ReadyPlanet.com
dot
dot
แจ้งเพื่อรับข่าวสารจากเรา

dot
dot
ทีรันนัสดอทคอม
dot
bulletสารจากผู้อำนวยการ
bulletประวัติทีรันนัส
bulletติดต่อเรา
bulletแผนที่
bulletสมุดเซ็นเยี่ยม
bulletข่าวสารจากทีรันนัส
dot
หนังสือแยกเป็นหมวดหมู่
dot
bulletหมวด คริสเตียนศึกษา
bulletหมวด การเทศนา
bulletหมวด อธิบายพระคัมภีร์
bulletหมวด คู่มือศึกษาพระคัมภีร์
bulletหมวด ชีวิตคริสเตียน
bulletหมวด เพิ่มพูนคริสตจักร
bulletหมวด การสร้างสาวก
bulletหมวด การประกาศ-มิชชั่น
dot
สำนักพิมพ์ ทีรันนัส
dot
bulletสมัครเป็นสมาชิก
bulletสมัครเป็นผู้แทนจำหน่าย
bulletหนังสือใหม่ล่าสุด
bulletหนังสือขายดีติดอันดับ
bulletหนังสือพิมพ์ซ้ำ
bulletวิธีสั่งซื้อสินค้าจากเรา
bulletศูนย์รับแจ้งสินค้ามีปัญหา
bulletแนะนำร้านหนังสือคริสเตียน
dot
Phon Phaiboon Church
dot
bulletคำเทศนาของศิษยาภิบาล
bulletข่าวสารจากคริสตจักร
dot
เว็บอื่นๆ
dot
bulletLink ลิ้งค์ไปเว็บคริสเตียน
bulletwww.thaichristians.net


องค์การ gpinternational
สหกิจคริสเตียนแห่งประเทศไทย
เว็บข่าวสารคริสเตียนไทย ทั่วฟ้าเมืองไทย ไม่แบ่งแยกคณะ บทความ  คำเทศนา  เรื่องสั้น  บทกลอน  แจกโฮมเพจเพื่อคริสตจักรในท้องถิ่น.... ฟังคำเทษนาออน์ไลน์  ลิ้งค์ไปเว็บต่างของคริสเตียนทั่วโลก   แหล่งซื้อขายของคริสเตียน  สิ่งดีๆที่คุณไม่ควรพลาดในเว็บไทยคริสเ
สมาคมพระคริสตธรรมไทย
คริสตจักรพรไพบูลย์


คำเทศนาเรื่อง ชัยชนะเหนือความกลัว article

2 พงศาวดาร 20.1-4,20-23

“ชัยชนะเหนือความกลัว”

โดย อ.ชุรีพร แสงเพชรไพบูรณ์

         ความกลัวไม่ได้ติดเรามาโดยกำเนิด แต่ความกลัวเกิดจากความคิด ทางสมองของมนุษยฺที่คิดสร้างขึ้นมาเอง หรือเกิดจากการจินตนาการของเรา แต่ให้เรามั่นใจในฤทธิ์อำนาจแห่งชัยชนะของพระเจ้า ที่ทรงชัยชนะเหนือความกลัวทุกสิ่งของมนุษย์

           จากพระวจนะของพระเจ้าในพระธรรม 2 พงศศาวดาร 20.1-4,20-23 ได้ชี้ให้เราเห็นถึง “เคล็ดลับ” คนของพระเจ้าที่มีชัยชนะเหนือความกลัวด้วยกันอย่างน้อง 3 ประการดังนี้

เคลัดลับประการที่ 1 ต้องพึ่งพระเจ้า (3-4)

           “และเยโฮชาฟัทก็กลัว และมุ่งแสวงหาพระเจ้า และทรงประกาศให้อดอาหารทั่วยูดาห์ และยูดาห์ได้ชุมนุมกันแสวงหาความช่วยเหลือจากพระเจ้า เขาทั้งหลายพาหันมาจากหัวเมืองทั้งสิ้นแห่งยูดาห์ เพื่อแสวงหาพระเจ้า”

            คำว่า “พึ่ง” ในที่นี้ หมายถึง การพักอาศัย การพักพิง เมื่อมีคนมาทูลกษัตริย์เยโอชาฟัทว่ามีคนหมู่ใหญ่จะมาสู้รบกับกษัตริย์เยโฮชาฟัท จากเอโดม คือคนโมอับ และคนอัมโมน และคนเมอูนี กษัตริย์เยโฮชาฟัทกลัวมาก เพราะพระองค์รู้ว่ากองทัพกำลังของพระองค์ไม่สามารถที่จะต่อสู้กับกองทัพมหึมานี้ได้แน่ และพระองค์ก็ไม่รู้ว่าจะทำยังไงต่อไปได้ด้วยกำลังความรู้ของพระองค์ได้ แต่สิ่งหนึ่งที่พระองค์ทำคือ ได้คิดถึงพระเจ้าก่อนเป็นอันดับแรก และขอพึ่งพระเจ้า ขอพระเจ้าช่วยประชาชนของพระองค์และประเทศชาติของพระองค์

            ในพระธรรม 2 พศด. 13:8 กล่าวว่า “นี่แหละคนอิสราเอลก็ถูกปราบปราม ในครั้งนั้น และยูดาห์ก็ชนะ เพราะเขาพึ่งพระเยโฮวาห์พระเจ้า

             ดังนั้นการพึ่งพระเจ้า เราต้องพึ่งพระเจ้าด้วยสุดจิตสุดใจของเรา พึ่งพระเจ้าเหมือนกษัตริย์เยโฮชาฟัทพึ่ง

             พี่น้องทั้งหลายเราซึ่งเป็นคนของพระเจ้าที่มีชัยชนะเหนือความกลัวที่ต้องพึ่งพระเจ้าใน “เคล็ดลับ” ประการที่ 1

1.1ด้วยการแสวงหาพระเจ้า (3-4)

           ในพระธรรมมัทธิว 6:33 กล่าวว่า “จงแสวงหาแผ่นดินของพระเจ้า และความชอบธรรมของพระองค์ก่อน แล้วพระองค์จะทรงเพิ่มเติมสิ่งทั้งปวงเหล่านี้ให้” พระเจ้าทรงได้ท้าทายเราให้แสวงหาสิ่งดีจากพระเจ้าก่อน คำว่า “แสวงหา” ในที่นี้หมายถึง การเที่ยวหา การค้นหา และการเสาะหา

            กษัตริย์เยโฮชาฟัทได้แสวงหาพระเจ้าก่อนใครอื่นใด แทนที่พระองค์น่าจะไปหาผู้ใหญ่ หาคำปรึกษาจากผู้ใหญ่ แต่ท่านได้แสวงหาพระเจ้า แสวงหนทางการแก้ไขจากพระเจ้า แสวงหาวิธีการจากพระเจ้า แสวงหาการช่วยกู้จากพระเจ้า แสวงหาอิทธิฤทธิ์การต่อสู้ของพระเจ้า กษัตริย์เยโฮชาฟัทรอคอยพระเจ้า จดจ่อที่พระเจ้า และพระองค์ได้ให้ยูดาห์ชุมนุมกันเข้ามาแสวงหาพระเจ้า หาความช่วยเหลือจากพระเจ้า ขอพระเจ้าช่วย

          ในพระธรรม ฉธบ. 4:29 กล่าวว่า “ณ ที่นั้นแหละท่านทั้งหลายจะแสวงหาพระเยโฮวาห์ พระเจ้าของท่าน ถ้าพวกท่านค้นหาพระองค์ด้วยสุดจิตสุดใจ พวกท่านจะพบพระองค์” ชนชาติอิสราเอลแสวงหาพระเจ้าและพบพระเจ้า กษัตริย์เยโฮชาฟัทแสวงหาพระเจ้าและก็พบพระเจ้า

          โยบ 5:8 “ ส่วนข้า ข้าจะแสวงหาพระเจ้าและข้าจะมอบเรื่องราวของข้ากับพระเจ้า” กษัตรริย์เยโฮชาฟัทแสวงหาพระเจ้าและมอบเรื่องความทุกข์ความกลัวให้กับพระเจ้าเหมือนโยบที่มอบเรื่องราวของตนให้กับพระเจ้า

          สดด. 105:4 “จงแสวงหาพระเจ้า และพระกำลังของพระองค์ แสวงหาพระพักตร์ของพระองค์เรื่อยไป” กษัตริย์เยโฮชาฟัทแสวงหาพระเจ้าเพื่อขอพระกำลังจากพระเจ้า และพระเจ้าประทานกำลังใจให้ว่า อย่าได้กลัวเลย เพราะกำลังทุกอย่างมาจากพระเจ้า

       พี่น้องค่ะเราแสวงหาพระเจ้า เราพบพระเจ้า เราแสวงหาพระเจ้า พระเจ้าช่วยเราจริง ยิ่งกว่านั้นสักเท่าไรที่เราต้องแสวงหาพระเจ้าด้วยการอยากรู้จักกับพระเจ้ามากยิ่งขึ้น ให้เรามุ่งแสวงหาพระเจ้าเพื่อที่เราจะได้พบพระเจ้าของเรา

1.2 ด้วยการอดอาหารอธิษฐาน

         คำว่า “อดอาหาร” นี้หมายถึง การบังคับใจตนเอง ไม่ให้กินดื่มอะไรเลย และคำว่า“อธิษฐาน” นี้ได้หมายถึง ความตั้งใจ การจดจ่อในสิ่งที่ทูลขอต่อพระเจ้า เป็นการสนทนากับพระเจ้า เป็นการขอบพระคุณพระเจ้า เป็นการสรรเสริญพระเจ้า เมื่อเอาทั้งสองคำนี้มารวมกันเป็นหนึ่ง คือ “อดอาหารอธิษฐาน” ได้ให้ความหมายว่า การเอาจริงเอาจัง หรือความจริงจังในการอธิษฐานต่อพระเจ้าในข้อที่ 3-4กล่าวว่า “และเยโฮชาฟัทก็กลัว และมุ่งแสวงหาพระเจ้า และทรงประกาศให้อดอาหารทั่วยูดาห์ และยูดาห์ได้ชุมนุมกันแสวงหาความช่วยเหลือจากพระเจ้า เขาทั้งหลายพาหันมาจากหัวเมืองทั้งสิ้นแห่งยูดาห์ เพื่อแสวงหาพระเจ้า” กษัตริย์เยโฮชาฟัทได้อดอาหารอธิษฐานทูลต่อพระเจ้าอย่างจริงจังและจริงใจของพระองค์ พระองค์ได้ประกาศให้ชนชาติยูดาห์อดอาหารอธิษฐานด้วย และทุกคนก็มาชุมนุมกันเป็นหนึ่งเดียวอธิษฐานต่อพระเจ้า กษัตริย์เยโฮชาฟัทยอมรับความอ่อนแอของพระองค์เอง และอดอาหารอธิษฐานขอพระเจ้าช่วย การอดอาหารอธิษฐานต้องอธิษฐานมาจากใจที่บริสุทธิ์ อดอาหารอธิษฐานตามน้ำพระทัยพระเจ้า อดอาหารอธิษฐานอย่างจริงใจต่อพระเจ้า อดอาหารอธิษฐานด้วยความยำเกรงพระเจ้า และอดอาหารอธิษฐานด้วยความถ่อมใจต่อพระพักตร์พระเจ้า ดังนั้นการอดอาหารอธิษฐานต้องตัดสินใจในที่ยุ่งยาก หรือเมื่อเผชิญการต่อต้านอย่างรุนแรงของซาตาน ทั้งนี้การอดอาหารอธิษฐานเป็นการแยกตัวออกมาจากธุระประจำวันเพื่อทุ่มเทจิตใจทั้งหมดให้กับสิ่งสำคัญ

2. ต้องยึดมั่นในความยิ่งใหญ่ของพระเจ้า (ข้อ 20)

            คำว่า “ยึดมั่น” ในที่นี้หมายถึงยึดถือเอาไว้ เหนี่ยวรั้งไว้

            เมื่อกษัตริย์เยโฮฃาฟัทได้รับการหนุนใจจากผู้รับใช้ของพระเจ้าว่า “อย่ากลัวเลย” และ “อย่าท้อถอย” “แต่ให้เข้าประจำที่และยืนนิ่งคอยดูชัยชนะของพระเจ้าเพื่อท่าน (ข้อ15-17) ในข้อที่ 20 “และเขาทั้งหลายได้ลุกขึ้นแต่เช้าและออกไปในถิ่นทุรกันดารถึงเทโคอา และเมื่อเขาออกไป เยโฮชาฟัทประทับยืนและตรัสว่า ยูดาห์และชาวเยรูซาเล็มเอ๋ย จงฟังข้าพเจ้า จงวางใจพระเยโฮวาห์พระเจ้าของท่าน และท่านจะตั้งมั่นคงอยู่ จงเชื่อบรรดาผู้เผยพระวจนะของพระองค์ และท่านจะสำเร็จผล” กษัตริย์เยโฮชาฟัทเปลี่ยนท่าทีจากความกลัวเป็นท่าทีแห่งความกล้าหาญเชื่อมั่นในความยิ่งใหญ่ของพระเจ้า พระองค์ไม่ได้กลัวต่อสถานการณ์ที่กำลังจะเกิดขึ้น แต่พระองค์พร้อมที่จะเผชิญกับมันด้วยพระกำลังของพระเจ้า ในพระธรรม ฟป. 4.1 กล่าวว่า “เหตุฉะนั้นพี่น้องทั้งหลายของข้าพเจ้า ผู้เป็นที่รัก เป็นที่ปรารถนา เป็นที่ยินดี และเป็นมงกุฎของข้าพเจ้า พวกที่รักของข้าพเจ้าจงยึดมั่นในองค์พระผู้เป็นเจ้าเถิด”

            พี่น้องทั้งหลายคนงานของพระเจ้าที่มีชัยชนะเหนือความกลัว ต้องยึดมั่นในความยิ่งใหญ่ของพระเจ้าใน “ลักษณะ” ประการที่ 1

2.1วางใจพระเจ้า (20 ก)

            คำว่า “วางใจ” นี้หมายถึง เชื่อใจ ไว้ใจ ในพระธรรม สดด. 21.7 กล่าวว่า “เพราะพระราชาวางใจในพระเจ้า ด้วยความรักมั่นคงของพระองค์ของผู้สูงสุด ท่านจะไม่หวั่นไหวเลย” สดด. 56.11 ในพระเจ้าข้าพระองค์วางใจอย่างปราศจากความกลัวคนจะทำอะไรแก่ข้าพระองค์ได้”

           เมื่อกษัตริย์เยโฮฃาฟัทได้รับการหนุนใจให้เข้มแข็ง กษัตริย์เยโฮชาฟัทได้ท้าทายประชาชนยูดาห์ให้วางในพระเจ้าด้วยสุดใจ เมื่อพระองค์ได้วางใจในพระเจ้า และพระองค์ก็มีความมั่นใจ มั่นคงในพระเจ้า ทำให้พระองค์กล้าในสถานการณ์ที่เลวร้ายที่เราแก้ไขไม่ได้ ให้เราวางใจพระเจ้า เพราะความกลัวที่เรากลัวนั้นไม่ได้ช่วยเราให้ได้ชัยชนะเลย มีแต่ความพ่ายแพ้

          พี่น้องทั้งหลายการวางใจพระเจ้าคือ วางใจทั้งหมดใจของเราไม่กลัวต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น แต่กล้าเผชิญต่อความจริงที่เกิดขึ้น ในพระธรรม 115.9 กล่าวว่า “อิสราเอลเอ๋ยจงวางใจในพระเจ้าเถิด พระองค์ทรงเป็นความอุปถัมภ์และเป็นโล่ของเขาทั้งหลาย” พระธรรมสภษ.3.5 กล่าวว่า “จงวางใจพระเจ้าด้วยสิ้นสุดใจของเจ้า และอย่าพึ่งพาความรอบรู้ของตนเอง”

2.2 เชื่อฟังพระวจนะ (20 ข)

         คำว่า “เชื่อฟัง” ในภาษากรีกหรือภาษาเดิม หมายถึงการยอมอยู่ใต้ การยอมเชื่อฟังทุกประการ ในภาษาอังกฤษอ่านว่า Obedience หมายถึงการทำตาม หรือการประพฤติตามคำสั่งสอน ในพระธรรม อพยพ 18.24 กล่าวว่า “โมเสสเชื่อฟังถ้อยคำของพ่อตา และทำตามที่พ่อตาแนะนำทุกประการ” และในพระธรรม 1พกษ12.24 “เหตุฉะนี้เขาจึงเชื่อฟังพระวจนะของพระเจ้า และกลับไปบ้านเสียตามพระวจนะของพระเจ้า”

        กษัตริย์เยโฮชาฟัทได้ชัยชนะเหนือความกลัว พระองค์ได้ยึดมั่นในความยิ่งใหญ่ของพระเจ้าโดยการเชื่อฟังพระวจนะของพระเจ้าและทำตามนั้น คือไม่กลัว และเข้มแข็งขึ้นในพระเจ้า และทั้งประชาชนยูดาห์ด้วยที่ได้เชื่อฟังพระวจนะของพระเจ้าร่วมกัน

        ในพระธรรม ฮบ.4.12 กล่าวว่า “เพราะว่าพระวจนะของพระเจ้านั้นไม่ตายและทรงพลานุภาพอยู่เสมอ คมยิ่งกว่าดาบสองคมใดๆ แทงทะลุกระทั่งจิตและวิญญาณตอลดข้อกระดูก และสามารถวินิจฉัยความคิดและความมุ่งหมายในใจด้วย” พระวนจะของพระเจ้ามีฤทธิ์เดชเมื่อเชื่อฟังพระวจนะของพระเจ้า สามารถพลิกผันเหตุการณ์ที่ดูเหมือนจะพ่ายแพ้ให้เป็นเหตุการณ์แห่งชัยชนะ พระวจนะของพระเจ้าได้กล่าวแล้วทำจริงและสำเร็จจริงดังที่พระเจ้าได้ตรัสนั้น ขอเพียงเราเชื่อฟังพระวจนะเท่านั้น แล้วเราจะได้รับชัยชนะเหนือความกลัว

3. ต้องนมัสการพระเจ้า (21-23 )

          คำว่า “นมัสการ และคำว่า “กราบ” ในภาษาเดิมมาจากคำเดียวกัน หมายถึง การที่คนที่มีฐานะที่ต่ำกว่าคุกเข่าแสดงความเคารพต่อผู้ที่มีฐานะที่สูงกว่า การที่มนุษย์นมัสการก็เป็นในทำนองเดียวกันด้วยมนุษย์ถ่อมลงนมัสการพระเจ้าในที่สูงสุด เพื่อถวายเกียรติแด่พระเจ้า ยำเกรงพระเจ้า ถวายความรักต่อพระเจ้า ปฐก.24.26 “ชายนั้นก็กราบลงนมัสการพระเจ้า”

         เหตุผลที่เราต้องนมัสการพระเจ้า.....

3.1เพราะพระเจ้าทรงเป็นความรัก (21)

         “และเมื่อพระองค์ได้ปรึกษากับประชาชนแล้ว พระองค์ได้ทรงแต่งตั้งบรรดาผู้ที่จะร้องเพลงถวายพระเจ้า และแต่งกายด้วยเครื่องบริสุทธิ์สรรเสริญพระองค์ ขณะเมื่อเขาเดินออกไปหน้าศัตรู และว่า จงถวายโมทนาแด่พระเจ้าเพราะความรักมั่นคงของพรองค์ดำรงอยู่เป็นนิตย์” และพระธรรม 1ยน. 4.8 กล่าวว่า “ผู้ที่ไม่รักก็ไม่รู้จักพระเจ้า เพราะว่าพระเจ้าทรงเป็นความรัก” ในภาษกรีก คำว่า “รัก” อ่านว่า “อากาเป” หมายถึง ความรักที่บริสุทธิ์ เต็มไปด้วยความหวังดี เป็นความปรารถนาดีต่อผู้อื่นโดยไม่หวังสิ่งใดตอบแทน เป็นการเสียสละเพื่อผู้อื่น ความรักแบบนี้ เราจะเห็นได้จากชีวิตของพระเยซูคริสต์ เช่นในพระธรรม ยน. 3.16 กล่าวว่า “เพราะพระเจ้าทรงรักโลกจนได้ทรงประทานพระบุตรองค์เดียวของพระองค์เพื่อทุกคนที่วางใจในพระบุตรนั้นจะไม่พินาศ แต่มีชีวิตนิรันดร์” การนมัสการพระเจ้า เพราะพระเจ้าทรงเป็นความรักพระเจ้าทรงได้ทรงสำแดงความรักของพระองค์เองเพื่อช่วยกู้ชนชาติอิสราเอลให้รอดจากมือศัตรูทั้งปวง (ปฐก.24.12) กษัตริย์เยโฮชาฟัทได้รับความรักจากพระเจ้าที่มีต่อท่าน และประชากรของท่าน เพราะพระเจ้ารักท่านและประชากรของท่าน เพราะพระเจ้าทรงเป็นความรัก พระเจ้าช่วยคนอิสราเอล เพราะพระเจ้าเป็นความรักพระองค์จึงเอาใจใส่ชนชาติของพระองค์ เพราะพระเจ้าเป็นความรัก พระองค์จึงทรงห่วงใยคนของพระองค์ เพราะพระเจ้าเป็นความรัก พระองค์จึงไม่เคยที่จะทอดทิ้งคนของพระองค์เลยสักครั้งเหตุผลที่เราต้องนมัสการพระเจ้า...

3.2 เพราะพระเจ้าทรงเป็นความรอด (22)

        “และเมื่อเขาทั้งหลายตั้งต้นการร้องเพลงสรรเสริญ พระเจ้าทรงจัดกองซุ่มคอยต่อสู้กับคนอัมโมน โมอับ และชาวภูเขาเสอีร์ ผู้ที่ได้เข้ามาต่อสู้ยูดาห์ดังนั้นเขาทั้งหลายจึงแตกพ่ายไป”

         ความรอดในพระคัมภีร์เดิม หมายถึง การปลดปล่อยหรือการช่วยให้รอดพ้นจากภยันอันตราย และโรคภัยไข้เจ็บต่างๆ เช่นพระเจ้าจะทรงช่วยชนชาติอิสราเอลให้พ้นจากการตรากตรำจากชาวอียิปต์ที่ข่มเหงชนชาติอิสราเอล (สดด.6.2) ส่วนในพระคัมภีร์ใหม่ หมายถึงการทรงไถ่ ผู้เชื่อทั้งหลายให้รอดพ้นจากโทษ บาป คือ ความตายเข้าสู่ชีวิตนิรันดร์ และสันติสุขโดยทางพระเยซูคริสต์เท่านั้น (1ธส.5.9)เพราะว่าพระเจ้าทรงเป็นความรอด และพระองค์ทรงจัดซุ่มกับคนอัมโมน คนโมอับ และชาวภูเขาเสอีร์ แทนกษัตริย์เยโฮชาฟัท และศัตรูของของกษัตริย์เยโฮชาฟัทก็พ่ายแพ้ไป และศัตรูก็เกิดการทำลายกันและกัน การช่วยกู้ให้รอดของพระเจ้าไม่ใช่เพราะเราทำดี การช่วยให้รอดของพระเจ้าไม่ใช่เพราะเราขยันหมั่นเพียร ไม่ใช่เพราะเรามีความกระตือรือร้นในพระเจ้า ไม่ใช่เพราะเราดีฝ่ายจิตวิญญาณ แต่การช่วยกู้ให้รอดของพระเจ้า เพราะพระคุณพระเจ้าที่มีต่อเรา ต่างหากที่ทรงประทานให้เราอย่างฟรีๆ ในพระธรรมเอเฟซัส 2.8-9 กล่าวว่า “ด้วยว่าซึ่งท่านทั้งหลายรอดนั้นก็รอดโดยพระคุณเพราะความเชื่อ และมิใช่โดยตัวท่านกระทำเอง แต่พระเจ้าทรงประทานให้ ความรอดนั้นจะเนื่องด้วยการกระทำก็หามิได้ เพื่อมิให้คนหนึ่งคนใดอวดได้”

         พี่น้องทั้งหลายเราจะมีชัยชนะเหนือความกลัวไม่ได้ขึ้นอยู่กับหลักจิตวิทยา ปรัชญา หรือวิถีคิดที่ชาญฉลาดใดๆ แต่การที่เราจะมีชัยชนะเหนือความกลัวได้อย่างลึกซึ้งนั้น คือ 1.เราต้องพึ่งพระเจ้า 2. เราต้องยึดมั่นในความยิ่งใหญ่ของพระเจ้า 3. เราต้องนมัสการพระเจ้า

ขอพระเจ้าช่วยเหลือเรามีคำหนึ่งกล่าวว่า “ถ้ามนุษย์ไม่ลืมพระเจ้าเสียก่อน เขาก็คงจะไม่ต้องกลัวมนุษย์ด้วยกัน ถ้ามนุษย์กลัวพระเจ้า มนุษย์ก็คงไม่ต้องกลัวมนุษย์”

         เหตุฉะนั้นความเข้มแข็งคนโมอับและคนอัมโมนมุ่งสู่การสู้รบ จึงก่อให้เกิดการพ่ายแพ้ แต่ความอ่อนแอและความกลัวของกษัตริย์เยโฮชาฟัทมุ่งแสวงหาพระเจ้า จึงก่อให้เกิด “ชัยชนะเหนือความกลัว”

           ขอพระเจ้าอวยพรทุกท่าน

  

 

 

 




คำเทศนาปี 2005

เทศนาเรื่อง เราจะปรนนิบัติพระเจ้า article
เทศนาเรื่อง เจ้าของวันคริสต์มาสครั้งแรก article
เทศนาเรื่อง ความสนพระทัยของพระองค์และหน้าที่ของธรรมิกชน article
เทศนาเรื่อง ให้เรารักพระวจนะของพระเจ้า article
เทศนาเรื่อง ให้เรามีส่วนในข่าวประเสริฐ article
คำเทศนาเรื่อง ความเชื่อที่มุ่งไปข้างหน้า article
เทศนาเรื่อง นมัสการด้วยใจขอบพระคุณ article
เทศนาเรื่อง คริสเตียนที่สวยงาม article
เทศนาเรื่อง ท่านกำลังแสวงหาอะไรอยู่ article
Sermon 3 article
Sermon 2 article
Sermon 1 article
คำเทศนาเรื่อง ผู้ใหญ่ฝ่ายวิญญาณ article
คำเทศนาเรื่อง ความเชื่อของทิโมธี article
คำเทศนาเรื่อง ให้คริสตจักรเต็มด้วยผู้นมัสการ article
คำเทศนาเรื่อง ชีวิตคริสเตียนที่ส่องสว่าง article
คำเทศนาเรื่อง พระเยซูผู้ถูกยกขึ้นอย่างสูง article
คำเทศนาเรื่อง ผู้คนที่พระเจ้าแสวงหา article
คำเทศนาเรื่อง พระเยซูผู้ทรงถ่อมพระทัย article
คำเทศนาเรื่อง ให้เราเป็นอันหนึ่งอันเดียวในพระเป็นเจ้า article
คำเทศนาเรื่อง สองสิ่งที่คริสเตียนควรรู้ article
คำเทศนาเรื่อง จงระลึกถึงวันของพระเป็นเจ้า article
คำเทศนาเรื่อง ชีวิตที่สมกับข่าวประเสริฐ article
คำเทศนาเรื่อง เราควรดำเนินชีวิตอย่างไร article
คำเทศนาเรื่อง ของมีค่าอยู่ในภาชนะดิน article
คำเทศนาเรื่อง จงออกไปประกาศข่าวปรเสริฐ article
คำเทศนาเรื่อง เพชรพลอย 3 อย่างของคริสเตียน article
คำเทศนาเรื่อง ผู้คนที่เผาหนังสือตำรา article
คำเทศนาเรื่อง หญิงที่เปิดผอบน้ำมันหอม article
คำเทศนาเรื่อง ศักเคียสได้พบพระเยซู article
คำเทศนาเรื่อง คุณค่าของแผ่นดินสวรรค์ article
คำเทศนาเรื่อง คำอุปมาเรื่องแกะกับแพะ article
คำเทศนาเรื่อง : คริสเตียนที่ดี article
คำเทศนาเรื่อง : คริสเตียนที่พระเจ้าชมเชย article
คำเทศนาเรื่อง สองสิ่งที่มนุษย์ควรรู้ article
คำเทศนาเรื่อง การนมัสการที่พระเจ้าพอพระทัย article
คำเทศนาเรื่อง จงระลึกถึงพระผู้สร้างของท่าน article
คำเทศนาเรื่อง ผู้ที่จะได้รับพระพรของพระเจ้า article
คำเทศนาเรื่อง ให้เรารับพระพรของพระเจ้า article



Copyright © 2010 All Rights Reserved.