ReadyPlanet.com
dot
dot
แจ้งเพื่อรับข่าวสารจากเรา

dot
dot
ทีรันนัสดอทคอม
dot
bulletสารจากผู้อำนวยการ
bulletประวัติทีรันนัส
bulletติดต่อเรา
bulletแผนที่
bulletสมุดเซ็นเยี่ยม
bulletข่าวสารจากทีรันนัส
dot
หนังสือแยกเป็นหมวดหมู่
dot
bulletหมวด คริสเตียนศึกษา
bulletหมวด การเทศนา
bulletหมวด อธิบายพระคัมภีร์
bulletหมวด คู่มือศึกษาพระคัมภีร์
bulletหมวด ชีวิตคริสเตียน
bulletหมวด เพิ่มพูนคริสตจักร
bulletหมวด การสร้างสาวก
bulletหมวด การประกาศ-มิชชั่น
dot
สำนักพิมพ์ ทีรันนัส
dot
bulletสมัครเป็นสมาชิก
bulletสมัครเป็นผู้แทนจำหน่าย
bulletหนังสือใหม่ล่าสุด
bulletหนังสือขายดีติดอันดับ
bulletหนังสือพิมพ์ซ้ำ
bulletวิธีสั่งซื้อสินค้าจากเรา
bulletศูนย์รับแจ้งสินค้ามีปัญหา
bulletแนะนำร้านหนังสือคริสเตียน
dot
Phon Phaiboon Church
dot
bulletคำเทศนาของศิษยาภิบาล
bulletข่าวสารจากคริสตจักร
dot
เว็บอื่นๆ
dot
bulletLink ลิ้งค์ไปเว็บคริสเตียน
bulletwww.thaichristians.net


องค์การ gpinternational
สหกิจคริสเตียนแห่งประเทศไทย
เว็บข่าวสารคริสเตียนไทย ทั่วฟ้าเมืองไทย ไม่แบ่งแยกคณะ บทความ  คำเทศนา  เรื่องสั้น  บทกลอน  แจกโฮมเพจเพื่อคริสตจักรในท้องถิ่น.... ฟังคำเทษนาออน์ไลน์  ลิ้งค์ไปเว็บต่างของคริสเตียนทั่วโลก   แหล่งซื้อขายของคริสเตียน  สิ่งดีๆที่คุณไม่ควรพลาดในเว็บไทยคริสเ
สมาคมพระคริสตธรรมไทย
คริสตจักรพรไพบูลย์


คำเทศนาเรื่อง ให้เราเชื่ออย่างถูกต้อง article
                                        ฟีลิปปี 3.1-3

                                       "ให้เราเชื่ออย่างถูกต้อง"           เทศนาโดย  ศจ.ดร.จุงซิก คิม  

 

            มนุษย์เราทุกคนอยากจะมีชีวิตที่มีแต่ความชื่นชมยินดี  หากไม่ใช่ทุกคนมีชีวิตแบบนั้นได้   ความชื่นชมยินดีไม่ได้ขึ้นอยู่กับสิ่งแวดล้อม สถานการณ์ หรือสภาพภายนอก บางคนคิดว่า เมื่อเรามีเงิน มีบ้าน มีรถ หรือมีสิ่งที่เราอยากได้แล้ว ก็จะมีแต่ความชื่นชมยินดี    ถ้าอย่างนั้น เปาโลคงไม่มีโอกาสที่จะชื่นชมยินดี เพราะเปาโลกำลังเขียนจดหมายฉบับนี้จากเรือนจำที่กรุงโรม  เขาไม่มีอิสรเสรีภาพ แล้วจะชื่นใจได้อย่างไร  แต่เมื่อเราอ่าน ข้อที่ 1 ก็เห็นได้ว่า เปาโลมีความชื่นชมยินดีอย่างแท้จริง  ถ้าไม่มีความชื่นชมยินดีแล้ว เขียนข้อที่ 1 ไม่ได้   
          
 ท่าทีอย่างหนึ่งของชีวิตคริสเตียน คือ ชื่นชมยินดีในพระเยซูคริสต์อย่างต่อเนื่อง  เพื่อเราจะชื่นชมยินดีเสมอ เราต้องมีความเชื่อที่ถูกต้อง  เพราะความชื่นชมยินดีที่แท้จริงเกิดจากความเชื่อที่ถูกต้อง   ถ้าเราจะมีความเชื่อที่ถูกต้อง เราจำเป็นต้องรู้ว่า อะไรเป็นสิ่งที่ผิด และอะไรเป็นสิ่งที่ถูก

 1.   เราต้องรู้และระวังสิ่งที่ผิด (3.1 ข - 2)

      ในข้อ 1ข กล่าวไว้ว่า “การที่ข้าพเจ้าเขียนข้อความเหล่านี้ถึงท่านซ้ำอีก ก็หาเป็นการลำบากแก่ข้าพเจ้าไม่ และเป็นการปลอดภัยสำหรับท่านด้วย”  ที่นี่ ข้อความซ้ำอีกหมายถึงอะไร  คงหมายถึงสิ่งที่จะเตือนต่อไปตั้งแต่ข้อที่ 2   เมื่อเราดูข้อ 2 แล้ว เราจะพบวลีที่ว่า “จงระวัง”  สามครั้ง   เปาโลกำลังเตือนคริสเตียนให้ระวังความเชื่อที่ไม่ถูกต้องสามอย่าง  
        
1)   เราต้องระวังพวกสุนัข (2ก) 
         
สุนัขเป็นสัตว์ที่กินเศษอาหาร หรือขยะที่สกปรกตามถนน และกัดคนที่เดินผ่าน   ทุกครั้งพระคัมภีร์ใช้คำว่า“สุนัข” ในความหมายไม่ดี  มักจะใช้เป็นสัญลักษณ์ของความสกปรก  
        
พระเยซูทรงใช้คำว่า “สุนัข”  เพื่อชี้ให้เห็นถึงคนที่ขัดขวางความจริงของพระเจ้า โดยตรัส ว่า “อย่าให้ของประเสริฐแก่สุนัข” (มธ. 7.6)
       
พระธรรมฟีลิปปีตอนนี้ เปาโลได้ใช้คำนี้ในความหมายเดียวกัน   ในความหมายแคบ มันหมายถึงพวกลัทธิยิว   มนุษย์เราผู้เป็นคนบาปจะทำอะไรเพื่อตัวเองไม่ได้   เราจะได้รับความรอดโดยความเชื่อเท่านั้น  นี่เป็นพระคุณอันใหญ่หลวงที่มีต่อเรา  แต่ลัทธิยิวสอนว่า โดยความเชื่อเท่านั้น ไม่เพียงพอที่จะได้รับความรอด  ต้องรักษาธรรมบัญญัติด้วย  มีใครบ้างที่ได้รับความรอดโดยการกระทำของตน
       
ถ้าเราได้รับความรอดโดยการกระทำตามธรรมบัญญัติเหมือนที่พวกลัทธิยิวสอน  ความรอดนั้นไม่ได้เป็นพระคุณของพระเจ้า  เปาโลบอกอย่างชัดเจนว่า  เราได้รับความรอดโดยพระคุณเพราะความเชื่อ   มิใช่โดยการกระทำของเราเอง (เอเฟซัส 2.8)  ดังนั้นคำสอนของลัทธิยิวไม่ถูกต้อง
        
พวกลัทธิยิวได้ข่มเหงอัครทูตของพระเยซู โดยเฉพาะเปาโลในทุกแห่งทุกหน เพราะไม่เหมือนกับเขา   โดย ทั่วไปแล้ว สุนัข หมายถึง คนที่แปลความอย่างผิด และขัดขวางความจริงในพระคัมภีร์ เช่น พวกลัทธิยิว  เปาโลเตือนให้ระวังพวกลัทธิยิว  เราต้องเฝ้าระวังพวกเหล่านี้เสมอ  เพราะเขาเป็นพวกที่แปลความในพระคัมภีร์ผิด พวกเหล่านี้มีทุกยุคทุกสมัย ไม่ใช่เพียงแต่ในสมัยอาจารย์เปาโลเท่านั้น   ถ้าเราไม่ระวังมีโอกาสที่จะล้มลงได้ 
        
2)   เราต้องระวังคนงานที่ชั่ว (2ข)
          
คำว่า “คนที่ทำชั่ว” หมายถึง “คนงานที่ชั่ว”   คนประเภทนี้มีอยู่เสมอทั้งภายในและภายนอกคริสตจักร   บางครั้งคนเหล่านี้ทำงานด้วยความขยัน   รูปภายนอกของคนเหล่านั้น ดูเหมือนว่าเป็นแบบอย่างที่ดีได้   แต่คนเหล่านี้เป็นคนชั่ว  ถึงดูเหมือนว่า ลักษณะภายนอกของคนเหล่านั้นบริสุทธิ์ แต่ทิศทางที่กำลังมุ่งไปนั้นผิดแล้ว   ผลของการกระทำของคนเหล่านั้นได้ขัดขวางพระคุณของพระเจ้า  คงไม่มีอะไรที่อันตรายมากกว่าความขยันที่ได้ถูกนำไปในทางที่ผิด  
        เราต้องระวังคนประเภทนี้ ยิ่งกว่านั้น เราต้องพิจารณาตัวเองว่า เราเป็นคนเช่นนั้นหรือไม่โดยไม่รู้สึกตัวเอง   เพราะว่า การทำงานด้วยความขยันเป็นเรื่องที่สำคัญมาก แต่ที่สำคัญกว่านั้น คือ ทิศทางที่ถูกต้อง   ความกระตือรือร้นที่ปราศจากความเข้าใจพระคัมภีร์ไม่ได้สร้างงานของพระเจ้า แต่ตรงกันข้าม มักจะทำลายงานของพระองค์   คนที่มีความกระตือรือร้น  แต่ไม่มีความรู้ก็เปรียบเหมือนกับ  การสร้างตึกสูง แต่ไม่มีรากมั่นคง  ตรงกันข้าม คนที่มีความรู้แต่ไม่มีความกระตือรือร้น ก็เปรียบเหมือนกับว่า วางรากลงแต่ไม่ได้สร้างตึก  ทั้งสองก็ไม่ดี   เราต้องมีความสมดุลระหว่างสองสิ่งนี้  
         
 3)   เราต้องระวังพวกเชือดเนื้อเถือหนัง (2ค)
          
คำว่า "การเชือดเนื้อเถือหนัง" หมายถึง การเข้าสุหนัตฝ่ายเนื้อหนังเท่านั้น โดยไม่คำนึงถึงความหมายของพิธีเข้าสุหนัต   คือการเข้าสุหนัตที่ไม่ถูกต้อง  แท้จริงแล้ว การเข้าสุหนัตเป็นพิธีที่ตัดหนังหุ้มปลายองคชาตของผู้ชายชาวอิสราเอล เป็นสัญลักษณ์แห่งพันธสัญญาที่พระเจ้าทรงทำกับอับราฮัมว่า พระองค์จะเป็นพระเจ้าของอับราฮัม จะทำให้ลูกหลานของอับราฮัมทวีมากขึ้นเป็นชนชาติใหญ่ ซึ่งจะเป็นประชากรของพระเจ้า และจะประทานแผ่นดินคานาอันเป็นมรดก   พิธีสุหนัตนี้เป็นเครื่องหมายถาวรที่อยู่ในร่างกายของผู้ชายชาวอิสราเอลทุกคน   แสดงถึงความมั่นคงของพันธสัญญาและความบริสุทธิ์   ดังนั้น ทุกคนที่เป็นเชื้อสายของอับราฮัมจึงต้องเขาสุหนัต เพราะเขาเป็นประชากรของพระเจ้า
       
เมื่อคนยิวกระทำพิธีเข้าสุหนัตให้แก่คนยิว  เปาโลไม่ว่า แต่บังคับให้ผู้ที่เชื่อในพระเยซูเข้าสุหนัตด้วยนั้น  เปาโลไม่เห็นด้วย  เพราะการกระทำเช่นนี้ ก็เหมือนกับว่า เอาพระคุณมาปะปนกับธรรมบัญญัติ  การนั้นเป็นการขัดขืน และเป็นที่เสียหายต่อพระคุณที่แท้จริง   สำหรับคนที่เชื่อแล้ว การกระทำเช่นนี้ ไม่มีความหมายอะไรเลย   ยิ่งกว่านั้น การเข้าสุหนัตเป็นเครื่องหมายแห่งการเชื่อฟังด้วย  ฉะนั้น เข้าสุหนัตแล้วแต่ไม่เชื่อฟังพระเจ้า จึงไม่ดีกว่าคนที่ไม่เข้าสุหนัต เหมือนกับว่า เขาเข้าสุหนัตฝ่ายเนื้อหนัง แต่ไม่ได้เข้าสุหนัตฝ่ายจิตใจ  พระเจ้าทรงพอพระทัยคนที่ไม่เข้าสุหนัตแต่เชื่อฟังพระองค์มากกว่าคนที่เข้าสุหนัตแต่ไม่เชื่อฟัง   
          
เราต้องระวังสิ่งเหล่านี้เสมอ  ในปัจจุบันนี้ คงไม่มีคนที่สอนเรื่องเกี่ยวกับการเข้าสุหนัตฝ่ายเนื้อหนังในคริสตจักร  แต่คำสอนที่คล้ายคลึงกันยังถูกปฏิบัติอยู่   การเพิ่มสิ่งอื่นๆ มาทับกับพระคุณเป็นการกระทำแห่งการเข้าสุหนัตฝ่ายเนื้อหนัง   ความเชื่อคริสเตียนไม่ได้อยู่ที่พิธี หรือพิธีกรรมทางศาสนา แต่อยู่ที่ชีวิตประจำวัน  พิธีทางศาสนาสำคัญและมีความหมาย   เมื่อเราปฏิบัติด้วยความเข้าใจความหมายของพิธีนั้นอย่างถูกต้องและชัดเจน   "เพราะพระเจ้าทอดพระเนตรไม่เหมือนกับที่มนุษย์มองดู  มนุษย์ดูแต่รูปร่างภายนอก แต่พระเจ้าทอดพระเนตรจิตใจ" (1ซามูเอล 16.7)   

 
2.   เราต้องรู้จักสิ่งที่ถูกต้อง (3.3)

        ถ้าเราจะมีความเชื่อที่ถูกต้อง เราต้องรู้จักสิ่งที่ถูกต้อง ไม่ใช่เพียงแต่รู้จักสิ่งที่ผิดเท่านั้น   อะไรเป็นสิ่งที่ถูกต้องที่เราควรรู้ เปาโลได้พูดถึงสองประการ
       
 2.1)  เราต้องเข้าสุหนัตฝ่ายจิตวิญญาณ ไม่ใช่เข้าสุหนัตฝ่ายเนื้อหนัง  
             
การเข้าสุหนัตแท้ ไม่ใช่การตัดผิวหนัง แต่เป็นการทิ้งความบาปจากจิตใจของเรา   ในสมัยพันธสัญญาเดิมนั้น   คนยิวต้องเข้าสุหนัตเป็นสัญลักษณ์แห่งเชื้อสายอับราฮัม เป็นสัญลักษณ์แห่งประชากรของพระเจ้า แต่ในสมัยพันธสัญญาใหม่ การตัดผิวหนังนั้นไม่มีความหมายสำหรับคริสเตียน  สิ่งที่ต้องการสำหรับคริสเตียนในปัจจุบัน คือสุหนัตฝ่ายจิตใจ ไม่ใช่สุหนัตฝ่ายเนื้อหนัง  คือตัดราคะตัญหาทางจิตใจที่นำเราไปสู่ความบาปทิ้งเสีย  นี่แหละเป็นสุหนัตแท้   สิ่งนี้เกิดขึ้นได้ก็ต่อเมื่อเราบังเกิดใหม่โดยพระวิญญาณบริสุทธิ์  นี้เป็นการเข้าสุหนัตแท้ในพันธสัญญาใหม่ 
         
2.2) คนที่ได้รับการเข้าสุหนัตฝ่ายจิตวิญญาณมีลักษณะพิเศษบางประการ
            
ประการแรก  เขานมัสการพระเจ้าด้วยจิตวิญญาณ   คนที่ได้เข้าสุหนัตฝ่ายจิตใจโดยการบังเกิดใหม่ด้วยพระวิญญาณบริสุทธิ์และน้ำจะนมัสการพระเจ้าด้วยจิตวิญญาณและความจริง  เพราะพระเจ้าทรงแสวงหาผู้นมัสการพระเจ้าอย่างถูกต้อง   การนมัสการอย่างถูกต้อง คือนมัสการพระเจ้าด้วยจิตวิญญาณและความจริง   การนมัสการพระเจ้าด้วยจิตวิญญาณและความจริงนั้นไม่เกี่ยวกับพิธีกรรมภายนอก  สิ่งที่พระเจ้าต้องการ คือจิตใจของเรา ไม่ใช่พิธีกรรมภายนอก  รูปแบบที่ปราศจากเนื้อหานั้นไม่มีความหมายอะไร
          
เราเป็นอย่างไร  เรานมัสการพระเจ้าจริงๆ  หรือเพียงมองดูการนมัสการเท่านั้น  การสรรเสริญพระเจ้าและการอธิษฐานของเราเป็นการพูดแต่ปากของเราอย่างไร้ความหมายหรือไม่ 
          
ประการที่สอง  คนที่เข้าสุหนัตฝ่ายจิตวิญญาณนั้น มักจะอวดพระเยซูคริสต์  คนที่เข้าสุหนัตฝ่ายจิตใจของเขาโดยพระวิญญาณบริสุทธิ์นั้น เข้าใจแล้วว่าไม่มีอะไรน่าอวดในเนื้อหนังของเขา  การที่เราได้รับความรอด ไม่ใช่เพราะเราฉลาด หรือดี แต่โดยพระคุณของพระเจ้า 
         
ประการที่สาม ไม่ได้ไว้วางใจในเนื้อหนัง  เขารู้ดีว่า ในเนื้อหนังของเขานั้น ไม่มีอะไรที่ไว้ใจได้  คำว่า เนื้อหนังที่นี่ หมายความว่า  ชีวิตเก่า หรือนิสัยเก่าที่ไม่ได้รับการทรงนำของพระวิญญาณบริสุทธิ์   คนที่พยายามทำด้วยตนเอง คือคนที่ไว้ใจในเนื้อหนังนั้น ไม่เกี่ยวข้องกับแผ่นดินของพระเจ้า  พระเจ้าไม่ได้ทรงใช้คนเหล่านั้น  พระคัมภีร์บอกว่า  “จิตวิญญาณเป็นที่ให้มีชีวิต ส่วนเนื้อหนังไม่มีประโยชน์อันใด...” (ยอห์น 6.63)   ถ้าไม่มีความเชื่อ ไม่ได้ไว้วางใจในพระเจ้าแล้ว จะเป็นที่พอพระทัยของพระเจ้าก็ไม่ได้ 
        
เราเป็นอย่างไร   เราอวดเนื้อหนังของเราหรือไม่   เราอวดรูปร่างภายนอกของเราหรือไม่  เราอวดการศึกษา หรือปริญญาของเราหรือไม่  เราพยายามแสดงฐานะของเราให้คนอื่นเห็นหรือไม่  เรามักจะแสดงความร่ำรวยของเราให้คนอื่นเห็นหรือไม่
      
ให้เรามีความเชื่อที่ถูกต้องโดยการระวังคำสอนและผู้สอนผิด คนที่เอียงไปข้างใดข้างหนึ่งเกินไป  และคนที่เน้นพิธีกรรมโดยไม่ได้คำนึงถึงความหมาย  และโดยความเข้าใจ การเข้าสุหนัตแท้และลักษณะพิเศษของคนที่เข้าสุหนัตแท้  แล้วเราจะมีชีวิตที่เต็มไปด้วยความชื่นชมยินดีได้เสมอ


12-10(Page1)  9-7(Page2)  |  6-4(Page3)


 




Map - Introduce

แนะนำร้านหนังสือคริสเตียนอื่นๆ article
แผนที่ศูนย์ทีรันนัส article



Copyright © 2010 All Rights Reserved.