ฟีลิปปี 4.4-7
เคล็ดลับชีวิตที่ประสบความสำเร็จประการแรก คือ ความชื่นชมยินดี ในสัปดาห์ที่ผ่านพ้นไป มีความชื่นชมยินดีไหม ถึงแม้ว่าร่างกายเหน็ดเหนื่อยบ้าง แต่ข้าพเจ้าชื่นชมยินดีอย่างยิ่ง เพราะเมื่อพาคณะอนุชนเกาหลีไปเยี่ยมพี่น้องชาวลีซู หมู่บ้านรินหลวง อ.เชียงดาว มีครอบครัวหนึ่ง ทั้งหมด 9 คนพร้อมที่จะรับเชื่อพระเยซู ในทันใดที่เราไปถึงหมู่บ้าน ประมาณหนึ่งทุ่ม เราก็ไปถึงบ้านของเขา และอธิษฐานเผื่อครอบครัวนั้น ขอบพระคุณพระเจ้า และมีความชื่นชมยินดี ความชื่นชมยินดีเป็นกุญแจสำคัญของความสำเร็จ ความชื่นชมยินดีแท้ของคริสเตียนนั้นไม่ใช่คิดแต่เรื่องส่วนตัว มันไม่ได้มาโดยการมุ่งมั่นความต้องการของตน แต่ความต้องการของคนอื่น การเอาใจใส่คนอื่นสำคัญกว่าเอาใจใส่ตัวเอง ดังนั้น เปาโล กล่าวต่อไปในข้อ 5 ว่า จงให้จิตใจที่อ่อนสุภาพของท่านประจักษ์แก่คนทั้งปวง.. นี่เป็นเคล็ดลับประการที่สองของชีวิตที่ประสบความสำเร็จ เปาโลได้หนุนใจคริสเตียนชาวกาลาเทียอย่างเดียวกัน ดูก่อนพี่น้องทั้งหลาย แม้จับผู้ใดที่ละเมิดประการใดได้ ท่านซึ่งอยู่ฝ่ายพระวิญญาณ จงช่วยผู้นั้นด้วยใจอ่อนสุภาพให้เขากลับตั้งตัวใหม่ โดยคิดถึงตัวเอง เกรงว่าท่านจะถูกชักจูงให้หลงไปด้วย(กาลาเทีย 6.1)
1. จิตใจที่อ่อนสุภาพหมายถึงอะไร
คำว่า จิตใจที่อ่อนสุภาพในภาษากรีก epieikeia มีความหมายหลายอย่าง เช่น ความนิ่มนวล ยินยอม เมตตากรุณา ไม่รุนแรง ใจกว้าง ปานกลาง อดกลั้น เป็นต้น อาจสรุปได้ว่า แสดงความอ่อนสุภาพ เมตตากรุณาและใจกว้างแก่คนอื่นโดยไม่ได้ใช้สิทธิของตน
คริสเตียนในสมัยของเปาโลเข้าใจคำนี้ว่า ความยุติธรรม หรือสิ่งที่ดีกว่านั้น ความยุติธรรมนี้เป็นความชอบธรรมทางกฎหมาย คือ ความยุติธรรมของการพิพากษา หมายถึงความชอบธรรมเหมือนความสมดุลของเครื่องช่างน้ำหนัก ถ้าใครทำผิด เขาต้องได้รับการพิพากษาลงโทษเท่ากับน้ำหนักของการกระทำผิด แต่สิ่งที่น่าจับตามองดูก็คือ คำนี้ยังรวมถึงคุณค่าที่เหนือกว่าความยุติธรรม คุณค่าที่ดีกว่าความชอบธรรมนั้น แสวงหาความชอบธรรมและความยุติธรรม แต่ถือว่า สิ่งที่ดีกว่าความชอบธรรมและความยุติธรรมมีค่าสูง คุณค่านี้ถือการกระทำแห่งความเมตตากรุณาที่มองข้ามเงื่อนไขนั้นมีค่าสูง ไม่เอา เพราะว่า แต่เอาถึงแม้ว่า เป็นคุณค่าที่ยอมรับความแตกต่าง ความแตกต่างกันนั้นไม่ใช่ความผิด เพียงแต่มีความคิด หรือความเข้าใจไม่เหมือนกันเท่านั้น เป็นสติปัญญาที่คิดถึงตัวเอง แทนที่จะกล่าวโทษเขาเมื่อคนอื่นทำผิด หรือทำผิดพลาด
ก่อนเดินทางไปประกาศครั้งที่สอง เปาโลกับบารนาบัสมีความคิดเห็นไม่ตรงกันเกี่ยวกับมาระโก บารนาบัสอยากจะพามาระโกไปด้วย แต่เปาโลไม่เห็นด้วย เพราะว่า ในการเดินทางไปประกาศครั้งที่หนึ่ง มาระโกได้ละทิ้งสองกลับบ้านและมิได้ทำการด้วยกัน พระคัมภีร์ไม่ได้บอกสาเหตุที่มาระโกกลับไป มาระโกไม่น่าทำเช่นนี้ ทำให้เปาโลไม่ชอบที่จะพาเขาไป ส่วนบารนาบัสอยากจะพาไป อาจเพราะเป็นญาติกัน ทั้งสองขัดแย้งกันจนต้องแยกกันไป ถ้าเปาโลไม่เอาวลีที่ว่า เพราะว่า แต่ได้เอาวลีที่ว่า ถึงแม้ว่า และยินยอมที่จะพามาระโกไป เปาโลกับบารนาบัสคงไม่ได้แยกกันไป เมื่อเวลาผ่านไป เปาโลเข้าใจเรื่องนี้และรู้ว่า การสำแดงจิตใจที่อ่อนสุภาพแก่คนอื่นนั้นสำคัญมาก เปาโลกจึงให้ทิโมธีพามาระโกมาด้วยโดยกล่าวว่า เพราะเขาช่วยปรนนิบัติข้าพเจ้าได้เป็นอย่างดี (2ทธ.4.11) นี่เป็นภาพที่สวยงามจริงๆ ของชุมชนคริสเตียน พระเยซูปรารถนาสร้างชุมชนเช่นนี้ดังนั้น เราควรสร้างคริสตจักรของเราให้เป็นชุมชนที่แสดงจิตใจที่อ่อนสุภาพให้เห็นซึ่งกันและกัน เรามีสิทธิที่จะทำสิ่งนี้สิ่งโน้น และมีสิทธิที่จะไม่ทำสิ่งนี้สิ่งโน้น ถึงอย่างไรก็ตาม เราควรยกเลิกสิทธิเหล่านั้นได้ เราควรไม่ใช้สิทธิเหล่านั้นได้เพราะเห็นแก่พระเยซูคริสต์ แล้วคริสตจักรของเราจะเป็นชุมชนแห่งความสุภาพอ่อนน้อม
ชุมชนแห่งความอ่อนสุภาพเป็นชุมชนที่ประสบคุณงามความดีของความอ่อนสุภาพโดยคิดถึงตัวเองผ่านทางความผิดพลาดของคนอื่นและแบ่งปันประสบการณ์นั้น มนุษย์เราทุกความมีจุดเด่นและจุดอ่อนด้วย ไม่มีใครที่มีจุดเด่นเท่านั้น และไม่มีใครที่มีจุดอ่อนเท่านั้น ความสัมพันธ์แห่งความสุภาพนั้นประเมินค่าจุดเด่นอย่างสูงซึ่งกันและกันและเชื่อมโยงจุดเด่นให้เข้มแข็งและอบอุ่น จุดเด่นของคนอื่นเปรียบเหมือนรูกุญแจรถ เมื่อเราเอากุญแจแห่งความสุภาพของเราใส่ในรูและสตาร์ทครื่อง ชุมชนแห่งความอ่อนสุภาพที่อบอุ่นและสวยงามเริ่มทำงานอย่างมีพลัง
2. เราควรมอบจิตใจที่อ่อนสุภาพของเราให้แก่ใคร
แน่นอน เราควรมอบจิตใจที่อ่อนสุภาพของเราให้แก่คนที่เรารัก และคนที่เราสนิทกัน บางครั้ง คนที่รักกัน และคนที่สนิทกันก็ไม่ถูกกันและทะเลาะกัน เพราะฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งไม่แสดงจิตใจที่อ่อนสุภาพให้เห็น เราควรมอบจิตใจที่อ่อนสุภาพให้แก่พี่น้องในพระคริสต์ซึ่งกันและกัน
ถ้าเราจะมอบจิตใจที่อ่อนสุภาพของเราให้แก่บางคน ก็คงไม่ยาก แต่พระคัมภีร์บอกว่า จงให้จิตใจที่อ่อนสุภาพแก่คนทั้งปวง คำว่า คนทั้งปวงนี้ รวมถึงคนที่ข่มเหงเรา และคนที่เป็นศัตรูของเราด้วย พระเยซูเคยตรัสว่า ฝ่ายเราบอกท่านว่า จงรักศัตรูของท่านและจงอธิษฐานเพื่อผู้ที่ข่มเหงท่าน ถึงแม้ว่า ไม่ชอบ หรือไม่ค่อยถูกกัน หรือไม่ค่อยสนิทกัน เราก็ควรมอบจิตใจที่อ่อนสุภาพของเราให้แก่เขาด้วย เพราะว่าพระคัมภีร์บอกอย่างนั้น ตามความคิดของเรา ตามความรู้สึกของเรา อาจทำยาก หรือทำไม่ได้ แต่พระคัมภีร์บอกอย่างนั้นแล้ว เราควรเชื่อฟัง ปฎิบัติตามนั้น
3. เราต้องมอบจิตใจที่อ่อนสุภาพให้แก่คนทั้งปวงทำไม
ถึงแม้ว่า การที่เรามอบจิตใจที่อ่อนสุภาพของเราให้แก่คนทั้งปวงนั้น ไม่ง่าย แต่เรามีเหตุผลชัดเจนที่ต้องทำเช่นนี้ เพราะพระคัมภีร์บอกว่า องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงอยู่ใกล้แล้ว คำว่า องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงอยู่ใกล้แล้ว หมายความว่า ไม่มีใครรู้ว่า พระเยซูคริสต์จะเสด็จกลับมาเป็นครั้งที่สองนั้นเมื่อไร พระเยซูจะเสด็จมาอีกแน่นอน แต่เราไม่รู้ว่า พระองค์จะเสด็จมาอีกเมื่อไร เราจึงต้องสำแดงจิตใจของเราที่อ่อนสุภาพให้แก่คนทั้งปวง เราเชื่อว่า เมื่อพระองค์เสด็จมาอีก คนที่ตายแล้วในองค์พระผู้เป็นเจ้าจะเป็นขึ้นมาอีก และเราทั้งหลาย ซึ่งยังเป็นอยู่ในเวลาที่พระองค์เสด็จมา จะถูกรับขึ้นไปในเมฆ แล้วจะพบองค์พระผู้เป็นเจ้าในฟ้าอากาศ แล้วเราทุกคนจะต้องปรากฎตัวที่หน้าบัลลังก์แห่งการพิพากษาของพระองค์ เพื่อทุกคนจะได้รับสมกับการที่ได้ประพฤติ (2คร. 5.10) คนที่ได้รับรางวัล ก็ถือว่า เป็นคนที่ประสบความ สำเร็จ ส่วนคนที่คาดหวังว่า จะได้รับรางวัลมาก แต่ไม่ได้รับตามความคาดหวัง ก็คงรู้สึกอาย ถ้าจะไม่ได้รับความอายจำเพาะพระพักตร์ของพระองค์ในวันนั้น ชีวิตของเราในโลกนี้ต้องเป็นชีวิตที่สำแดงจิตใจที่อ่อนสุภาพ ใจกว้างของเราให้แก่ทุกคน
เคล็ดลับชีวิตที่ประสบความสำเร็จประการที่สอง คือ การสำแดงจิตใจที่อ่อนสุภาพให้แก่ทุกคน เมื่อเราเห็นแก่คนอื่น คิดถึงความต้องการของคนอื่น และสำแดงจิตใจอ่อนสุภาพให้แก่คนอื่น เราจะมีความชื่นชมยินดีเต็มเปี่ยม เพราะนี่แหละเป็นท่าทีแห่งการดำเนินชีวิตของพระเยซู พระเยซูไม่ได้เสด็จมาเพื่อจะรับการปรนนิบัติ แต่เพื่อจะปรนนิบัติคนอื่นและประทานชีวิตของพระองค์ให้เป็นค่าไถ่คนเป็นอันมาก (มก.10.45) อีกไม่นาน พระองค์จะเสด็จกลับมาอีก และพิพากษาตามการกระทำของเราแต่ละคน ดังนั้น ขอให้เราสำแดงจิตใจที่อ่อนสุภาพของเราให้แก่ทุกคน รวมทั้งคนที่ข่มเหงเราและคนที่เป็นศัตรูของเราด้วย แล้วคริสตจักรของเรากลายเป็นชุมชนที่เต็มไปด้วยความชื่นชมยินดี