ่งที่เราทำได้ด้วยกำลังของเราก็มีมาก แต่สิ่งที่เราทำไม่ได้ก็มีมากกว่า เพราะกำลังของเราจำกัด เพราะเหตุนี้เราส่วนใหญ่ไม่ค่อยรู้จักความพอใจในการดำเนินชีวิต จริงๆแล้ว เคล็ดลับแห่งชีวิตด้วยความพอใจนั้นไม่ยาก เคล็ดลับนั้นไม่ได้มากจากการฝึกตัวเองหรือการเรียนเพิ่มความรู้ พูดอีกนัยหนึ่ง คือไม่ใช่กำลังของเราเอง อจ.เปาโลพูดถึงเคล็ดลับนี้ว่า ฤทธิ์อำนาจขององค์พระผู้เป็นเจ้าเท่านั้น อจ.เปาโลได้ให้คำพยานชีวิตของท่านเองว่า ท่านได้ดำเนินชีวิตด้วยความพอใจ เพราะมีฤทธิ์อำนาจขององค์พระผู้เป็นเจ้าผู้ทรงประทานกำลังแก่ท่าน
ข้าพเจ้าผจญทุกสิ่งได้ โดยพระองค์ผู้ทรงเสริมกำลังข้าพเจ้า คนไม่น้อยเข้าใจผิดว่า เราทำทุกสิ่งได้โดยความเชื่อ แต่อจ.เปาโลไม่ได้บอกอย่างนั้น เปาโลเคยเจ็บป่วย จึงได้อธิษฐานขอรักษาให้หายความเจ็บป่วย ได้อธิษฐานสามครั้ง แต่ไม่ได้รับการรักษา พระเจ้าตรัสว่า การที่มีคุณของเราก็พอแก่เจ้าแล้ว เพราะความอ่อนแอมีที่ไหน เดชของเราก็มีฤทธิ์ขึ้นเต็มขนาดที่นั่น (2คร. 12.9) เปาโลเชื่อมั่นในฤทธิ์เดชของพระเจ้า แต่ยังเจ็บป่วยอยู่ ถ้าเป็นเช่นนั้น ที่เปาโลได้บอกว่า ข้าพเจ้าผจญทุกสิ่งได้ โดยพระองค์ผู้ทรงเสริมกำลังข้าพเจ้า นั้น หมายความว่าอย่างไร ก็หมายความว่า การที่ท่านดำเนินชีวิตด้วยความพอใจ ไม่ว่าตกอยู่ในสถานการณ์ใดก็ตาม ไม่ใช่ด้วยกำลังของท่านเอง แต่เพราะมีฤทธิ์อำนาจของพระเยซูคริสต์ โดยพระองค์ผู้ทรงเสริมกำลังท่าน ท่านสามารถที่จะเผชิญทุกสิ่งได้ และได้เรียนรู้ที่จะพอใจกับสภาพที่เป็นอยู่
คำพยานของเปาโลก็เหมือนกับคำพยานของดาวิดในสมัยพันธสัญญาเดิม ดาวิดก็ให้คำพยานแก่เราว่า พระเจ้าทรงเลี้ยงดูข้าพเจ้าดุจเลี้ยงแกะ ข้าพเจ้าจะไม่ขัดสน (สดด.23.1) หมายความว่า เมื่อก่อนนั้นไม่รู้จักความพอใจ แต่ต่อมาได้เรียนรู้ว่า เมื่อพระเจ้าทรงเป็นผู้เลี้ยงแกะแห่งชีวิตของท่านเอง ท่านไม่ขัดสนเลย มนุษย์เราเปรียบเหมือนแกะ แกะเป็นสัตว์ที่ไม่รู้ว่าไปไหน ดำรงชีวิตอยู่อย่างไร จึงพึ่งอาศัยผู้เลี้ยแกะ ดังนั้นเมื่อมีผู้เลี้ยงแกะ ปัญหาทุกอย่างก็ได้รับการแก้ไข เพราะฉะนั้น คำพยานนี้ ไม่ใช่คำพยานของดาวิดในสมัยพันธสัญญาเดิมเท่านั้น แต่เป็นคำพยานของเราในปัจจุบันด้วย พระเจ้าของดาวิดก็เป็นพระเจ้าของเราเช่นเดียวกัน พระเจ้าทรงเลี้ยงดูดาวิดฉันใด พระองค์ทรงเลี้ยงดูเราฉันนั้น โดยพระองค์ผู้ทรงเลี้ยงดูและผู้ทรงเสริมกำลังเรา เราสามารถเผชิญกับทุกสถานการณ์ได้ และได้เรียนรู้ที่จะพอใจกับสภาพที่เป็นอยู่ในขณะนี้ได้
ท่านมีความพอใจมั้ย เราพอใจในสิ่งที่เรามีอยู่ในเวลานี้ และพอใจกับสภาพของเราในเวลานี้ได้ก็ต่อเมื่อเราชื่นชมยินดีอย่างยิ่งในองค์พระผู้เป็นเจ้า เมื่อเราเผชิญกับทุกสถานการณ์ได้อย่างถูกต้อง และเมื่อเราเชื่อว่า ฤทธิ์อำนาจอยู่ในพระองค์ ขอให้เราดำเนินชีวิตด้วยความพอใจ ไม่ใช่ด้วยการบ่น