ลูกา 10.17-20
โดย ศจ. ซังวอน อิม (แปลโดย ศจ.ดร. จุงซิก คิม)
พระวจนะของพระเจ้าสำหรับวันนี้เป็นพระคำที่พระเยซูทรงตรัสกับสาวกของพระองค์ หลังจากที่พระเยซูได้ทรงใช้สาวกให้ออกไปประกาศตามที่เขียนไว้ในลูกา10.1-3 ที่ว่า พระเยซูทรงตั้งสาวกอื่นอีกเจ็ดสิบคนไว้ และใช้เขาออกไปทีละสองคนๆ ให้ล่วงพระองค์ไปก่อน สาวกเจ็ดสิบคนได้กลับมารายงานให้พระองค์ทรงฟังแล้ว
1. ความสนใจของผู้ประกาศ (เรา)
ในข้อ 17 ได้บันทึกไว้ว่า พวกผู้ประกาศได้กลับมาด้วยความชื่นชมยินดีทูลว่า พระองค์เจ้าข้า ถึงผีทั้งหลายก็ได้อยู่ใต้บังคับของพวกข้าพระองค์โดยพระนามของพระองค์ สาวกทั้งหลายคงดีใจมากใช่ไหม เพราะว่าเมื่อพวกเขาได้สั่งผีในพระนามของพระเยซูที่พวกเขาเองได้ติดตามอยู่ แล้วฤทธิ์เดชได้ปรากฎขึ้นทำให้พวกผีก็เชื่อฟัง
ในข้อ 19 ได้กล่าวไว้ว่า ดูเถิดเราได้ให้พวกท่านมีอำนาจเหยียบงูร้ายและแมงป่อง และมีอำนาจใหญ่ยิ่งกว่ากำลังศัตรู ไม่มีสิ่งหนึ่งสิ่งใดจะทำอันตรายแก่ท่านได้เลย เมื่อพระเยซูทรงใช้พวกผู้ประกาศไป พระองค์ได้ทรงประทานฤทธิ์เดชและอำนาจที่ใหญ่ยิ่งกว่ากำลังศัตรูแล้ว พวกเขาได้ประกาศการเชื่อฟังของผีร้ายด้วยฤทธิ์เดชและอำนาจที่พระองค์ได้ทรงประทานเพื่อให้ประกาศข่าวประเสริฐ แต่พวกผู้ประกาศได้สนใจในฤทธิ์เดชของพระเยซูที่ได้ปรากฏผ่านทางพวกเขาเอง พวกเขาสนใจในเรื่องที่พวกเขาขับไล่ผีให้ออกมากกว่าการที่ข่าวประเสริฐได้ประกาศออกไป พวกสาวกมีความชื่นชมยินดีที่เอาตัวเองเป็นศูนย์กลาง ซึ่งได้ชื่นใจในความสำเร็จบางสิ่งบางอย่าง
ทุกวันนี้ เราก็สนใจมากที่ว่า ฤทธิ์อำนาจมีมากหรือน้อย และไม่รู้ว่า อะไรเป็นสิ่งที่น่าชื่นชมยินดีอย่างแท้จริง
2. ความสนพระทัยของพระเยซู
แต่ในข้อ 20 พระเยซูตรัสว่า แต่ว่าอย่าเปรมปรีดิ์ในสิ่งนี้ คือที่พวกผีอยู่ใต้บังคับของพวกท่าน แต่จงเปรมปรีดิ์ เพราะชื่อของท่านจดไว้ในสวรรค์ การที่บอกว่า ชื่อได้จดไว้ในสวรรค์นั้น หมายความว่า จิตวิญญาณได้รับความรอดแล้ว พระเยซูสนพระทัยในความรอดของจิตวิญญาณ พระองค์ทรงตรัสไม่ให้เราสนใจในฤทธิ์เดช หรืออำนาจที่ได้ทรงประทานแก่เรา แต่ให้เราสนใจในจิตวิญญาณ หมายความว่า การที่ฤทธิ์อำนาจปรากฎนั้นไม่ใช่เป็นสิ่งที่น่าชื่นชม แต่สิ่งที่น่าชื่นชมก็คือ การที่จิตวิญญาณได้รับความรอด ณ บัดนี้ เราทุกคนคงรู้ดีว่า อะไรเป็นสิ่งที่น่าชื่นชมยินดีอย่างแท้จริง ก่อนอื่น ขอให้เราชื่นชมยินดีที่จิตวิญญาณของเราได้รับความรอดแล้ว วันอาทิตย์หน้าเป็นวันคริสต์มาส เป็นวันแห่งความชื่นชมยินดีที่พระเยซูได้ทรงบังเกิดมาในโลก ทำไมชื่นชมยินดีในวันคริสต์มาสที่พระเยซูทรงบังเกิด วันคริสต์มาสเป็นวันที่ชื่นชมยินดี เพราะพระเยซูได้ทรงเสด็จมาเพื่อจะช่วยให้จิตวิญญาณของเรารอด ลูกา 19.10 ได้กล่าวว่า เพราะว่าบุตรมนุษย์ได้มาเพื่อจะเที่ยวหาและช่วยผู้ที่หลงหายไปนั้นให้รอด พระเยซูได้ทรงเสด็จมาเพื่อจะช่วยเราให้รอด ถึงอย่างไรก็ตาม จิตวิญญาณของเราจะรอดได้ก็ต่อเมื่อได้ยินและเชื่อ
โรม 10.13-15 ได้กล่าวว่า เพราะว่า ผู้ที่ร้องออกพระนามขององค์พระผู้เป็นเจ้าจะรอด แต่ผู้ที่ยังไม่เชื่อในพระองค์ จะทูลขอต่อพระองค์อย่างไรได้ และผู้ที่ยังไม่ได้ยินถึงพระองค์ จะเชื่อในพระองค์อย่างไรได้ และเมื่อไม่มีผู้ใดประกาศให้เขาฟัง เขาจะได้ยินถึงพระองค์อย่างไรได้ และถ้าไม่มีใครใช้เขาไป เขาจะไปประกาศอย่างไรได้ ตามที่มีคำเขียนไว้ในพระคัมภีร์ว่า เท้าของคนเหล่านั้นที่นำข่าวดีมา ช่างงามจริงๆ หนอ
3. หน้าที่ของธรรมิกชน
เราควรจะทำอย่างไรกับข่าวดีที่พระเยซูได้ทรงเสด็จมาในโลกเพื่อจะช่วยเราให้รอด การที่เราสนใจในเรื่องอะไรนั้นก็เหมือนกับการที่เราทำอะไร คนที่สนใจในเงินทอง มักจะแสวงหาสิ่งต่างๆ ที่เก็บเงินได้ คนที่สนใจในความสนุกสนาน ก็มักจะไปเที่ยว เป็นเรื่องธรรมดาที่มนุษย์เรามักจะทำสิ่งที่เราสนใจ เมื่อเราสนใจในเรื่องใดเรื่องหนึ่ง สายตาของเรามองอะไรไม่เห็นนอกจากสิ่งที่เขาสนใจ สิ่งที่ธรรมิกชนควรสนใจ คือสิ่งที่เกี่ยวข้องกับความรอดของวิญญาณ ด้วยความสนใจเช่นนี้ เรารับใช้และปรนนิบัติในคริสตจักร พี่น้องได้จัดเตรียมอาหารมื้อเที่ยงและปรนนิบัติในเรื่องอื่นๆ ด้วยความสนใจอะไร คนที่ชื่นชมยินดีกับจิตวิญญาณที่ได้รับความรอด และจัดสรรอาหารมื้อเที่ยงเพื่อคนเหล่านั้น คือคนที่ชื่นชมยินดีเพราะชื่อของเขาได้จดไว้ในสวรรค์
ความเชื่อที่เติบโตเป็นผู้ใหญ่เป็นความเชื่อที่สนใจในจิตวิญญาณของคนมากมายในโลกนี้ และประกาศข่าวประเสริฐ เพื่อจะช่วยคนเหล่านั้นให้รอด เปาโลได้บอกไว้ใน 1 ทิโมธี 1.12 ว่า พระเยซูคริสต์ ... ผู้ทรงชูกำลังข้าพเจ้า ด้วยว่าพระองค์ทรงพระกรุณาถือว่าข้าพเจ้าเป็นคนสัตย์ซื่อ จึงทรงตั้งข้าพเจ้าให้ปฎิบัติพระราชกิจของพระองค์ อะไรเป็นหน้าที่ที่พระคริสต์ทรงมอบให้แก่เรา ภาระหน้าที่ของเราแต่ละคนไม่เหมือนกัน แต่ธรรมิกชนเราทุกคนได้รับการทรงเรียกให้เป็นพยานของข่าวประเสริฐ มาระโก 16.15 บอกว่า เจ้าทั้งหลายจงออกไปทั่วโลก ประกาศข่าวประเสริฐแก่มนุษย์ทุกคน ภาระหน้าที่ที่จะเป็นพยานที่ประกาศข่าวประเสริฐนั้น ข้าพเจ้าและพี่น้องทั้งหลายไม่ต่างกัน พระเยซูทรงประทานฤทธิ์อำนาจให้เราประกาศข่าวประเสริฐได้ การที่พระองค์ทรงประทานพระวิญญาณบริสุทธิ์แก่ธรรมิกชนนั้น ก็เพื่อให้ประกาศข่าวประเสริฐ กิจการ 1.8 กล่าวว่า แต่ท่านทั้งหลายจะได้รับพระราชทานฤทธิ์เดช เมื่อพระวิญญาณบริสุทธิ์จะเสด็จมาเหนือท่าน และท่านทั้งหลายจะเป็นพยานฝ่ายเราในกรุงเยรูซาเล็ม ทั่วแคว้นยูเดีย แคว้นสะมาเรียและจนถึงที่สุดปลายแผ่นดินโลก
กิจการ 4.31 ก็กล่าวว่า เมื่อเขาอธิษฐานแล้ว ที่ซึ่งเขาประชุมอยู่นั้นได้หวั่นไหว และคนเหล่านั้นประกอบด้วยพระวิญญาณบริสุทธิ์ ได้กล่าวพระวจนะของพระเจ้าด้วยใจกล้าหาญ
กิจการ 5.31-32 ... เพื่อจะให้ชนอิสราเอลกลับใจใหม่ แล้วจะทรงโปรดยกความบาปผิดของเขา เราทั้งหลายจึงเป็นพยานถึงเรื่องเหล่านี้ และพระวิญญาณบริสุทธิ์ ซึ่งพระเจ้าได้ทรงประทานให้แก่ทุกคนที่เชื่อฟังพระองค์นั้น ก็เป็นพยานด้วย
ยอห์น 20.21 ... เราก็ใช้ท่านทั้งหลายไปฉันนั้น ... ตรัสกับเขาว่า จงรับพระวิญญาณบริสุทธิ์ อยากจะมีชีวิตที่ประกอบด้วยพระวิญญาณบริสุทธิ์ไหม อยากจะมีชีวิตที่เต็มไปด้วยฤทธิ์อำนาจไหม จงประกาศข่าวประเสริฐ จงอธิษฐานเผื่อจิตวิญญาณของคนที่ควรได้รับความรอด หัวข้อที่เปาโลฝากให้คริสตจักรปฎิบัติส่วนใหญ่คือให้อธิษฐานเพื่อการประกาศข่าวประเสริฐ
เมื่อคริสตจักรอธิษฐานด้วยความสนใจในพันธกิจโลก และสนับสนุนมิชชันนารีโดยการถวายทรัพย์เพื่อพันธกิจโลกนั้นเป็นสัญลักษณ์แห่งการฟื้นฟูของคริสตจักร และเป็นจุดเริ่มต้นที่คริสตจักรได้รับการเพิ่มพูน
ขอให้ข้าพเจ้าและพี่น้องทั้งหลายเป็นผู้ที่ทำหน้าที่ของธรรมิกชนอย่างเต็มที่โดยสนใจในจิตวิญญาณที่หลงหายไป และประกาศข่าวประเสริฐเพื่อให้เขารอด ขอพระเจ้าทรงอวยพระพรพี่น้องทุกท่าน
*************************