1 โครินธ์ 12.12-27
ผู้ที่ปรนนิบัติรับใช้พระเจ้าทุกคนมีความปรารถนาอย่างหนึ่ง คือสร้างและดูแลคริสตจักรให้เข้มแข็ง เพราะว่าคริสตจักรเป็นพระกายของพระเยซูคริสต์ ประมาณ 26 ปีที่แล้ว เมื่อข้าพเจ้าเป็นนักศึกษาโรงเรียนพระคัมภีร์ ข้าพเจ้าได้รับใช้พระเจ้าที่คริสตจักรแห่งหนึ่ง ซึ่งตั้งอยู่ในกรุงโซล ทางใต้แม่น้ำฮัน ในเวลานั้นมีคริสตจักรใหม่เพิ่มขึ้น ทางใต้แม่น้ำฮัน เพราะแถวนั้นกำลังได้รับการพัฒนาขึ้น มีการสร้างถนนหนทาง สร้างอพาร์ตเมนท์ ทำให้คนที่เคยอาศัยอยู่ทางเหนือแม่น้ำได้ย้ายมาอยู่ทางใต้แม่น้ำ คนที่ได้ย้ายมาอยู่แถวนั้นไม่รู้ว่าจะไปเป็นสมาชิกคริสตจักรไหนดี จนประมาณ 3-4 เดือน เขาไปเยี่ยมเยียนคริสตจักรต่างๆในแถวนั้น แล้วเมื่อพบคริสตจักรที่ดี ก็ลงทะเบียนเป็นสมาชิก การที่คริสเตียนพบคริสตจักรที่ดีก็เป็นเรื่องสำคัญ ในเวลาเดียวกัน การที่คริสตจักรพบสมาชิกที่ดีก็เป็นเรื่องสำคัญเช่นเดียวกัน
การที่เราพบคริสตจักรที่ดีเป็นเรื่องสำคัญ แต่สำคัญยิ่งกว่านั้น ก็คือ สร้างคริสตจักรที่เรากำลังไปอยู่นั้นให้เป็นคริสตจักรที่ดี คริสตจักรที่ดี คือคริสตจักรที่เข้มแข็ง สุขภาพฝ่ายร่างกายก็สำคัญและสุขภาพฝ่ายจิตใจก็สำคัญ ยิ่งกว่านั้น สุขภาพฝ่ายจิตวิญญาณของเราแต่ละคนก็สำคัญมาก แต่ที่สำคัญมากที่สุด ก็คือสุขภาพของคริสตจักร เพราะว่าคริสตจักรเป็นชุมชนของคริสเตียนที่ได้รับความรอดแล้ว การที่เราได้รับความรอด เราก็รอดโดยความเชื่อของเราแต่ละคน แต่แผนการของพระเจ้าสำหรับคนที่ได้รับความรอด คือคริสตจักร เมื่อเปโตรได้สารภาพความเชื่อของตนว่า พระองค์ทรงเป็นพระคริสต์และพระบุตรของพระเจ้าผู้ทรงพระชนม์อยู่ พระเยซูตรัสว่า บนศิลานี้ เราจะสร้างคริสตจักรของเราไว้ ดังนั้น คริสตจักรเป็นชุมชนที่มีชีวิต ซึ่งพระเยซูได้ทรงสร้างเพื่อคริสเตียนที่ได้รับความรอด ฉะนั้นเราจำเป็นต้องร่วมมือร่วมใจสร้างและดูแลรักษาคริสตจักรของเราให้เข้มแข็ง
คริสตจักรไหนเป็นคริสตจักรที่เข้มแข็ง คนมักจะพูดกันว่า คริสตจักรนี้ดี คริสตจักรโน้นเป็นเช่นนั้น คริสตจักรต้องเป็นอย่างนั้น แต่ส่วนใหญ่คิดและพูดโดยเอาตัวเองเป็นศูนย์กลาง เพื่อจะสร้างคริสตจักรให้เข้มแข็ง เราจำเป็นต้องมองคริสตจักรด้วยมุมมองของพระคัมภีร์ ไม่ใช่ด้วยมุมมองของตัวเราเอง ฉะนั้น คริสตจักรที่เข้มแข็งเป็นคริสตจักรตามแนวพระคัมภีร์ พระคัมภีร์ใช้คำเปรียบเทียบหลายอย่างเพื่อจะอธิบายถึงคริสตจักร พระวจนะของพระเจ้าสำหรับวันนี้ เอาคริสตจักรมาเปรียบเทียบกับร่างกาย ร่างกายของเรากับคริสตจักรมีความคล้ายคลึงกันหลายอย่าง ถ้าเรารู้ว่า คริสตจักรที่เข้มแข็งเป็นอย่างไร เราก็สร้างคริสตจักรให้เข้มแข็งได้
1. คริสจักรที่สมาชิกต่างทำหน้าที่ของตนอย่างเต็มที่เป็นคริสตจักรที่เข้มแข็ง
ร่างกายที่อวัยวะแต่ละส่วนทำหน้าที่ของตนเป็นร่างกายที่เข้มแข็ง ในข้อ 12 บอกว่า มีกายเดียว แต่มีอวัยวะหลายส่วน ข้อ 14 ก็บอกว่า ร่างกายมิได้ประกอบด้วยอวัยวะเดียว และข้อ 18 ก็บอกว่า พระเจ้าได้ทรงตั้งอวัยวะไว้ในร่างกายตามชอบพระทัยของพระองค์ พระเจ้าได้ทรงสร้างอวัยวะที่มองเห็นด้วยตาของเรา เช่น มือ เท้า ปาก ตา หู จมูก เป็นต้น และที่มองไม่เห็นด้วย เช่น หัวใจ ตับ กระเพาะ ปอด ไต เป็นต้น อวัยวะแต่ละส่วนมีรูปลักษณะและหน้าที่แตกต่างกัน ต่างก็มีหน้าที่เฉพาะ ข้อ 15 พูดถึงเท้ากับมือ เท้ามีหน้าที่ของมันและมือก็มีหน้าที่ของมันเช่นกัน เท้าจะแทนมือไม่ได้ และมือจะแทนเท้าก็ไม่ได้ด้วย ข้อ 16 พูดถึงหูกับตา หูมีหน้าที่ของหู และตาก็มีหน้าที่ของตา หูจะแทนตาไม่ได้ และตาจะแทนหูก็ไม่ได้เช่นกัน ดังนั้น ข้อ 17 บอกว่า ถ้าอวัยวะทั้งหมดในร่างกายเป็นตา การได้ยินจะอยู่ที่ไหน ถ้าทั้งร่างกายเป็นหู การดมกลิ่นจะอยู่ที่ไหน ฉะนั้น เมื่ออวัยวะแต่ละส่วนมีหน้าที่ทำให้ ร่างกายนั้นแข็งแรง ถ้าแม้อวัยวะส่วนเดียวไม่ได้ทำหน้าที่ของมัน ร่างกายนั้นไม่แข็งแรง
เมื่อช่วยที่ข้าพเจ้าเกิด ในช่วงนั้น ร่างกายของข้าพเจ้าอ่อนแอมาก แต่ในขณะที่เจริญเติบโตขึ้น ก็แข็งแรงมากขึ้น ข้าพเจ้าจำได้ว่าไปหาหมอครั้งแรก เมื่อเป็นนักเรียนชั้นมัธยมตอนปลาย นอกจากแล้วจำไม่ได้ว่า ไปพบหมอเมื่อไร เมื่อข้าพเจ้าเข้ามาเมืองไทยเป็นครั้งแรก สุขภาพก็ดีแข็งแรง แต่เมื่อประมาณ 2 ปีกับ 6 เดือนผ่านไป รู้สึกร่างกายของข้าพเจ้าผิดปกติ ในช่วงนั้นก็มีโอกาสกลับไปเยี่ยมเกาหลีเป็นครั้งแรก อาจารย์รุ่นพี่บังคับให้ไปหาหมอ หมอตรวจแล้วบอกว่า เป็นโรคเบาหวานระยะแรก เท่าที่เราทราบ โรคเบาหวาน คือ อาการที่มีน้ำตาลในเส้นเลือดสูงกว่าปกติ เนื่องจากว่า ตับอ่อนไม่ได้สร้างอินซูลิน ซึ่งเป็นฮอร์โมนที่ควบคุมน้ำตาลในเลือด ตับอ่อน ซึ่งเป็นอวัยวะที่มองไม่เห็นไม่ได้ทำหน้าที่ของมัน ทำให้คนเข้มแข็งก็กลายเป็นโรคเบาหวานได้
เช่นเดียวกัน เราต่างคนต่างเป็นอวัยวะต่างๆ ของคริสตจักร ซึ่งเป็นพระกายของพระคริสต์ เราทุกคนไม่เหมือนกัน รูปร่างภายนอกและบุคลิกลักษณะ เบื้องหลังและรูปแบบความเชื่อก็อาจไม่เหมือนกัน ยิ่งกว่านั้น พระเจ้าทรงประทานหน้าที่และของประทานที่แตกต่างกัน เพื่อให้เราสร้างคริสตจักรของพระองค์ให้เข้มแข็ง ใน 1โครินธ์ บทที่ 12 นี้ เปาโลกำลังพูดถึงของประทานฝ่ายวิญญาณ ไม่มีใครที่ไม่สำคัญ ทุกคนสำคัญเหมือนกัน ดังนั้น ไม่จำเป็นและไม่ควรเปรียบเทียบกับคนอื่น เราต่างคนต่างปรนนิบัติรับใช้พระเจ้าในคริสตจักรตามหน้าที่และตามของประทาน ด้วยความสมัครใจและด้วยการเชื่อฟังพระเจ้า เพราะว่า เราได้รับงานนั้นจากพระเจ้าแล้ว เราปรนนิบัติรับใช้พระเจ้าในคริสตจักร ไม่ใช่เพราะเห็นแก่คนหนึ่งคนใด หรือเพื่อคนหนึ่งคนใด แต่เพื่อจะเป็นที่ถวายพระเกียรติแก่พระเจ้า ไม่ใช่ด้วยปากเท่านั้น แต่ด้วยการกระทำและความจริง
เมื่อคริสตจักรเพิ่มจำนวนสมาชิกมากขึ้น ปัญหาก็ตามมาด้วย คือผู้ชมเพิ่มขึ้นและผู้ปรนนิบัติลดลง หาคนที่อุทิศถวายและทุ่มเทชีวิตเพื่อพระเยซูยากจริงๆ ถ้าคริสตจักรใดมีผู้ชมจำนวนมากขึ้น เข้มแข็งไม่ได้ ถ้าเราทุกคนอยากให้คริสตจักรของเราเข้มแข็ง เราทุกคนต้องทำงานอย่างจริงจัง ถ้าจะหุงข้าว ต้องใส่ข้าวในหม้อหุงข้าว คงเป็นไปไม่ได้เมื่อยังไม่ได้ใส่ข้าว แต่จุดไฟด้วยคิดว่าจะหุงข้าว
สุขภาพและการเติบโตของคริสตจักรขึ้นอยู่กับการปรนนิบัติรับใช้พระเจ้าของเราแต่ละคนตามหน้าที่และของประทาน คริสตจักรที่ประกอบด้วยสมาชิกที่ทำเช่นนี้เป็นคริสตจักรที่เข้มแข็ง
2. คริสตจักรที่สมาชิกทุกคนดูแลซึ่งกันและกันเป็นคริสตจักรที่เข้มแข็ง
อวัยวะส่วนต่างๆ ในร่างกายไม่ได้ทำหน้าที่ของตนเท่านั้น แต่ช่วยเหลืออวัยวะอื่นๆ ด้วย ถึงแม้ทำหน้าที่ของตนอย่างดีมากก็จริง แต่อวัยวะส่วนเดียวจะเป็นร่างกายที่สมบูรณ์ไม่ได้ อวัยวะแต่ละส่วนต้องการอวัยวะอื่นๆ ด้วย ในข้อที่ 21 บอกว่า ตาจะว่าแก่มือว่า ข้าพเจ้าไม่ต้องการเจ้า ก็ไม่ได้ หรือศีรษะจะว่าแก่เท้าว่า ข้าพเจ้าไม่ต้องการเจ้า ก็ไม่ได้ การที่อวดตัว และดูถูกดูหมิ่นเป็นที่โง่เขลา
เช่นเดียวกัน คริสตจักรที่มีสมาชิกทุกคนดูแลซึ่งกันและกันและรู้สึกต้องการคนอื่น เป็นคริสตจักรที่เข้มแข็ง เราไม่ต้องการเขาเพราะเขาคิดไม่เหมือนเราก็หาไม่ได้ คำที่พระคัมภีร์ใหม่ใช้บ่อยๆ คือ ร่วมกัน ซึ่งกันและกัน กับ
ในข้อ 26 เปาโลกล่าวไว้ว่า ถ้าอวัยวะอันหนึ่งเจ็บ อวัยวะทั้งหมดก็พลอยเจ็บด้วย ถ้าอวัยวะอันหนึ่งได้รับเกียรติ อวัยวะทั้งหมดก็พลอยชื่นชมยินดีด้วย นี่เป็นคำหนุนใจให้เป็นชุมชนที่ร่วมทุกข์ร่วมสุข คริสตจักรที่สร้างซึ่งกันและกัน เห็นใจซึ่งกันและกัน รักซึ่งกันและกัน ให้กำลังใจซึ่งกันและกัน หนุนใจซึ่งกันและกัน และร่วมทุกข์ร่วมสุขซึ่งกันและกัน นั่นแหละเป็นคริสตจักรที่เข้มแข็ง
ข้าพเจ้าเคยสำรวจคริสตจักร 5 แห่งในกรุงเทพฯ และถามว่า ถ้ามีคนเชื่อใหม่ในคริสตจักรของท่าน ใครจะดูแลคนเหล่านั้น 2 คริสตจักรตอบว่า ศิษยาภิบาล 1 คริสตจักรตอบว่า ศิษยาภิบาลกับแผนกต้อนรับ (หรือแผนกผู้เชื่อใหม่) และอีก 2 คริสตจักรตอบว่า สมาชิกกลุ่มเซลล์ดูแลเหมือนครอบครัว แน่นอน ศิษยาภิบาลได้พบและให้คำปรึกษา แผนกผู้เชื่อใหม่ได้ต้อนรับ แต่ที่คริสตจักรเข้มแข็งนั้น สมาชิกกลุ่มเซลล์ดูแลเหมือนครอบครัว ใน 2 คริสตจักรที่ตอบว่าสมาชิกกลุ่มเซลล์ดูแลนั้น คริสตจักรแห่งหนึ่งบอกว่า ถ้ามีคนเชื่อใหม่ คนหนึ่งคนใดจากสมาชิกกลุ่มเซลล์ได้โทรศัพท์ หรือไปเยี่ยมที่บ้านภายใน 24 ชั่วโมง และเชิญผู้เชื่อใหม่ไปเข้าร่วมกลุ่มเซลล์ในครั้งต่อไป
ถามอีกเรื่องหนึ่งว่า ถ้าสมาชิกคนรวยคนหนึ่งของคริสตจักรไม่สบายเข้ารักษาที่โรงพยาบาล ใครจะไปเยี่ยมและช่วยดูแลเขา แน่นอน ศิษยาภิบาล หรือผู้ช่วยศิษยาภิบาลไปเยี่ยมและอธิษฐานเผื่อ แต่สภาพของคริสตจักรที่เข้มแข็ง คือผู้นำกลุ่มเซลล์และสมาชิกปรนนิบัติเคียงข้างคนที่ไม่สบายและเล้าโลมใจของครอบครัว ใช่แล้ว สภาพที่แท้จริงของคริสตจักรที่เข้มแข็งนั้น ไม่ได้ให้ศิษยาภิบาล หรือคนบางคนทำ แต่พี่น้องสมาชิกปรนนิบัติและดูแลคนอื่นในฐานะเป็นอวัยวะ
3. คริสตจักรที่เข้มแข็ง คือคริสตจักรที่เป็นกายเดียวของพระเยซูผู้ทรงเป็นศีรษะ
ข้อ 27 บอกว่า ฝ่ายท่านทั้งหลายเป็นกายของพระคริสต์และต่างก็เป็นอวัยวะของพระกายนั้น คริสตจักรเป็นพระกายของพระคริสต์และพระองค์ทรงเป็นศีรษะของคริสตจักร เมื่อเราแต่ละคน ซึ่งเป็นอวัยวะของพระกายนั้นร่วมตัวกัน เป็นกายเดียวกัน คริสตจักรจะถูกสร้างเป็นคริสตจักรที่เข้มแข็งได้
มีทางเดียวที่เราแต่ละคนทำหน้าที่ของเรา ช่วยดูแลซึ่งกันและกัน และเข้าร่วมเป็นกายเดียวกันได้ คือ ในพระเยซูผู้ทรงเป็นศีรษะของคริสตจักรเท่านั้น เพราะว่า คริสตจักรเป็นชุมชนแห่งความเชื่อที่พระเยซูทรงตั้งไว้ ไม่ใช่เป็นองค์การที่มนุษย์ก่อขึ้น ถ้าแยกจากพระเยซูไปแล้ว ไม่มีอะไรที่เราทำได้ เราจะเติบโตขึ้นได้ในพระเยซู เราจะติดต่อสนิทและประสานกัน ช่วยเหลือซึ่งกันและกันได้ในพระเยซู นี่เป็นภาพของคริสตจักรที่เข้มแข็ง
ความจริงในพระคัมภีร์ที่เกี่ยวข้องกับคริสตจักรนั้นชัดเจนมาก และไม่ยุ่งยาก พระเยซูทรงเป็นศีรษะของคริสตจักร คริสตจักรเป็นพระกายของพระองค์ และเราต่างก็เป็นอวัยวะที่ติดต่อสนิทกับพระกายนั้น เพราะฉะนั้น หน้าที่ของเราทุกคน คือสร้างคริสตจักรให้เข้มแข็ง เปาโลได้ท้าทายคริสตจักรเอเฟซัสว่า เหตุฉะนั้น ท่านจึงไม่ใช่คนต่างด้าวต่างแดนอีกต่อไป แต่ว่าเป็นพลเมืองเดียวกันกับธรรมิกชน และเป็นครอบครัวของพระเจ้า (อฟ.2.19)
เราทุกคนเป็นลูกของพระเจ้า พระองค์ทรงเรียกเราทุกคนมาเพื่อให้สร้างคริสตจักรให้เข้มแข็ง เราไม่ใช่เป็นแขกแปลกหน้า หรือผู้ชมอีกต่อไป เพราะเราคนเดียว คริสตจักรของเราจะเป็นคริสตจักรที่เข้มแข็งได้ ขอให้เราปรนนิบัติพระเจ้าโดยการสร้างคริสตจักรของเราให้เข้มแข็ง ขอพระเจ้าอวยพระพรพี่น้องทุกท่านล
*************************