ReadyPlanet.com
dot
dot
แจ้งเพื่อรับข่าวสารจากเรา

dot
dot
ทีรันนัสดอทคอม
dot
bulletสารจากผู้อำนวยการ
bulletประวัติทีรันนัส
bulletติดต่อเรา
bulletแผนที่
bulletสมุดเซ็นเยี่ยม
bulletข่าวสารจากทีรันนัส
dot
หนังสือแยกเป็นหมวดหมู่
dot
bulletหมวด คริสเตียนศึกษา
bulletหมวด การเทศนา
bulletหมวด อธิบายพระคัมภีร์
bulletหมวด คู่มือศึกษาพระคัมภีร์
bulletหมวด ชีวิตคริสเตียน
bulletหมวด เพิ่มพูนคริสตจักร
bulletหมวด การสร้างสาวก
bulletหมวด การประกาศ-มิชชั่น
dot
สำนักพิมพ์ ทีรันนัส
dot
bulletสมัครเป็นสมาชิก
bulletสมัครเป็นผู้แทนจำหน่าย
bulletหนังสือใหม่ล่าสุด
bulletหนังสือขายดีติดอันดับ
bulletหนังสือพิมพ์ซ้ำ
bulletวิธีสั่งซื้อสินค้าจากเรา
bulletศูนย์รับแจ้งสินค้ามีปัญหา
bulletแนะนำร้านหนังสือคริสเตียน
dot
Phon Phaiboon Church
dot
bulletคำเทศนาของศิษยาภิบาล
bulletข่าวสารจากคริสตจักร
dot
เว็บอื่นๆ
dot
bulletLink ลิ้งค์ไปเว็บคริสเตียน
bulletwww.thaichristians.net


องค์การ gpinternational
สหกิจคริสเตียนแห่งประเทศไทย
เว็บข่าวสารคริสเตียนไทย ทั่วฟ้าเมืองไทย ไม่แบ่งแยกคณะ บทความ  คำเทศนา  เรื่องสั้น  บทกลอน  แจกโฮมเพจเพื่อคริสตจักรในท้องถิ่น.... ฟังคำเทษนาออน์ไลน์  ลิ้งค์ไปเว็บต่างของคริสเตียนทั่วโลก   แหล่งซื้อขายของคริสเตียน  สิ่งดีๆที่คุณไม่ควรพลาดในเว็บไทยคริสเ
สมาคมพระคริสตธรรมไทย
คริสตจักรพรไพบูลย์


เทศนาเรื่อง นมัสการด้วยใจขอบพระคุณ article

เฉลยธรรมบัญญัติ 16.16-17

นมัสการด้วยใจขอบพระคุณ

วันนี้เป็นวันขอบพระคุณพระเจ้า เป็นวันที่ระลึกถึงพระคุณของพระเจ้าที่ทรงมีต่อชีวิตของเราภายในหนึ่งปีที่กำลังผ่านพ้นไป คริสเตียนคนที่ดำเนินชีวิตด้วยการขอบพระคุณมีความเชื่อเข้มแข็งกว่าคนที่ไม่ได้ขอบพระคุณ ไม่ใช่เรื่องเกี่ยวกับความเชื่อเท่านั้น แต่เรื่องเกี่ยวกับสุขภาพฝ่ายร่างกายก็เช่นเดียวกัน คนที่ขอบพระคุณเสมอก็มีสุขภาพที่ดีและแข็งแรงมากกว่าคนที่ไม่ได้ขอบพระคุณ เพราะเหตุนี้พระคัมภีร์ได้สั่งให้คริสเตียนทุกคนขอบพระคุณในทุกกรณี แต่มีสิ่งหนึ่งที่น่าแปลกใจก็คือ คนส่วนใหญ่ขี้เหนียวในการขอบพระคุณพระเจ้าและในการขอบคุณซึ่งกันและกัน ยิ่งกว่านั้น คริสเตียนหลายคนคิดว่า ถ้าเราได้รับพระพรมากๆ เราก็จะขอบพระคุณพระเจ้ามากๆ ด้วย จริงหรือที่เป็นเช่นนั้น

เคยสังเกตชีวิตนักกีฬาไหม ไม่ว่ากีฬาประเภทไหนก็ตาม เขาจะเล่นได้เก่งมากน้อยแค่ไหนก็ขึ้นอยู่กับการฝึกซ้อมของเขา ไม่ได้ขึ้นอยู่กับความคาดหวัง หรือ ความตั้งใจที่ดี นักดนตรีก็เหมือนกัน คนที่ชอบเพลงและอยากที่จะเล่นดนตรี ทุกคนมีความปรารถนา แต่ไม่ใช่ทุกคนเล่นได้ และไม่ใช่ทุกคนเล่นเก่ง แต่ขึ้นอยู่กับการฝึกซ้อมของคนนั้น ชีวิตฝ่ายจิตวิญญาณก็เช่นเดียวกัน ถ้าเราอยากจะอธิษฐานเก่ง เราจำเป็นต้องเรียนรู้และฝึกอธิษฐาน ไม่ใช่รับพระพรมากก็จะอธิษฐานเก่งโดยอัตโนมัติ ถ้าใครอยากเข้าใจพระวจนะของพระเจ้ามากกว่าเดิม เขาจำเป็นต้องศึกษาพระคัมภีร์ เช่นเดียวกัน การขอบพระคุณพระเจ้าก็เป็นสิ่งที่เรียนรู้และฝึกจนกลายเป็นชีวิตประจำวันและเป็นนิสัย

คนเรามักจะขอบพระคุณในสิ่งที่ดี แต่ยากที่จะขอบพระคุณในสิ่งที่ไม่ดี มักจะขอบพระคุณเมื่อประสบความสำเร็จ แต่ยากที่จะขอบพระคุณเมื่อประสบความล้มเหลว มักจะขอบพระคุณเมื่อมีกำไร แต่ยากที่จะขอบพระคุณเมื่อได้รับความเสียหาย พระเจ้าให้เราขอบพระคุณในทุกกรณี ทำอย่างไรเราจึงขอบพระคุณในทุกกรณีได้ มีทางเดียว คือต้องเรียนและฝึกตัวเองในวันธรรมดา

พระวจนะของพระเจ้าสำหรับวันนี้เป็นคำสั่งของโมเสสที่ท่านได้ให้แก่ชนชาติอิสราเอล เมื่อเราอ่านดูแล้ว พระเจ้าบัญชาให้ชนชาติอิสราเอลถือเทศกาล 3 เทศกาลเพื่อจะสอนคนอิสราเอลเรื่องการขอบพระคุณ 3 เทศกาล คือ เทศกาลกินขนมปังไร้เชื้อ เทศกาลสัปดาห์ และเทศกาลอยู่เพิง ทั้ง 3 เทศกาลนี้เกี่ยวข้องกับการเก็บเกี่ยว ในต้นฤดูใบไม้ผลิหลังจากผ่านฤดูหนาวมาแล้วเขาจะเก็บเกี่ยวข้าวสาลี พระเจ้าทรงให้คนอิสราเอลถือเทศกาลกินขนมปังไร้เชื้อ หรือเทศกาลปัสกา หลังจากนั้นก็จะหว่านเมล็ดข้าวบาร์เลย์ในฤดูใบไม้ผลิและเก็บเกี่ยวในปลายฤดูร้อน ในเวลานั้นพระเจ้าทรงให้ถือเทศกาลสัปดาห์ ต่อมาเมื่อถึงปลายฤดูใบไม้ร่วง ก็เป็นฤดูผลไม้ มีผลไม้ออกผลอย่างบริบูรณ์ เช่น มะกอกเทศ องุ่น มะเดื่อ เป็นต้น พระประสงค์ที่พระเจ้าทรงให้คนอิสราเอลถือเทศกาล 3 ครั้ง ก็เพื่อให้คนอิสราเอลเรียนรู้จักการขอบพระคุณในทุกครั้งที่เขาถือเทศกาลเหล่านี้ เมื่อระลึกถึงพระคุณของพระเจ้าที่ได้ทรงประทานแก่เขาตลอดเวลาที่ผ่านไปและขอบพระคุณพระเจ้าด้วยความชื่นชมยินดี ชนชาติอิสราเอลคงจะเรียนรู้การขอบพระคุณจนกลายเป็นนิสัยได้ แต่น่าเสียดาย เมื่อเราศึกษาประวัติศาสตร์ของชนชาติอิสราเอล เราก็ได้เรียนรู้ว่า คนอิสราเอลไม่ได้ถือเทศกาลเหล่านี้อย่างจริงจังนัก มีช่วงเวลาหลายร้อยปีที่เขาละเลยและไม่ได้รักษาเทศกาลเหล่านี้ เรื่องนี้สอนให้เราเข้าใจว่า การที่เราถวายการขอบพระคุณและพระสิริอย่างเหมาะสมตามเวลาของพระเจ้านั้นไม่ง่าย เราไม่ควรดำเนินตามทางที่คนอิสราเอลกระทำ แต่ควรเรียนรู้และฝึกตนเองในการขอบพระคุณพระเจ้าจนกลายเป็นชีวิตประจำวันและนิสัย จากพระวจนะของพระเจ้า มีบทเรียนสำคัญที่ควรเรียนรู้ดังนี้

1. ใครควรขอบพระคุณพระเจ้า ? (16 ก)

“บรรดาผู้ชายทั้งสิ้นจะต้องเข้ามาเฝ้าพระเยโฮวาห์พระเจ้าของท่านปีละสามครั้ง ณ สถานที่ซึ่งพระองค์ทรงเลือกไว้...” เป็นสิ่งที่น่าแปลกใจมาก ก็คือ มีคำเขียนไว้ว่า “บรรดาผู้ชายทั้งสิ้น” ทำไมพระเจ้าให้ผู้ชายเข้ามาเฝ้าพระเจ้า พระเจ้าให้ผู้ชายเท่านั้นเป็นคนที่ควรขอบพระคุณพระเจ้าหรือ ไม่ให้ผู้หญิงขอบพระคุณพระเจ้าหรือ คงไม่เป็นอย่างนั้น ผู้ชายเป็นตัวแทนครอบครัว ดังนั้นพระเจ้าจึงให้ผู้ชายเข้ามาเฝ้าพระเจ้า ถึงแม้ว่าผู้หญิงและเด็กๆไม่ได้เข้าเฝ้าพระเจ้าเหมือนผู้ชายแต่ก็ถือเทศกาล ปัสกาด้วย เมื่อถึงเทศกาลปัสกา ต้องเตรียมลูกแกะปัสกาตามจำนวนครอบครัว และครอบครัวทุกคนต้องรับประทาน เมื่อถึงเทศกาลสัปดาห์ ครอบครัวทุกคนมาร่วมกันและขอบพระคุณพระเจ้า เมื่อถึงเทศกาลอยู่เพิง ก็ตั้งเต็นท์แล้ว ครอบครัวทุกคนเข้าไปในเต็นท์เจ็ดวัน ขาดคนเดียวก็ไม่ได้

ในพวกเรา คงไม่มีใครที่ไม่มีเรื่องแม้เรื่องเดียวที่จะขอบพระคุณพระเจ้า พระคัมภีร์บอกว่า “จงขอบพระคุณในทุกกรณี...” เราทุกคนได้รับคำบัญชานี้แล้ว เราทุกคนจึงควรขอบพระคุณพระเจ้า ไม่มีใครที่ยกเว้นจากคำบัญชานี้ ถึงอย่างไรก็ตาม เราไม่ได้ขอบพระคุณพระเจ้าบ่อยๆ มีคนหนึ่งบอกว่า “ฉันได้ขอบพระคุณหลายร้อยครั้งเมื่อฉันถือดอกกุหลาบ แต่ฉันไม่เคยขอบพระคุณเมื่อฉันถือต้นหนามเลย” แน่นอน เราขอบพระคุณพระเจ้าเมื่อเราถือดอกกุหลาบ แต่เราต้องขอบพระคุณพระเจ้าเมื่อเราถือต้นหนามได้ด้วย ไม่ใช่ทุกคนถือดอกกุหลาบและดำเนินชีวิตอย่างสนุกสนานตลอดเวลา บางครั้งเรามีความทุกข์และความเจ็บปวด เพราะหนามในชีวิต เราทุกคนจึงควรขอบพระคุณพระเจ้าในทุกกรณี มีใครไหมที่ไม่มีอะไรที่น่าขอบพระคุณ คนนั้นอาจยังไม่เข้าใจว่า การขอบพระคุณ คืออะไร จริงๆ แล้วเราทุกคนมีเรื่องที่น่าขอบพระคุณพระเจ้า

ในวันที่ 16 ตุลาคม 2004 มีงานสมรสพิเศษที่เกาหลี มีผู้รับใช้หญิง ชื่อ เมียงสุข ชอย อายุ 51 ซึ่งเป็นคนพิการทางกาย ได้แต่งงานกับผู้รับใช้ ชื่อ บันเสิก ฮวาง อายุ 48 ซึ่งเป็นคนปกติ เมื่ออจ.เมียงสุขอายุ 3ขวบ ไม่สบายด้วยโรคกระดูกอ่อน ทำให้ร่างกายของเขาหยุดการเติบโต ความสูงแค่ 70 เซนติเมตร เขาไปโบสถ์ตามคุณแม่ตั้งแต่เด็กเล็กๆ แต่การไปโบสถ์เองก็เป็นเรื่องน่ารังเกลียดมากสำหรับเขา เพราะนอกจากใบหน้าแล้ว ร่างกายของเขาเท่ากับเด็กอายุ สามขวบ ในขณะที่นมัสการพระเจ้า ก็ไม่มีความสุข เพราะกระวนกระวายว่า นมัสการเสร็จแล้วจะลงบันไดอย่างไร ชีวิตของเขามีแต่การบ่น แต่เมื่อเขาอายุ 28 เขาได้เข้าใจและซาบซึ้งในความรักของพระเจ้า ในขณะที่ร้องว่า “พระคุณพระเจ้านั้นแสนชื่นใจ ช่วยได้คนชั่วอย่างฉัน...” หลัง จากนั้น ก็ได้เกิดใจที่ขอบพระคุณพระเจ้าแทนการบ่น และสามารถที่จะเห็นคนพิการที่หนักกว่าตัวเอง จึงเริ่มรับใช้พระเจ้าโดยคนเช่นนั้นที่ไม่มีความหวังอะไรเลย 2-3 คนที่บ้านของตนในปี 1985 เมื่ออายุต้น 30 ต่อมาเข้าใจว่าสิ่งที่จำเป็นมากสำหรับคนเหล่านั้น คือ ข่าวประเสริฐของพระเยซู จึงถวายตัวเรียนพระคัมภีร์ และได้รับการเจิมเป็นศาสนาจารย์ในปี 1991 ต่อมาในปี 1999ได้บุกเบิกคริสตจักรเบธไซดาและรับใช้พระเจ้ามาเป็นศิษยาภิบาลจนบัดนี้ อจ.ได้บอกว่า “มีความลำบากมากมายในช่วงเวลา 20ปีแห่งการรับใช้ ... แต่ในสถานการณ์ไหนก็ตาม ไม่ลืมขอบพระคุณพระเจ้าเลย”

เมื่อประมาณ 5 ปีที่แล้ว อจ.บันเสิก ฮวางได้ยินข่าวและอาสามาช่วยงาน ประทับใจที่อจ.เมียงสุขดำเนินชีวิตด้วยใจขอบพระคุณโดยไม่มีเงื่อนไขแม้ประการเดียว ในที่สุด อจ.ฮวางได้ขอแต่งงาน อจ.เมียงสุขไม่เคยคิดว่า ในชีวิตของตนมีโอกาสที่จะแต่งงาน ถือว่า การแต่งงานเป็นของขวัญชิ้นใหญ่สำหรับชีวิตแห่งการขอบพระคุณพระเจ้าตลอดเวลา 20 ปี

ถ้าผู้รับใช้หญิงคนนี้ยังดำเนินชีวิตและรับใช้พระเจ้าด้วยใจโมทนาขอบพระคุณพระเจ้า เราคงมีเรื่องมากกว่าที่น่าจะขอบพระคุณพระเจ้าใช่ไหม

2. เราควรขอบพระคุณพระเจ้าสำหรับเรื่องอะไรบ้าง ?

พระเจ้าให้คนอิสราเอลถือเทศกาล 3 อย่าง อย่างแรก คือเทศกาลกินขนมปังไร้เชื้อ เทศกาลนี้เป็นเทศกาลที่ระลึกถึงวันที่พระเจ้าทรงโปรดช่วยชนชาติอิสราเอลที่ตกเป็นทาสในประเทศอียิปต์ให้ออกจากการเป็นทาสประมาณ 430 ปี การที่พระเจ้าให้อิสราเอลถือรักษาเทศกาลนี้ เพื่อไม่ให้ลืมและขอบพระคุณพระคุณของพระเจ้าที่ได้ทรงช่วยให้รอดพ้นจากการเป็นทาส

เราควรขอบพระคุณพระเจ้าเพราะเหตุใด แน่นอน สิ่งที่สำคัญมากที่สุดก็คือ พระคุณแห่งความรอดของพระเจ้า ผู้ทรงช่วยคนบาปอย่างเราให้รอดพ้นจากกรรมและความตาย เราไม่เคยแสวงหาพระเจ้า เป็นคนบาป เคยทำตัวเป็นศัตรูกับพระเจ้า จึงไม่มีความหวัง รอคอยความตายเท่านั้น ถึงกระนั้น พระเจ้าทรงรู้จักเราทรงให้พระเยซูเสด็จมาในโลก ถูกตรึงที่กางเขนเพื่อไถ่บาปของเรา ให้เรามีอิสระจากกรรมและความตาย นี่เป็นพระคุณอันใหญ่หลวงของพระเจ้า เมื่อเราคิดถึงพระคุณของพระเจ้าเช่นนี้ ไม่ขอบพระคุณพระเจ้าไม่ได้เลย การขอบพระคุณยิ่งใหญ่ คือการขอบพระคุณสำหรับพระคุณแห่งความรอด ขอพระวิญญาณบริสุทธิ์ทรงโปรดแตะต้องจิตใจของพี่น้องในวันนี้ และทรงกระทำให้พระคุณแห่งความรอดของพระเจ้ากลับคืนมาอีก ให้เราขอบพระคุณพระเจ้าโดยไม่รู้ตัว เมื่อเราคิดถึงพระคุณของพระเจ้าเช่นนี้

เทศกาลอย่างที่ 2 ที่พระเจ้าให้อิสราเอลถือรักษา คือ เทศกาลสัปดาห์ เมื่อคนอิสราเอลได้เก็บเกี่ยวข้าวบาร์เลย์ และเก็บไว้ในยุ้งฉาง เขาระลึกว่าพระเจ้าทรงประทานอาหารประจำวันให้กินและดื่มอย่างบริบูรณ์ และสารภาพว่าทุกสิ่งมาจากพระเจ้า นี่คือเทศกาลสัปดาห์ ทุกสิ่งที่เรากินในแต่ละวันเป็นสิ่งที่พระเจ้าทรงประทานให้ น้ำที่เราดื่ม แม้หยดเดียว ก็พระเจ้าทรงประทานให้ ทุกสิ่งที่เรามีอยู่ หรือที่เราได้มานั้น ไม่ใช่เพราะเราเก่ง หรือโชคดี แต่พระเจ้าประทานให้ ขอให้เราขอบพระคุณพระเจ้าด้วยน้ำตาไหล เพราะพระเจ้าทรงประทานอาหารประจำวัน

เทศกาลอย่างที่ 3 คือ เทศกาลอยู่เพิง ทำไมพระเจ้าทรงให้อิสราเอลถือรักษาเทศกาลอยู่เพิง เมื่อชนชาติอิสราเอลอพยพออกจากอียิปต์ เดินทางในถิ่นทุรกันดาร ประมาณ 40 ปี จนเข้าในแผ่นดินคานาอัน ในช่วงเวลานั้น ไม่ได้ปลูกบ้านของตนแต่จะตั้งเต็นท์และอาศัยอยู่ในนั้น ชีวิตในถิ่นทุรกันดารนั้นคงลำบากมาก สดุดี 107.4-7 ได้พูดถึงลักษณะชีวิตในถิ่นทุรกันดารว่า “บ้างก็พเนจรอยู่ในป่าในที่แห้งแล้ง หาไม่พบทางที่จะเข้านครซึ่งพอจะอาศัยได้ หิวโหยและกระหาย จิตใจของเขาก็อ่อนระอาไปในตัวเขา แล้วในความยากลำบากของเขา เมื่อเขาร้องทูลพระเจ้า พระองค์ทรงช่วยกู้เขาจากความทุกข์ใจของเขา พระองค์ทรงนำเขาไปในทางตรง จนเขามาถึงนครซึ่งพอจะอาศัยได้” ดังนั้นพระเจ้าทรงให้อิสราเอลถือเทศกาลอยู่เพิง เพื่อให้เขาระลึกถึงชีวิตในถิ่นทุรกันดาร ให้เขาระลึกและขอบพระคุณพระเจ้าว่า พระองค์ทรงช่วยเขาทรงนำเขา และทรงพิทักษ์รักษาเขาอย่างไร ในขณะที่เขารอนแรมในถิ่นทุรกันดารที่ลำบากและน่ากลัว

ให้เราโยงกลับไปดูชีวิตของเราในอดีต ทุกคนเคยผ่านสถานการณ์เหมือนถิ่นทุรกันดาร แต่โดยพระคุณของพระเจ้า เรายังมีชีวิตอยู่ พระเจ้าผู้ทรงช่วยเราในอดีตเมื่อมีความยากลำบาก ทรงช่วยนำเราในวันข้างหน้าด้วย แม้อยู่ในสถานการณ์ใดก็ตาม

3. ควรขอบพระคุณพระเจ้าอย่างไร

16 ค - 17 ได้กล่าวว่า ควรขอบพระคุณพระเจ้าด้วยการถวายเครื่องบูชาแด่พระเจ้า พระองค์ทรงบัญชาอิสราเอลไม่ให้เข้าไปเฝ้าพระเจ้าด้วยมือเปล่า แต่ให้ทุกคนถวายตามความสามารถของตน การที่เราขอบพระคุณพระเจ้าด้วยปากก็สำคัญ แต่การขอบพระคุณที่พระเจ้าทรงปรารถนาจากเรา คือการขอบพระคุณด้วยปากและด้วยใจ เราจะขอบพระคุณพระเจ้าด้วยใจอย่างไร พระคัมภีร์บอกว่า “ทรัพย์สมบัติของท่านอยู่ที่ไหน ใจของท่านก็อยู่ที่นั่นด้วย” (มธ.6.21) เราจะแสดงจิตใจของเราที่ขอบพระคุณพระเจ้าได้โดยการถวายทรัพย์ พระเจ้าไม่ให้คนอิสราเอลมาเฝ้าพระเจ้าด้วยมือเปล่า เพื่อจะรับการขอบพระคุณที่ออกมาจากใจของเรา แท้จริงพระเจ้าไม่ขัดสนอะไร เพราะทุกสิ่งเป็นของพระองค์หมด แต่พระเจ้าทรงให้เรานำทรัพย์มาถวาย เพื่อจะทรงรับใจของเราด้วย

เข้าใจว่า ทุกคนได้เตรียมทรัพย์มาในวันนี้ เพื่อจะถวายแด่พระเจ้าเป็นเครื่องบูชาโมทนาขอบพระคุณพระเจ้า ขอให้เราพิจารณาดูว่า ทรัพย์ที่เรานำมาจะถวายนั้นเป็นเครื่องบูชาที่เราเอาใจของเราใส่ด้วยหรือไม่ ถ้าพี่น้องซาบซึ้งในพระคุณของพระเจ้าที่เราได้รับมาจนเวลานี้ ไม่ว่าเป็นพระคุณแห่งความรอด พระคุณแห่งอาหารประ จำวัน และพระคุณแห่งการทรงนำและช่วยเราในยามยากลำบาก ควรจะตอบสนองอย่างไร เราควรถวายทรัพย์ให้สมกับพระคุณของพระเจ้าใช่ไหม ถ้าเล็กเกินไป หรือไม่ได้ถวายด้วยเอาใจใส่ พระเจ้าคงไม่พอพระทัย พระเจ้าจะทรงรับการขอบพระคุณที่ถวายด้วยใจอย่างเอาจริงเอาจัง

คริสเตียนทุกคนควรขอบพระคุณพระเจ้าในทุกกรณี ไม่ยกเว้น เราควรขอบพระ คุณพระเจ้าสำหรับพระคุณแห่งความรอด พระคุณแห่งอาหารประจำวัน และพระคุณที่ได้ทรงช่วยในยามยากลำบาก แล้วเราควรนำเครื่องบูชาในมือของเรามาถวายแด่พระเจ้า การขอบพระคุณพระเจ้าแห่งจิตใจของเรานั้นเป็นไปได้ก็ต่อเมื่อเรานำทรัพย์มาถวายแด่พระเจ้า ขอให้เรานมัสการพระเจ้าด้วยใจโมทนาขอบพระคุณพระเจ้าอย่างแท้จริง และสามัคคีซึ่งกันและกันด้วยความชื่นชมยินดีในวันนี้ ขอพระเจ้าอวยพระพรพี่น้องทุกท่านที่ถวายและมนัสการด้วยใจขอบพระคุณ


 เมย.-มิย. |  กค.-กย.  | ตค.-ธค.




คำเทศนาปี 2005

เทศนาเรื่อง เราจะปรนนิบัติพระเจ้า article
เทศนาเรื่อง เจ้าของวันคริสต์มาสครั้งแรก article
เทศนาเรื่อง ความสนพระทัยของพระองค์และหน้าที่ของธรรมิกชน article
เทศนาเรื่อง ให้เรารักพระวจนะของพระเจ้า article
เทศนาเรื่อง ให้เรามีส่วนในข่าวประเสริฐ article
คำเทศนาเรื่อง ความเชื่อที่มุ่งไปข้างหน้า article
เทศนาเรื่อง คริสเตียนที่สวยงาม article
เทศนาเรื่อง ท่านกำลังแสวงหาอะไรอยู่ article
Sermon 3 article
Sermon 2 article
Sermon 1 article
คำเทศนาเรื่อง ผู้ใหญ่ฝ่ายวิญญาณ article
คำเทศนาเรื่อง ชัยชนะเหนือความกลัว article
คำเทศนาเรื่อง ความเชื่อของทิโมธี article
คำเทศนาเรื่อง ให้คริสตจักรเต็มด้วยผู้นมัสการ article
คำเทศนาเรื่อง ชีวิตคริสเตียนที่ส่องสว่าง article
คำเทศนาเรื่อง พระเยซูผู้ถูกยกขึ้นอย่างสูง article
คำเทศนาเรื่อง ผู้คนที่พระเจ้าแสวงหา article
คำเทศนาเรื่อง พระเยซูผู้ทรงถ่อมพระทัย article
คำเทศนาเรื่อง ให้เราเป็นอันหนึ่งอันเดียวในพระเป็นเจ้า article
คำเทศนาเรื่อง สองสิ่งที่คริสเตียนควรรู้ article
คำเทศนาเรื่อง จงระลึกถึงวันของพระเป็นเจ้า article
คำเทศนาเรื่อง ชีวิตที่สมกับข่าวประเสริฐ article
คำเทศนาเรื่อง เราควรดำเนินชีวิตอย่างไร article
คำเทศนาเรื่อง ของมีค่าอยู่ในภาชนะดิน article
คำเทศนาเรื่อง จงออกไปประกาศข่าวปรเสริฐ article
คำเทศนาเรื่อง เพชรพลอย 3 อย่างของคริสเตียน article
คำเทศนาเรื่อง ผู้คนที่เผาหนังสือตำรา article
คำเทศนาเรื่อง หญิงที่เปิดผอบน้ำมันหอม article
คำเทศนาเรื่อง ศักเคียสได้พบพระเยซู article
คำเทศนาเรื่อง คุณค่าของแผ่นดินสวรรค์ article
คำเทศนาเรื่อง คำอุปมาเรื่องแกะกับแพะ article
คำเทศนาเรื่อง : คริสเตียนที่ดี article
คำเทศนาเรื่อง : คริสเตียนที่พระเจ้าชมเชย article
คำเทศนาเรื่อง สองสิ่งที่มนุษย์ควรรู้ article
คำเทศนาเรื่อง การนมัสการที่พระเจ้าพอพระทัย article
คำเทศนาเรื่อง จงระลึกถึงพระผู้สร้างของท่าน article
คำเทศนาเรื่อง ผู้ที่จะได้รับพระพรของพระเจ้า article
คำเทศนาเรื่อง ให้เรารับพระพรของพระเจ้า article



Copyright © 2010 All Rights Reserved.