ฟีลิปปี 4.2-3
พระเจ้าทรงเรียกเราแต่ละคนเพื่อให้ปรนนิบัติรับใช้พระเจ้า เราจึงร้องเพลงบ่อยๆว่า ขอรับใช้ ชีวิตข้า ขอรับใช้ ตัวข้าเป็นของพระองค์ ของพระองค์ แต่พระเจ้าไม่ได้หมายถึงเราแต่ละคนส่วนตัวเท่านั้น แต่ให้คริสตจักรของพระองค์ส่วนรวมปรนนิบัติรับใช้พระองค์ด้วย ถ้าคริสตจักรของเราจะปรนนิบัติรับใช้พระเจ้าอย่างมีประสิทธิภาพ เราจำเป็นต้องมีจิตใจปรองดองกัน แต่เนื่องจากว่า คริสตจักรเป็นชุมชนของบรรดาคนบาปที่ได้รับการอภัยโทษแล้ว ดังนั้นปัญหาหรือความไม่เห็นด้วยกันก็จะเกิดขึ้นในคริสตจักรได้ สิ่งสำคัญไม่ได้อยู่ที่ว่า มีความไม่เห็นด้วยกันในคริสตจักรหรือไม่ แต่อยู่ที่ว่า เราจะเอาชนะความไม่เห็นด้วยกันและแก้ไขอย่างไร
ภายในคริสตจักร อาจไม่มีจิตใจปรองดองกันบ้าง ในข้อ 2 ตอนต้นบอกว่า ข้าพเจ้าก็เตือนนางยูโอเดียและขอเตือนนางสินทิเค ก็แสดงให้เห็นว่า คริสตจักรฟีลิปปีก็เป็นอย่างนั้น มีความไม่ปรองดองกันระหว่างยูโอเดียกับสินทิเค ผู้นำสตรีของคริสตจักรฟีลิปปี ทั้งสองคนนี้เป็นคริสเตียนที่ทำงานเพื่อข่าวประเสริฐร่วมกับเปาโลและผู้รับใช้ของพระเจ้าคนอื่นๆ ด้วย ถึงกระนั้นก็ยังมีความไม่เป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันเพราะไม่มีจิตใจปรองดองกันระหว่างสองคนนี้ พระคัมภีร์ไม่ได้บอกว่า มีเรื่องอะไรที่เขาทั้งสองไม่ปรองดองกัน แต่เราเห็นว่า เขาทั้งสองไม่ค่อยถูกใจกัน
คริสตจักรโครินธ์เป็นคริสตจักรที่มีปัญหาเช่นนี้เหมือนกัน มีการแบ่งแยกเป็นสี่กลุ่มในคริสตจักร เช่น กลุ่มเปาโล กลุ่มอปอลโล กลุ่มเคฟาส และกลุ่มพระคริสต์ ดังนั้นเปาโลไม่สามารถพูดกับสมาชิกของคริสตจักรโครินธ์เหมือนกับผู้ที่อยู่ฝ่ายวิญญาณ แต่พูดกับสมาชิกของคริสตจักรโครินธ์เหมือนคนที่อยู่ฝ่ายเนื้อหนัง เหมือนเป็นทารกในพระคริสต์ ขาดความเป็นหนึ่งเดียวกัน
คริสตจักรในปัจจุบันนี้ก็เช่นเดียวกัน คริสตจักรไม่ใช่เป็นชุมชนของคนดีรอบคอบโดยไม่มีตำหนิ แต่เป็นชุมชนของคนที่บกพร่อง ดังนั้น บางครั้งอาจจะมีความไม่เห็นด้วยกันบ้าง ในโลกนี้ คงไม่มีคริสตจักรที่สมบูรณ์ จึงบางคนบอกว่า อย่าแสวงหาคริสตจักรที่สมบูรณ์ เพราะคริสตจักรเช่นนั้นไม่มี ถึงแม้ว่ามี ท่านก็ไม่มีคุณสมบัติที่จะเข้าเป็นสมาชิกคริสตจักรนั้นได้ แต่ละคริสตจักร อาจเกิดความเห็นไม่ตรงกันหรือไม่ปรองดองกันขึ้นได้ เมื่อเป็นเช่นนั้นแล้ว สิ่งที่สำคัญมากที่สุด คือทำอย่างไร เราจึงเอาชนะความไม่เห็นด้วยกัน หรือปัญหาเหล่านี้ได้ แล้วสร้างความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันได้
ข้าพเจ้าเชื่อมั่นว่า เราสามารถมีจิตใจปรองดองกันในคริสตจักรได้ ทำอย่างไร เรามีจิตใจปรองดองกันในคริสตจักรของเราได้ เปาโลได้แนะนำวิธีการทำให้มีจิตใจปรองดองกันได้สองประการไว้ในพระคำตอนนี้
1 เพื่อจะมีจิตใจปรองดองกัน เราจำเป็นต้องอยู่ในองค์พระผู้เป็นเจ้า (ฟิลิปปี4.2 ข)
ให้มีจิตใจปรองดองกันในองค์พระผู้เป็นเจ้า
ถ้าเราจะเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน เราต้องมีความคิดอันเดียวกัน พระคัมภีร์ก็บอกว่า สองคนจะเดินไปด้วยกันได้หรือ นอกจากทั้งสองจะได้ตกลงกันไว้ก่อน(อาโมส 3.3) ถ้าเราจะดำเนินชีวิตคริสเตียนด้วยความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันกับคนอื่น เราจำเป็นต้องมีความคิดอย่างเดียวกัน มีจิตใจปรองดองกัน เนื่องด้วยว่าเราแต่ละคนมีเบื้องหลังประวัติความเป็นมาและบุคลิกลักษณะของเราแตกต่างกัน ความคิดของเราจึงไม่เหมือนกัน เหมือนที่เราต่างใส่แว่นตาสี เราใส่แว่นสีอะไร มองทุกอย่างแล้ว ดูเหมือนทุกอย่างเป็นสีนั้น ฉะนั้น ถ้าต่างคนต่างเห็นแก่มนุษย์ หรือเกรงใจมนุษย์แล้ว คงไม่มีทางที่จะเป็นอันหนึ่งอันดียวกันได้ ตรงกันข้ามคงมีความแตกแยกมากยิ่งขึ้นเท่านั้น ถึงแม้เราจะพยายามมากน้อยแค่ไหนก็ตาม คงไม่ประสบความสำเร็จแน่นอน เพราะการมีจิตใจปรองดองกันนั้น ไม่ใช่ด้วยความพยายามของมนุษย์เรา ไม่ใช่ด้วยฤทธิ์อำนาจของมนุษย์ แต่เป็นไปได้ด้วยฤทธิ์อำนาจของพระเจ้า
พระคัมภีร์บอกว่า ให้มีจิตใจปรองดองกันในองค์พระผู้เป็นเจ้า คริสเตียนที่บังเกิดใหม่แล้วนั้น ทุกคนมีพระเยซูคริสต์ทั่วหน้ากัน ไม่ว่าวัยไหนหรือเพศไหนก็ตาม เพราะพระเยซูทรงเป็นพื้นฐานเดียวกันของเราทุกคน คงไม่มีทางที่จะเป็นอัน หนึ่งอันเดียวกันได้นอกจากพระองค์แล้ว เมื่อสมาชิกทุกคนมุ่งหาพระเยซูคริสต์ คริสตจักรจะมีจิตใจปรองดองกันได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เราต้องปรนนิบัติรับใช้พระเจ้าในพระเยซูคริสต์ โดยเอาพระองค์ทรงเป็นศูนย์กลาง รับใช้พระองค์เพื่อพระองค์ผู้ทรงสิ้นพระชนม์ที่กางเขนเพื่อเรา ไม่ใช่รับใช้พระเจ้าเพื่อตัวเราเอง คริสตจักรคือพระกายของพระเยซู พระเยซูทรงเป็นศีรษะของคริสตจักร เปรียบเหมือนร่างกายของเรา เมื่อเราสังเกตดูร่างกายของเรา มีกายเดียว แต่ประกอบ ด้วยอวัยะต่างๆ และมีอวัยวะหลากหลาย แต่ก็มีกายเดียว ร่างกายของเราเป็นภาพที่เราเห็นชัดเจน เน้นถึงความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันในคริสตจักรโดยมีพระเยซูเป็นศูนย์กลาง
2 เพื่อจะมีจิตใจปรองดองกัน ต้องมีผู้สร้างสันติ (ฟิลิปปี4.3)
ข้าพเจ้าขอร้องท่านผู้เป็นเพื่อนร่วมแอกแท้ๆ ของข้าพเจ้า ให้ท่านช่วยผู้หญิงเหล่านั้น...
เพื่อจะจัดการความไม่ปรองดองกันระหว่างยูโอเดียกับสินทิเค จำเป็นต้องมีคนที่จะสร้างสันติ เปาโลจึงฝากเรื่องนี้ให้กับคนหนึ่ง ซึ่งไม่มีชื่อของคนนั้นอย่างชัดเจนที่นี่ แต่เขาเป็นเพื่อนร่วมแอกแท้ๆ ของเปาโล เป็นคนที่เปาโลรับรองและไว้ใจได้ จนให้เขาทำการสร้างสันติ ทำให้เกิดการกลับคืนดีกันระหว่างสองคนนี้ขึ้น คำว่า ผู้ร่วมแอกแท้ๆ แสดงให้เห็นว่า ผู้ที่จะสร้างสันติต้องเป็นผู้ที่เติบโตเป็นผู้ใหญ่ฝ่ายวิญญาณ คริสตจักรฟีลิปปีเป็นคริสตจักรที่น่าอิจฉา เพราะมีคนที่เติบโตเป็นผู้ใหญ่ สามารถที่จะทำให้เกิดการกลับคืนดีกันระหว่างยูโอเดียกับสินทิเค
ทำไมเปาโลให้เขาช่วยผู้หญิงสองคนนี้ ถึงแม้ว่ามีจิตใจไม่ปรองดองกันระหว่างยูโอเดียกัยสินทิเค เพราะไม่เห็นด้วยกันในบางเรื่อง แต่ก็มีสาเหตุเพียงพอที่ทั้งสองคนนี้จะได้รับการช่วยเหลือ เปาโลกล่าวถึงสาเหตุไว้ในข้อที่ 3 ตอนท้ายว่า เพราะว่าเขาได้ทำงานเพื่อข่าวประเสริฐเคียงข้างกับข้าพเจ้าและเคลเมนท์ รวมทั้งคนอื่นที่เป็นเพื่อนร่วมงานของข้าพเจ้า ซึ่งชื่อของเขาเหล่านั้นมีอยู่ในหนังสือชีวิตแล้ว เราน่าชมเชยผู้หญิงสองคน เพราะทั้งสองคนได้ทำงานเพื่อข่าวประเสริฐร่วมกับเปาโล เคลเมนท์และผู้รับใช้พระเจ้าคนอื่นๆ เราไม่ทราบว่า เคเลเมนท์เป็นใคร หรือเพื่อนร่วมงานของเปาโลที่นี่หมายถึงใคร แต่เขาเหล่านั้นเป็นผู้รับใช้พระเจ้า ถึงแม้ว่า เขาทั้งสองไม่มีจิตใจปรองดองกันในขณะนั้น แต่การทำงานของเขาทั้งสองนั้นน่าจะได้รับการชมเชย เพราะเขาทั้งสองได้ร่วมมือร่วมใจทำงานเพื่อข่าวประเสริฐ เราทุกคนต่างมีทั้งจุดเด่นและจุดด้อย เพราะสาเหตุที่เขามีจุดด้อย เราจะมองข้ามจุดเด่นของเขาก็หามิได้ เราควรแยกจุดเด่นและจุดด้อยของคนนั้น และรับสภาพตามความเป็นจริง จุดเด่นก็เป็นจุดเด่น และจุดด้อยก็เป็นจุดด้อย
พระเยซูได้เสด็จมาในโลกในฐานะเป็นผู้กลางระหว่างพระเจ้ากับมนุษย์ ถึงแม้ว่า พระเจ้าได้ทรงสร้างมนุษย์ตามพระฉายาของพระเจ้า แต่มนุษย์เราทำเหมือนศัตรูของพระเจ้า มนุษย์จึงได้ถูกแยกออกจากพระเจ้าผู้ทรงเป็นแหล่งชีวิต แล้วเผชิญ หน้ากับความยากลำบากมากมายจนถึงความตาย มนุษย์ต้องการพระเจ้า มีความจำเป็นที่จะกลับคืนดีกับพระเจ้า แต่ไม่มีทางเลย ถึงอย่างไรก็ตาม พระเยซูได้ทรงสร้างสันติให้กับมนุษย์ พระองค์ทรงยอมที่จะเป็นผู้กลางระหว่างพระเจ้ากับมนุษย์โดยการสิ้นพระชนม์ที่กางเขน พระองค์ผู้ทรงเป็นผู้กลางระหว่างพระเจ้ากับมนุษย์เช่นนี้ เพื่อต้องการให้คริสเตียนเรากลับคืนดีกัน ให้เราเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน และให้เรามีจิตใจปรองดองกันในคริสตจักร พระเยซูได้ทรงวางแบบอย่างที่ดีในการเป็นผู้สร้างสันติแล้ว ขอให้เราเลียนแบบของพระองค์ สร้างสันติในคริสตจักร
คริสตจักรในปัจจุบันก็เช่นเดียวกัน คริสตจักรต้องการผู้สร้างสันติที่เติบโตเป็นผู้ใหญ่ ไม่ต้องการผู้สร้างปัญหา คริสตจักรต้องการผู้ให้คำปรึกษาที่เป็นผู้ใหญ่ ถ้าเป็นความพยายามให้กลับคืนดีกันโดยปราศจากความเอาจริงเอาจัง ทำให้ปัญหานั้นใหญ่โตขึ้น แทนที่จะได้รับการแก้ไข ผู้ที่จะสร้างสันตินั้นต้องเป็นผู้ใหญ่ฝ่ายวิญญาณพอที่จะจัดและแก้ปัญหาด้วยความยุติธรรมและเสนอคำตอบฝ่ายวิญญาณได้ คริสตจักรที่มีสมาชิกที่เป็นผู้ใหญ่ฝ่ายวิญญาณเช่นนี้ จะเป็นคริสตจักรที่มีจิตใจปรองดองกันในองค์พระผู้เป็นเจ้าได้ พี่น้องเป็นอย่างไร เติบโตเป็นผู้ใหญ่ฝ่ายวิญญาณพอที่จะช่วยผู้ที่ประสบปัญหาฝ่ายวิญญาณได้หรือยัง
ขอให้เราทุกคนอยู่ในองค์พระผู้เป็นเจ้า คิดทุกอย่างในพระองค์ มุ่งหาพระองค์ ปรนนิบัติรับใช้พระเจ้าในพระองค์และเพื่อพระองค์ ขอให้เราทุกคนเป็นผู้สร้างสันติ อย่าเป็นผู้สร้างปัญหาในคริสตจักร จงมีความกระตือรือร้นและทุ่มเทชีวิตในการอธิษฐานและศึกษาพระคัมภีร์มากกว่าเดิมเพื่อจะเป็นผู้ใหญ่ฝ่ายวิญญาณพอที่จะสร้างสันติและให้คำปรึกษาฝ่ายวิญญาณ ขอพระเจ้าทรงอวยพรคริสตจักรของเราให้มีจิตใจปรองดองกันในองค์พระผู้เป็นเจ้า