ความเชื่อที่มุ่งไปข้างหน้า
ฟีลิปปี 3.12-16
27 พฤศจิกายน 2005
ตั้งแต่วันนี้จนถึงวันที่ 5 ธันวาคม มีการแข่งขันกีฬาซีเกมส์ครั้งที่ 23 ที่ประเทศฟิลิปปินส์เป็นเจ้าภาพ 11 ประเทศเข้าร่วมการแข่งขัน เพื่อจะชิงเหรียญรางวัลให้มากเท่าที่จะทำได้ ในพระคัมภีร์ได้เปรียบเทียบชีวิตคริสเตียนกับการแข่งขันกีฬาไว้เช่นกัน คริสเตียนเราเป็นผู้ที่กำลังแข่งขันกีฬาแห่งความเชื่อ เป็นเรื่องที่สำคัญว่านักกีฬาควรจะแข่งขันกีฬาด้วยท่าทีอย่างไร และในฐานะที่เป็นคริสเตียน เราควรดำเนินชีวิตอย่างไร เป็นเรื่องสำคัญเช่นกัน
เป็นที่น่าสังเกตว่า ก่อนที่เปาโลจะพบพระเยซู เขาแสวงหาความชอบธรรมโดยกระทำตามธรรมบัญญัติ แต่เมื่อพบพระเยซูคริสต์แล้ว เปาโลได้ค้นพบสิ่งมีค่าในพระเยซูคริสต์ ฉะนั้นเปาโลจึงละทิ้งทุกอย่างที่เหมือนหยากเยื่อและต้องการจะรู้จักพระเยซูคริสต์มากยิ่งขึ้น ความปรารถนาของเปาโลเช่นนี้ได้ถูกกล่าวไว้อย่างชัดเจนในพระคัมภีร์ตอนนี้ ซึ่งได้เปรียบเทียบกับนักกีฬาที่กำลังทำการแข่งขัน นี้เป็นภาพของคริสเตียนที่เป็นผู้ใหญ่ คริสเตียนที่เป็นผู้ใหญ่นั้นควรดำเนินชีวิตโดยมุ่งไปข้างหน้าเหมือนนักกีฬา ถ้าเช่นนั้น เราควรทำอย่างไร
1. เราไม่ควรพอใจกับสิ่งที่ตนคิดว่าสำเร็จแล้ว (3.12-13ก)
ก. เปาโลไม่พอใจกับสภาพปัจจุบัน ถึงแม้ว่า เปาโลละทิ้งทุกอย่างและดำเนินชีวิตด้วยความตั้งใจที่จะแสวงหาพระคริสต์เท่านั้น ท่านไม่ได้คิดว่าสำเร็จแล้ว แต่ท่านได้พยายามอย่างต่อเนื่องเพื่อจะทำลายสถิติเก่าและสร้างสถิติใหม่อยู่บ่อยครั้ง ท่านได้กล่าวไว้ว่า มิใช่ว่าข้าพเจ้าได้แล้ว หรือสำเร็จแล้ว แต่ข้าพเจ้ากำลังบากบั่นมุ่งไป ... ดูก่อนพี่น้องทั้งหลาย ข้าพเจ้าไม่ถือว่า ข้าพเจ้าได้ฉวยไว้ได้แล้ว... แสดงให้เห็นชัดเจนว่า เปาโลเป็นผู้ที่รู้ตัวเองตามความเป็นจริง ท่านไม่ได้อวดตัวเองและไม่ได้ท้อถอย ไม่เหมือนคริสเตียนบางคนที่อวดตัวหรือท้อถอย
ข. เราก็ไม่ควรพอใจกับสภาพปัจจุบันของเราเองหรือไม่ควรดำเนินชีวิตอย่างสบายๆ ในปัจจุบัน ถ้านักกีฬาพอใจและอยู่อย่างสบายกับสถิติปัจจุบันของเขา คงไม่มีโอกาสที่จะก้าวหน้าไปได้ นักกีฬาทุกคนมีนิมิตหรือความปรารถนาดี และมักจะมีวินัยในตัวเองและฝึกตนเองอย่างต่อเนื่องโดยไม่หยุด การแข่งขันแห่งความเชื่อของเราก็เช่นเดียวกัน เราไม่ควรพอใจกับสภาพหรือระดับฝ่ายวิญญาณในปัจจุบันของเรา เราจำเป็นต้องเติบโตขึ้นในพระเยซูคริสต์เรื่อยๆ เมื่อเราอวดตัวว่าสำเร็จแล้ว หรืออยู่อย่างสบายๆ กับสภาพปัจจุบัน คงไม่มีความเจริญก้าวหน้า มีแต่การถอยหลังฝ่ายวิญญาณเท่านั้น คริสตจักรเลาดีเซียเป็นตัวอย่างที่ดีในเรื่องนี้ คริสตจักรเลาดีเซียพอใจกับสภาพตัวเองในเวลานั้น เพราะไม่รู้ตัวเองตามความเป็นจริง โดยพูดว่า เราเป็นคนมั่งมี ได้ทรัพย์สมบัติมาก และเราไม่ต้องการสิ่งใดเลย (วว.3.17) แต่สภาพความเป็นจริงของคริสตจักรเลาดีเซียนั้นเป็นอย่างไร พระคัมภีร์ได้บอกว่า เจ้าไม่รู้ว่า เจ้าเป็นคนแร้นแค้นเข็ญใจ เป็นคนขัดสน เป็นคนตาบอดเปลือยกายอยู่ ใครเป็นคนอวดตัว ไม่ใช่คนอื่น แต่เป็นคนที่ถือว่าตัวเองสำเร็จแล้ว ทั้งๆ ที่เขายังไม่สำเร็จ ถ้าเราคิดว่า พอดีแล้วที่ฉันเป็นอย่างนี้ เมื่อไร ตั้งแต่นั้นมาเราจะเริ่มถอยหลังลงเรื่อยๆ
2. เราจำเป็นต้องบากบั่นมุ่งไปข้างหน้าเท่านั้น (3.13ข-16)
เพื่อจะบากปั่นมุ่งไปข้างหน้า เราควรจะทำอย่างไร
ก. เราต้องลืมสิ่งที่ผ่านพ้นมาแล้ว
เพื่อมุ่งไปข้างหน้า เราควรตัดอดีตเสีย ก่อนอื่นเราควรลืมความล้มเหลวในอดีตและสิ่งที่ทำให้จิตใจของเราชอกช้ำ ถ้าเรายังติดกับความล้มเหลวในอดีตเราคงจะผิดหวังอีก เปาโลเป็นคนที่ทำผิดมากมายในอดีต ได้ข่มเหงคริสตจักร ซึ่งเป็นพระกายของพระเยซู และได้จับกุมตัวคริสเตียนทั้งในกรุงเยรูซาเล็มและในเมืองดามัสกัส แล้วให้เขาติดคุกบ้าง ถูกประหารชีวิตบ้าง แน่นอนทีเดียว เปาโลสำนึกผิดและชอกช้ำใจเพราะเรื่องนี้ แต่ไม่ได้ยึดติดสิ่งเหล่านี้ โดยกล่าวว่า แต่ข้าพเจ้าทำอย่างหนึ่ง คือ ลืมสิ่งที่ผ่านพ้นมาแล้วเสีย (13 ข)
ไม่เพียงแต่ความล้มเหลวในอดีตเท่านั้น เราควรลืมสิ่งดีที่เราทำและสำเร็จในอดีตด้วย มิฉะนั้น เรามักจะอวดตัวเอง กาลเวลาที่สำคัญสำหรับคริสเตียนเรา ไม่ใช่อดีต แต่เป็นปัจจุบันและอนาคต เพราะว่าอดีตเป็นเวลาที่ผ่านไปแล้ว ไม่มีทางจะกลับมาอีก การที่เราทำผิดในอดีตเป็นเรื่องที่น่าอาย แต่ถ้าเรายังทำผิดซ้ำในเรื่องเดียวกันทั้งในปัจจุบันและในอนาคตด้วย ก็เป็นเรื่องที่น่าอายยิ่งกว่ามาก ถ้าเรายึดติดกับอดีต เราไม่สามารถจะแข่งขันกีฬาแห่งความเชื่อได้ เช่น เดียวกับคนอิสราเอล หลังจากที่ออกมาจากประเทศอียิปต์ พวกเขายังคิดถึงอียิปต์ ไม่สามารถละทิ้งวิถีชีวิตที่อยู่ในอียิปต์ได้ และบ่นว่าพระเจ้า ทำให้เขาต้องเดินทางในถิ่นทุรกันดารเป็นเวลา 40 ปี ดังนั้น พระคัมภีร์ได้กล่าวไว้ว่า ขอให้เราละทิ้งทุกอย่างที่ถ่วงอยู่และบาปที่เกาะแน่น... (ฮีบรู 12.1) ดังนั้น เราควรลืมอดีตและมุ่งความสนใจของเราไว้ในปัจจุบันและอนาคต เปาโลมีท่าทีเช่นนั้น บอกว่า โน้มตัวออกไปหาสิ่งที่อยู่ข้างหน้า (13 ค)
ข. เราควรบากปั่นมุ่งไปสู่หลักชัย (14 ก)
เมื่อเป็นนักกีฬา เฉพาะอย่างยิ่งนักวิ่งจะวิ่งอย่างเต็มที่ สายตาของเขาจะต้องจับจ้องที่หลักชัยเท่านั้น หลักชัยของการแข่งขันกีฬาแห่งความเชื่อของคริสเตียนคือ พระเยซูคริสต์ มิใช่ผู้หนึ่งผู้ใด ไม่ใช่วัตถุสิ่งของหรือสถานการณ์ ถ้าเราดำเนินชีวิตคริสเตียนโดยมองที่ผู้คนหรือสถานการณ์ที่เปลี่ยนไป ความเชื่อของเราก็เปลี่ยนไปตามนั้นเช่นกัน
ค. เราควรบากปั่นมุ่งไปสู่รางวัล (14 ข)
สำหรับนักกีฬาที่ประสบความสำเร็จ ได้ชนะก็ได้รับรางวัลแน่นอน ความคาดหวังที่จะได้รางวัลนั้นทำให้นักกีฬาอดทนและทำการแข่งขันได้ดีกว่า เปาโลกล่าวไว้ว่า เพื่อจะได้รับรางวัล ซึ่งในพระเยซูคริสต์ พระเจ้าได้ทรงเรียกจากเบื้องบนให้เราไปรับ เมื่อการแข่งขันกีฬาแห่งความเชื่อของเราสิ้นสุดลง องค์พระเป็นเจ้าจะทรงประทานรางวัลที่อัศจรรย์แก่เราตามความเหมาะสม พระคัมภีร์ท้าทายเราในวันนี้ว่า ท่านไม่รู้หรือว่า คนเหล่านั้นที่วิ่งแข่งกันก็วิ่งด้วยกันทุกคน แต่คนที่ได้รับรางวัลมีคนเดียว เหตุฉะนั้นจงวิ่งเพื่อชิงรางวัลให้ได้ (1คร.9.24)
เปาโลมั่นใจว่า จะได้รับรางวัล และหนุนใจคริสเตียนทุกคนให้มีความหวังที่จะได้รับรางวัลด้วยโดยการกล่าวว่า ข้าพเจ้าได้ต่อสู้อย่างเต็มกำลัง ข้าพเจ้าได้แข่งขันจนถึงที่สุด ข้าพเจ้าได้รักษาความเชื่อไว้แล้ว ต่อแต่นี้ไป มงกุฎแห่งความชอบธรรมก็จะเป็นของข้าพเจ้า ซึ่งองค์พระผู้เป็นเจ้าผู้พิพากษาอันชอบธรรมจะทรงประทานเป็นรางวัลแก่ข้าพเจ้าในวันนั้น และมิใช่แก่ข้าพเจ้าผู้เดียวเท่านั้น แต่จะทรงประทานแก่คนทั้งปวงที่ยินดีในการเสด็จมาของพระองค์ (2ทธ. 4.7-8)
3.
เราควรรักษาท่าทีดังที่กล่าวมาแล้ว (15-16)
การที่นักกีฬาส่วนใหญ่ไม่พอใจกับสถิติของตนในปัจจุบันและมุ่งไปข้างหน้าเพื่อจะทำลายสถิติปัจจุบันและสร้างสถิติใหม่ เป็นท่าทีที่คริสเตียนที่เติบโตเป็นผู้ใหญ่ควรยึดถือ พูดอีกนัยหนึ่ง มันไม่ใช่วิชาเลือก แต่เป็นวิชาบังคับ
การแข่งขันกีฬาแห่งความเชื่อนั้นเป็นการแข่งขันที่คริสเตียนทุกคนทำกันอยู่ บางคนแข่งขันเหมือนเด็กๆ ที่ยังไม่ค่อยเติบโต และบางคนแข่งขันเหมือนผู้ใหญ่ที่เติบโตขึ้น เปาโลบอกว่า เราซึ่งเป็นผู้ใหญ่แล้ว จึงคิดอย่างนั้น... คริสเตียนที่เป็นผู้ใหญ่นั้นคิดและทำตามที่กล่าวมาแล้ว ตั้งแต่ ข้อ12 ถึง 14 ไม่พอใจกับสภาพฝ่ายวิญญาณในปัจจุบัน ลืมอดีต และบากปั่นมุ่งไปสู่หลักชัยอย่างต่อเนื่องโดยมีความปรารถนาที่จะรับรางวัล แต่คริสเตียนที่ยังไม่เติบโตเท่าที่ควรไม่ได้แข่งขันด้วยท่าทีนี้ บางครั้งทำ บางครั้งไม่ทำ ไม่เสมอไป
คริสเตียนแต่ละคนมีสภาพของความเชื่อไม่เหมือนกัน แต่ควรมีท่าทีอย่างเดียวกันในการแข่งขันกีฬาแห่งความเชื่อ ตามที่พระคัมภีร์ได้สอนเราในวันนี้ เพราะว่าไม่มีคริสเตียนคนหนึ่งคนใดที่ได้เติบโตเป็นผู้ใหญ่เต็มที่ ไม่มีใครที่ได้ความสำเร็จ ไม่มีใครที่ไปถึงหลักชัย แต่เราทุกคนกำลังบากปั่นมุ่งไปสู่หลักชัย คือพระเยซูคริสต์ ดังนั้น เราทุกคนควรมีท่าทีอย่างเดียวกับเปาโล
เรื่องของเต่ากับกระต่ายมีความหมายสำหรับการแข่งขันแห่งความเชื่อของเรา ทำไมเต่าวิ่งแข่งกันกับกระต่าย จริงหรือที่เต่าวิ่งแข่งกันกับกระต่ายเพื่อจะชนะ ตามโครงร่าง เต่าจะชนะกระต่ายไม่ได้ อย่างไรก็ตาม เต่าได้วิ่งแข่งกันกับกระต่าย ไม่ใช่ในน้ำ แต่บนบก เต่าคงรู้ตัวเองอย่างดีข้อจำกัดของตน สำหรับเต่า ใครจะไปถึงจุดปลายทางนั้น ไม่สำคัญ เต่าคงไม่สนใจว่า ใครชนะ ใครแพ้ แต่กระบวนการวิ่งแข่งกันเป็นเรื่องสำคัญ ถึงแม้ว่า เดินช้า และมองกระต่ายไม่เห็น แต่ก็ไม่หยุดเดิน เมื่อเดินไปสักระยะหนึ่ง ก็เห็นกระต่ายนอนหลับพักผ่อนอยู่ ถึงกระนั้น เต่าคงไม่ได้คิดว่า ได้แล้ว หรือชนะกระต่ายแล้ว แต่เดินตามความเร็วของตนโดยไม่หยุด ขณะที่กำลังเดินอยู่ ก็เห็นจุดปลายทาง ก็ไม่ได้วิ่ง ยังเดินไปเรื่อยๆ จนถึงจุดปลายทาง
การแข่งขันกีฬาแห่งความเชื่อของเราในวันนี้เป็นอย่างไร เรายังพอใจกับสภาพฝ่ายวิญญาณในปัจจุบันและอยากอยู่อย่างสบายๆ ไม่อยากยุ่งยากอะไรเลย หรือลืมและฝังอดีตไว้แล้วบากปั่นมุ่งไปสู่หลักชัย คือ พระเยซูคริสต์และมุ่งไปสู่รางวัลที่พระองค์จะประทานให้ในวันข้างหน้า ผู้ที่ยิ้มในวินาทีสุดท้าย คนนั่นแหละเป็นผู้ชนะที่แท้จริง ขอพระเจ้าอวยพระพรพี่น้องทุกคน
******************************