ReadyPlanet.com
dot
dot
แจ้งเพื่อรับข่าวสารจากเรา

dot
dot
ทีรันนัสดอทคอม
dot
bulletสารจากผู้อำนวยการ
bulletประวัติทีรันนัส
bulletติดต่อเรา
bulletแผนที่
bulletสมุดเซ็นเยี่ยม
bulletข่าวสารจากทีรันนัส
dot
หนังสือแยกเป็นหมวดหมู่
dot
bulletหมวด คริสเตียนศึกษา
bulletหมวด การเทศนา
bulletหมวด อธิบายพระคัมภีร์
bulletหมวด คู่มือศึกษาพระคัมภีร์
bulletหมวด ชีวิตคริสเตียน
bulletหมวด เพิ่มพูนคริสตจักร
bulletหมวด การสร้างสาวก
bulletหมวด การประกาศ-มิชชั่น
dot
สำนักพิมพ์ ทีรันนัส
dot
bulletสมัครเป็นสมาชิก
bulletสมัครเป็นผู้แทนจำหน่าย
bulletหนังสือใหม่ล่าสุด
bulletหนังสือขายดีติดอันดับ
bulletหนังสือพิมพ์ซ้ำ
bulletวิธีสั่งซื้อสินค้าจากเรา
bulletศูนย์รับแจ้งสินค้ามีปัญหา
bulletแนะนำร้านหนังสือคริสเตียน
dot
Phon Phaiboon Church
dot
bulletคำเทศนาของศิษยาภิบาล
bulletข่าวสารจากคริสตจักร
dot
เว็บอื่นๆ
dot
bulletLink ลิ้งค์ไปเว็บคริสเตียน
bulletwww.thaichristians.net


องค์การ gpinternational
สหกิจคริสเตียนแห่งประเทศไทย
เว็บข่าวสารคริสเตียนไทย ทั่วฟ้าเมืองไทย ไม่แบ่งแยกคณะ บทความ  คำเทศนา  เรื่องสั้น  บทกลอน  แจกโฮมเพจเพื่อคริสตจักรในท้องถิ่น.... ฟังคำเทษนาออน์ไลน์  ลิ้งค์ไปเว็บต่างของคริสเตียนทั่วโลก   แหล่งซื้อขายของคริสเตียน  สิ่งดีๆที่คุณไม่ควรพลาดในเว็บไทยคริสเ
สมาคมพระคริสตธรรมไทย
คริสตจักรพรไพบูลย์


เทศนาเรื่อง ท่านกำลังแสวงหาอะไรอยู่ article

 

ท่านกำลังแสวงหาอะไรอยู่

ฟีลิปปี 3.4-11
                                                                                          เทศนาโดย ศจ.ดร.จุงซิก คิม

           มนุษย์ทุกคนแสวงหาสิ่งหนึ่งสิ่งใด เมื่อเรามองดูสิ่งที่เขาแสวงหา เรารู้ได้ว่า เขาเป็นคนประเภทไหน เมื่อเป็นเช่นนั้นแล้ว คริสเตียนเราควรแสวงหาอะไร พี่น้องกำลังแสวงหาอะไรอยู่ 
           
มีชายคนหนึ่ง เขาได้เขียนบอกลักษณะคู่สมรสในอนาคตตามความคิดของเขาว่า “เป็นผู้หญิงที่ผมชอบ คือ ผู้หญิงที่รักแต่ผมคนเดียวเท่านั้น ไม่มองผู้ชายคนอื่นเลย เป็นหญิงที่เคารพและดูแลบิดามารดาเป็นอย่างดี, ผู้หญิงที่ทำกับข้าวเก่ง, ผู้หญิงที่ใช้เงินน้อยในการซื้อเสื้อผ้า, ผู้หญิงที่มีความขยันในการจัดบ้านให้สะอาดเป็นระเบียบเรียบร้อย, ผู้หญิงที่ไว้ใจได้ แม้บอกให้ทำข้าวต้มด้วยถั่วเหลือง, ผู้หญิงที่เอาร่มมารอคอยผมที่ป้ายรถเมล์, ผู้หญิงที่รอคอยผมทานข้าวเย็น แม้ผมกลับบ้านช้ามากแค่ไหนก็ตาม, ผู้หญิงที่ไม่บ่นว่า แม้พาเพื่อนมาในกลางคืน, ผู้หญิงที่ร้องเพลงเก่งและได้รางวัลชนะเลิศในการแข่งขันร้องเพลงและได้ตั๋วเครื่องบินไปกลับต่างประเทศสองที่นั่ง และเป็นผู้หญิงที่ไม่กลัว แม้ขโมยเข้ามาในกลางคืน
”
      
เมื่อเราฟังดูแล้ว รู้ได้ว่า ผู้ชายคนนี้เป็นคนเช่นไร มีแต่ความเห็นแก่ตัวฝ่ายเดียว ไม่มีวิญญาณที่จะเห็นแก่คนอื่น ที่จะเสียสละตัวเองและปรนนิบัติคนอื่น ไม่มีใจ ซึ่งมีอยู่ในพระเยซูเลย คือชีวิตที่เสียสละ ปรนนิบัติ ทนทุกข์และถ่อมพระทัย

         ในฐานะเป็นคริสเตียน เราควรแสวงหาอะไรดี เปาโลซึ่งเป็นคนหนึ่งเหมือนเรา ได้แบ่งปันชีวิตของท่านให้เราเห็นว่า เราควรแสวงหาอะไรดี เปาโลได้เน้นว่า เราไม่ควรแสวงหาความชอบธรรมโดยการกระทำของตน แต่ควรแสวงหาความชอบธรรมโดยความเชื่อ

1. เราต้องไม่แสวงหาสิ่งของ ซึ่งเป็นฝ่ายเนื้อหนัง (3.4-6)

       1.1) ในอดีต ก่อนพบพระเยซู เปาโลได้แสวงหาสิ่งของซึ่งเป็นของฝ่ายเนื้อหนัง และได้อวดสิ่งเหล่านั้น เปาโลไม่ได้แสวงหาสิ่งที่ควรแสวงหาตั้งแต่แรก ก่อนที่จะพบพระเยซู ท่านก็แสวงหาสิ่งที่ไม่ควรแสวงหาเหมือนคนอิสราเอลทั่วไปในสมัยนั้น ถ้าคนอิสราเอลคนอื่นในสมัยเปาโลจะไว้ใจหรืออวดสิ่งของฝ่ายเนื้อหนัง เปาโลมีมากกว่าคนอื่นด้วยซ้ำ ในที่นี่ เปาโลพูดถึงลักษณะพิเศษ 7 ประการที่ท่านเองไว้ใจได้ เราสามารถที่จะแบ่ง 7 ประการนี้ เป็นสองกลุ่ม คือสิ่งที่ได้รับจากบิดามารดา และสิ่งที่ได้ทำด้วยตนเอง สิ่งที่ได้รับจากบิดามารดา มี 4 อย่างด้วยกัน ได้แก่ เข้าสุหนัตในวันที่แปด เป็นชนชาติอิสราเอล เป็นเผ่าเบนยามิน และเป็นชาติฮีบรูที่เกิดจากชาวฮีบรู สิ่งที่กระทำด้วยตนเองนั้นมี 3 อย่าง ได้แก่ เป็นคนหนึ่งในพวกฟาริสี ได้ข่มเหงคริสตจักร และไม่มีตำหนิในด้านความชอบธรรมแห่งธรรมบัญญัติ
        
เปาโลเคยแสวงหาและอวดตัวสิ่งเหล่านี้ ซึ่งเป็นความชอบธรรมโดยการกระทำของตน อย่างไรก็ตาม สิ่งที่คนอิสราเอล ร่วมทั้งเปาโลในช่วงแรกแสวงหาในสมัยนั้น ล้วนแต่เป็นสิ่งของฝ่ายเนื้อหนังในโลกนี้ ซึ่งเป็นอยู่ชั่วคราว และเสื่อมสูญไป ยิ่งกว่านั้น แม้ว่ามนุษย์จะพยายามมากแค่ไหนก็ตาม ก็ไม่สามารถที่จะผ่านมาตรฐานของพระเจ้าได้ ฉะนั้นพระคัมภีร์บอกเราว่า “ไม่มีผู้ใดเป็นคนชอบธรรมสักคนเดียว ไม่มีเลย ไม่มีคนที่เข้าใจ ไม่มีคนที่แสวงหาพระเจ้า” (โรม 3.10-11) “ทุกคนทำบาปและเสื่อมจากพระสิริของพระเจ้า” (โรม 3.23)

       1.2) เราต้องไม่แสวงหาสิ่งของของโลก และต้องไม่อวดสิ่งเหล่านั้นด้วย  สิ่งที่คนในปัจจุบันมักจะแสวงหามาก ก็คือ ความมั่งคั่ง ใบปริญญา ชาติตระกูล ฐานะในสังคม และความกระตือรือร้นในการปฏิบัติศาสนา เป็นต้น
      
สิ่งเหล่านี้ไม่ใช่สิ่งที่คริสเตียนควรแสวงหา และอวดตัว คริสเตียนเราอาจ
มีโอกาสได้สิ่งเหล่านี้ แต่เราไม่ควรยกย่อง ไม่ควรยื่นออกมาให้คนอื่นเห็นและไม่ควรอวดตัวสิ่งเหล่านี้ ถ้าคริสเตียนได้ยื่นออกมาให้เห็นหรืออวดตัว สิ่งเหล่านี้ ก็ไม่เป็นประโยชน์แก่ตัวเองและคนอื่นๆ ด้วย

2. เราต้องแสวงหาพระเยซูคริสต์เท่านั้น (3.7-11)

   2.1)เปาโลผู้ที่ได้แสวงหาสิ่งของฝ่ายเนื้อหนังและอวดตัวสิ่งเหล่านี้ได้พบพระเยซูคริสต์บนเส้นทางไปสู่เมืองดามัสกัส นี่เป็นประสบการณ์เหมือนละครจริงๆ เรื่องนี้ได้ทำให้เปาโลได้รับการเปลี่ยนแปลงอย่างสิ้นเชิงเกี่ยวกับจุดประสงค์ของชีวิต
      
การที่บุคคลใดบุคคลหนึ่งพบพระเยซูอย่างแท้จริงเป็นเรื่องสำคัญมาก สำหรับชีวิตของตน และสำหรับครอบครัว ตลอดจนสังคมโลกที่เขาอาศัยอยู่ เพราะว่าทุกคนที่พบพระเยซูคริสต์ก็ได้รับการเปลี่ยนแปลงอย่างสิ้นเชิงเช่นเดียวกัน ยกตัว อย่างเช่น ศักเคียส หญิงชาวสะมาเรีย และคนอื่นๆ มากมาย ในวันนี้เราก็จะเป็นเช่นนั้น ถ้าเราพบพระเยซูอย่างแท้จริง ฤทธิ์เดชแห่งข่าวประเสริฐของพระเยซูนั้นเกินความคิดและความเข้าใจของมนุษย์

     2.2) เปาโลได้แสวงหาพระเยซูคริสต์เป็นสิ่งที่มีคุณค่าสูงสุดในชีวิต (3.7-9) ในข้อ 7-9 เปาโลได้กระทำสองอย่าง
          อย่างแรกคือ ได้ละทิ้งสิ่งทั้งปวง โดย เฉพาะอย่างยิ่ง ละทิ้งสิ่งที่เคยเป็นคุณประโยชน์แก่ตัวเอง (ข้อ 7)
“แต่ว่าสิ่งใดที่เคยเป็นคุณประโยชน์แก่ข้าพเจ้า ข้าพเจ้าถือว่าสิ่งนั้นไร้ประโยชน์แล้ว...”
เปาโลได้ถือว่า สิ่งสารพัดในอดีตเป็นสิ่งไร้ประโยชน์ เช่น ฐานะในสังคม ชื่อเสียงเกียรติยศ สิทธิพิเศษ การศึกษา ศาสนา เชื้อชาติ เป็นต้น เปาโลจึงได้ละทิ้งสิ่งเหล่านี้ทั้งหมด ท่านถือว่าเป็นเหมือนหยากเยื่อ 
       
สาเหตุที่เปาโลถือเช่นนั้น ก็เพราะความประเสริฐแห่งความรู้ถึงพระเยซูคริสต์ ความรู้เช่นนี้ไม่ใช่ความรู้ในสมอง หรือในด้านทฤษฎี แต่เป็นความรู้ที่มาจากประสบการณ์และเป็นส่วนตัว
      
อย่างที่สองคือ เปาโลได้รับเอาพระเยซูเป็นคุณค่าสูงสุดในชีวิตของตน (8-9) เมื่อเปาโลถือว่า สิ่งของทั้งหมดในอดีตเป็นสิ่งไร้ประโยชน์แล้ว ก็ได้สองสิ่ง คือได้พระคริสต์ และได้ความชอบธรรม ซึ่งได้มาโดยความเชื่อ มิใช่มาโดยกฏบัญญัติทางศาสนา เราก็ควรเป็นเช่นนั้น แสวงหาพระเยซูคริสต์ ถือว่าพระเยซูคริสต์ประเสริฐที่สุดในชีวิตของเรา แล้วเราจะละทิ้งสิ่งสารพัดฝ่ายเนื้อหนังซึ่งถือว่าเป็นเหมือนหยากเยื่อได้

       2.3) เปาโลได้แสวงหาการที่จะรู้จักพระเยซูคริสต์อย่างลึกซึ้งมากยิ่งขึ้น (3.10-11) “ข้าพเจ้าต้องการจะรู้จักพระองค์ และได้รับประสบการณ์ในฤทธิ์เดช เนื่องในการที่พระองค์ทรงคืนพระชนม์นั้น และร่วมทุกข์กับพระองค์ คือยอมตั้งอารมณ์ตายเหมือนพระองค์ ถ้าเป็นไปได้ ข้าพเจ้าก็จะได้เป็นขึ้นมาจากความตายด้วย”
    
เปาโลไม่ได้พอใจเพียงที่ได้รู้จักพระคริสต์และความชอบธรรมแห่งความเชื่อเท่านั้น แต่ปรารถนาที่จะใกล้ชิดกับพระเยซูคริสต์มากยิ่งขึ้น เพื่อจะใกล้ชิดกับพระเยซูมากยิ่งขึ้น เปาโลมี 3 อย่างที่ต้องการกระทำ
      
เปาโลต้องการที่จะรู้จักพระเยซูคริสต์มากกว่าเดิม (ข้อ 10ก) ความรู้ถึงพระเยซูนั้นประเสริฐกว่าทุกสิ่ง เพราะชีวิตนิรันดร์ คือ การที่เรารู้จักพระเจ้าและรู้จักพระเยซู (ยอห์น 17.3) ไม่มีอะไรประเสริฐกว่าชีวิต ถ้าเรารู้จักพระเยซูมากขึ้น ชีวิตของเราก็ครบบริบูรณ์มากขึ้นด้วย ทำอย่างไรเราจึงรู้จักพระเยซูมากกว่าเดิมได้ หนึ่ง ต้องฟังคำเทศนา ซึ่งเป็นพระวจนะของพระเจ้า สอง ต้องอ่านพระคัมภีร์ทุกๆ วัน สาม ต้องเชื่อฟังพระวจนะของพระเจ้าที่เราได้ยินและได้อ่าน

    
เปาโลต้องการที่จะมีประสบการณ์กับฤทธิ์เดชแห่งการคืนพระชนม์ของพระเยซูคริสต์ (ข้อ 10ข) เมื่อประสบฤทธิ์เดชของพระองค์แล้ว เราสามารถที่จะดำเนินชีวิตที่บริสุทธิ์ได้ ทำอย่างไร เราจึงมีประสบการณ์กับฤทธิ์เดชนี้ได้ จำเป็นต้องพึ่งอาศัยฤทธิ์เดชของพระองค์ทุกเวลา 
       
 เปาโลต้องการร่วมทุกข์กับพระเยซูคริสต์ด้วย (ข้อ 10ค)  ร่วมทุกข์กับพระคริสต์คงมีความหมายสองประการ   ความหมายที่หนึ่ง คือ ตายต่อบาป  ถ้าเราไม่ตายต่อบาป ตัวเราเองมักจะควบคุมชีวิตของเรา เราจึงกลายเป็คริสเตียนฝ่ายเนื้อหนัง  ดังนั้น เราควรสารภาพทุกๆวัน เหมือนที่เปาโลได้สารภาพแล้วว่า “ข้าพเจ้าตายทุกวัน”
(1โครินธ์ 15.31)   ความหมายที่สอง ทนความทุกข์เพราะเห็นแก่พระเยซูคริสต์  ถ้าเราเชื่อแน่ว่า พระเยซูเป็นผู้ช่วยให้รอด เราก็ควรเตรียมพร้อมที่จะทนความทุกข์เพื่อพระองค์ด้วย ถ้าเราชอบที่จะรับพระพรและพระสิริเพราะพระองค์ แต่พยายามที่จะหลีกเลี่ยงการทนทุกข์เพราะพระองค์ เราจะเป็นคริสเตียนที่ได้รับความรักจากพระองค์และถูกใช้โดยพระองค์ก็หามิได้   เปาโลเคยบอกว่า “เพราะพระเจ้าได้ทรงโปรดแก่ท่านเพราะเห็นแก่พระคริสต์ มิใช่ให้ท่านเชื่อถือในพระ องค์เท่านั้น แต่ให้ท่านทนความทุกข์ยากเพราะเห็นพระองค์ด้วย” (ฟป.1.29) 

      
สรุปได้ว่า เปาโลอยากจะเป็นอันหนึ่งอันเดียวกับพระคริสต์ในทุกด้าน
    
คริสเตียนเราก็ควรเป็นเช่นนั้น การที่เราได้รับความรอดโดยความเชื่อเท่านั้นยังไม่เพียงพอ เราจำเป็นต้องมีความสัมพันธ์อย่างลึกซึ้งกับพระเยซูคริสต์ในการดำเนินชีวิตประจำวัน ถ้าเราไม่มีความปรารถนาที่จะใกล้ชิดกับพระเยซูคริสต์แล้ว คงเป็นไปไม่ได้ที่จะมีชีวิตที่มีชัยชนะ เราควรเป็นคนที่หิวกระหายความชอบธรรม เมื่อเป็นเช่นนั้นแล้ว เราจะประสบฤทธิ์เดชแห่งการคืนชีพแห่งชีวิตได้

      ก่อนที่จะจบคำเทศนาในวันนี้ อยากจะเล่าเรื่องหนึ่งให้ฟัง มีชายคนหนึ่งชื่อแอนเดอร์สัน เขาได้เป็นประธานของบริษัทรถไฟทางตะวันตกของอเมริกา เขาก็ลงไปตรวจฟื้นที่ต่างๆ ในท่ามกลางเจ้าหน้าที่ที่ออกมาต้อนรับประธานคนใหม่ ชายคนหนึ่ง ที่มีหนวดเคราเต็มหน้าได้ออกมาขอจับมือประธาน เขาพูดว่า “สวัสดีครับ คุณแอนเดอร์สัน จำผมได้ไหม คุณกับผมเคยทำงานด้วยกัน เพื่อจะรับค่าตอบแทนห้าเหรียญดอลล่าร์ต่อวัน เมื่อประมาณ 20 ปีที่แล้ว ผมดีใจมากๆ ที่ได้พบคุณอีกครั้ง” ประธานบริษัท แอนเดอร์สันก็จำเขาได้ ก็ได้กอดเขาด้วยความยินดีตามวัฒนธรรมของคนอเมริกัน แล้วบอกว่า “ใช่แล้ว ผมไม่ทราบว่า คุณทำงานเพื่อรับค่าจ้างห้าเหรียญดอลล่าร์ต่อวันเมื่อ 20 ปีก่อน แต่ผมทำงานอย่างเต็มที่ก็เพื่อรถไฟ” คำพูดของแอนเดอร์สันนี้ ได้แสดงให้เห็นชัดว่า เขาเป็นประธานของบริษัทรถไฟที่ใหญ่โตได้อย่างไร คนที่คิดแต่เงิน แสวงหาเพียงค่าจ้าง มักจะบ่นว่า แต่คนที่แสวงหาหน้าที่การงานเอง มักจะทำเต็มกำลังเท่าที่ทำได้

    คริสเตียนเราไม่ควรแสวงหาสิ่งของซึ่งเป็นฝ่ายเนื้อหนังในโลก หรือสิ่งที่พระเจ้าได้ทรงประทานแก่เรา แต่ควรแสวงหาพระเยซูคริสต์เท่านั้นผู้ทรงเป็นแหล่งชีวิตของเรา และทรงเป็นทุกสิ่งทุกอย่างในชีวิตของเรา ขอพระเจ้าอวยพระพรพี่น้องทุกท่าน


  12-10(Page1)  9-7(Page2)  |  6-4(Page3)


 

 

 




คำเทศนาปี 2005

เทศนาเรื่อง เราจะปรนนิบัติพระเจ้า article
เทศนาเรื่อง เจ้าของวันคริสต์มาสครั้งแรก article
เทศนาเรื่อง ความสนพระทัยของพระองค์และหน้าที่ของธรรมิกชน article
เทศนาเรื่อง ให้เรารักพระวจนะของพระเจ้า article
เทศนาเรื่อง ให้เรามีส่วนในข่าวประเสริฐ article
คำเทศนาเรื่อง ความเชื่อที่มุ่งไปข้างหน้า article
เทศนาเรื่อง นมัสการด้วยใจขอบพระคุณ article
เทศนาเรื่อง คริสเตียนที่สวยงาม article
Sermon 3 article
Sermon 2 article
Sermon 1 article
คำเทศนาเรื่อง ผู้ใหญ่ฝ่ายวิญญาณ article
คำเทศนาเรื่อง ชัยชนะเหนือความกลัว article
คำเทศนาเรื่อง ความเชื่อของทิโมธี article
คำเทศนาเรื่อง ให้คริสตจักรเต็มด้วยผู้นมัสการ article
คำเทศนาเรื่อง ชีวิตคริสเตียนที่ส่องสว่าง article
คำเทศนาเรื่อง พระเยซูผู้ถูกยกขึ้นอย่างสูง article
คำเทศนาเรื่อง ผู้คนที่พระเจ้าแสวงหา article
คำเทศนาเรื่อง พระเยซูผู้ทรงถ่อมพระทัย article
คำเทศนาเรื่อง ให้เราเป็นอันหนึ่งอันเดียวในพระเป็นเจ้า article
คำเทศนาเรื่อง สองสิ่งที่คริสเตียนควรรู้ article
คำเทศนาเรื่อง จงระลึกถึงวันของพระเป็นเจ้า article
คำเทศนาเรื่อง ชีวิตที่สมกับข่าวประเสริฐ article
คำเทศนาเรื่อง เราควรดำเนินชีวิตอย่างไร article
คำเทศนาเรื่อง ของมีค่าอยู่ในภาชนะดิน article
คำเทศนาเรื่อง จงออกไปประกาศข่าวปรเสริฐ article
คำเทศนาเรื่อง เพชรพลอย 3 อย่างของคริสเตียน article
คำเทศนาเรื่อง ผู้คนที่เผาหนังสือตำรา article
คำเทศนาเรื่อง หญิงที่เปิดผอบน้ำมันหอม article
คำเทศนาเรื่อง ศักเคียสได้พบพระเยซู article
คำเทศนาเรื่อง คุณค่าของแผ่นดินสวรรค์ article
คำเทศนาเรื่อง คำอุปมาเรื่องแกะกับแพะ article
คำเทศนาเรื่อง : คริสเตียนที่ดี article
คำเทศนาเรื่อง : คริสเตียนที่พระเจ้าชมเชย article
คำเทศนาเรื่อง สองสิ่งที่มนุษย์ควรรู้ article
คำเทศนาเรื่อง การนมัสการที่พระเจ้าพอพระทัย article
คำเทศนาเรื่อง จงระลึกถึงพระผู้สร้างของท่าน article
คำเทศนาเรื่อง ผู้ที่จะได้รับพระพรของพระเจ้า article
คำเทศนาเรื่อง ให้เรารับพระพรของพระเจ้า article



Copyright © 2010 All Rights Reserved.