ReadyPlanet.com
dot
dot
แจ้งเพื่อรับข่าวสารจากเรา

dot
dot
ทีรันนัสดอทคอม
dot
bulletสารจากผู้อำนวยการ
bulletประวัติทีรันนัส
bulletติดต่อเรา
bulletแผนที่
bulletสมุดเซ็นเยี่ยม
bulletข่าวสารจากทีรันนัส
dot
หนังสือแยกเป็นหมวดหมู่
dot
bulletหมวด คริสเตียนศึกษา
bulletหมวด การเทศนา
bulletหมวด อธิบายพระคัมภีร์
bulletหมวด คู่มือศึกษาพระคัมภีร์
bulletหมวด ชีวิตคริสเตียน
bulletหมวด เพิ่มพูนคริสตจักร
bulletหมวด การสร้างสาวก
bulletหมวด การประกาศ-มิชชั่น
dot
สำนักพิมพ์ ทีรันนัส
dot
bulletสมัครเป็นสมาชิก
bulletสมัครเป็นผู้แทนจำหน่าย
bulletหนังสือใหม่ล่าสุด
bulletหนังสือขายดีติดอันดับ
bulletหนังสือพิมพ์ซ้ำ
bulletวิธีสั่งซื้อสินค้าจากเรา
bulletศูนย์รับแจ้งสินค้ามีปัญหา
bulletแนะนำร้านหนังสือคริสเตียน
dot
Phon Phaiboon Church
dot
bulletคำเทศนาของศิษยาภิบาล
bulletข่าวสารจากคริสตจักร
dot
เว็บอื่นๆ
dot
bulletLink ลิ้งค์ไปเว็บคริสเตียน
bulletwww.thaichristians.net


องค์การ gpinternational
สหกิจคริสเตียนแห่งประเทศไทย
เว็บข่าวสารคริสเตียนไทย ทั่วฟ้าเมืองไทย ไม่แบ่งแยกคณะ บทความ  คำเทศนา  เรื่องสั้น  บทกลอน  แจกโฮมเพจเพื่อคริสตจักรในท้องถิ่น.... ฟังคำเทษนาออน์ไลน์  ลิ้งค์ไปเว็บต่างของคริสเตียนทั่วโลก   แหล่งซื้อขายของคริสเตียน  สิ่งดีๆที่คุณไม่ควรพลาดในเว็บไทยคริสเ
สมาคมพระคริสตธรรมไทย
คริสตจักรพรไพบูลย์


คำเทศนาเรื่อง ให้คริสตจักรเต็มด้วยผู้นมัสการ article

มัทธิว 22:1-10

ให้คริสตจักรเต็มด้วยผู้นมัสการ

 

                                                                                                          วันอาทิตย์ที่ 2 ตุลาคม 2005

        มีเรื่องอัศจรรย์ที่เกิดขึ้นในสังคมคริสเตียน สี่ประการ  

                1.  พวกที่บอกว่า เชื่อพระเยซู แต่ไม่ค่อยไปโบสถ์ 

        2. พวกที่บอกว่าไปโบสถ์เป็นประจำ แต่ไม่เคยทุ่มเทชีวิตในการฟังคำ   

            เทศนา ในการอธิษฐาน ในการถวายทรัพย์ และในการปรนนิบัติ

            รับใช้ 

                3. พวกที่บอกว่า รักพระเยซู แต่ไม่เคยคิดจะออกไปประกาศข่าว

                    ประเสริฐ  และ

                4. ถึงอย่างนั้นแล้วพวกนี้พูดกับตัวเองว่า “รักพระเยซู”  

        มีกษัตริย์องค์หนึ่งได้จัดการเลี้ยงเนื่องในพิธีอภิเษกสมรสให้กับโอรสของท่าน แล้วใช้พวกบ่าวไปเชิญคนที่ได้รับบัตรเชิญให้มาในงานนี้  แต่คนเหล่านั้นที่ได้รับเชิญพากันปฎิเสธ ไม่อยากจะมา ดังนั้นกษัตริย์ได้ใช้พวกบ่าวคนอื่น ๆไปอีก แต่คนที่ได้รับเชิญก็ไม่มา และยิ่งกว่านั้น บางคนก็ได้จับบ่าวของกษัตริย์องค์นั้น ทำการอปยศต่าง ๆ แล้วฆ่าเสีย  กษัตริย์องค์นั้นก็โกรธมาก จึงใช้กองทหารไปฆ่าคนเหล่านั้นและเผาเมืองของเขาทั้งสิ้น 

        แล้วกษัตริย์องค์นั้นมีรับสั่งกับพวกบ่าวให้ออกไปตามถนนต่าง ๆ และเชิญทุกคนที่ได้พบ  ในข้อที่ 10 ได้บันทึกไว้ว่า “บ่าวจึงออกไปตามถนนต่างๆ และรวบรวมทุกคนที่พบ ไม่ว่าคนดีหรือคนเลวจนห้องโถงงานอภิเษกสมรสนั้นเต็มไปด้วยแขก”  ดังนั้น ในเช้าวันนี้ พระวจนะของพระเจ้าจะเป็นการแบ่งบันด้วยหัวข้อว่า “ให้คริสตจักรเต็มไปด้วยผู้นมัสการ” 

        พระคัมภีร์ตอนนี้เป็นเรื่องหนึ่งในคำอุปมาของพระเยซู และปรากฎอยู่ใน ลูกา 14.15-24 ด้วย  เพื่อจะสอนว่า พระเจ้าทรงใช้ผู้เผยพระวจนะของพระองค์อย่างต่อเนื่องด้วยความอดทน ท้าทายชนอิสราเอลให้มีส่วนในแผ่นดินของพระเจ้า  คนยิวส่วนใหญ่ปฎิเสธ แต่คนต่างชาติต้อนรับ  พระเจ้าทรงช่วยผู้ที่ต้อนรับให้รอด แต่พระองค์ทรงพิพากษาผู้ที่ปฎิเสธ และลงโทษ  จากคำอุปมาเรื่องนี้ มีบทเรียนที่เราควรทราบ สองประการด้วยกัน

 

1.     ความสำคัญของลำดับก่อนหลัง (22.1-7)

        ใครจัดการเลี้ยง?   ในลูกา บอกว่า “มีคนหนี่งได้ทำการเลี้ยงใหญ่”   และมีคนใช้หลายคนด้วย แสดงว่า เป็นคนที่มีเงินมากมายและมีอำนาจด้วย  ในมัทธิวบอกอย่างชัดเจนว่า ผู้ที่จัดการเลี้ยงนั้น เป็นกษัตริย์   กษัตริย์ในสมัยก่อนมีเงินทอง ทรัพย์สมบัติมากกว่าทุกคน ไม่เหมือนประธานาธิบดีปัจจุบันนี้  กษัตริย์ในสมัยก่อนมีอำนาจสูงสุด  มีคำพูดกันว่า กษัตริย์ คือกฎหมาย  การให้มีชีวิตหรือการตายก็ขึ้นอยู่ที่กษัตริย์ 

        คำว่า “กษัตริย์” ในคำอุปมาเรื่องนี้ ก็หมายถึงพระเจ้า ผู้ทรงสร้างสารพัดทุกสิ่ง

ทุกอย่าง  พระองค์ทรงเป็นทุกสิ่งในชีวิตของเรา   ทุกสิ่งทุกอย่างก็อยู่ที่พระเจ้า   ความมั่งคั่งและความยากจน  ชีวิตและความตาย  ความสำเร็จและความล้มเหลว  ความมีชัยและความพ่ายแพ้ ความแข็งแรงและความอ่อนแอทั้งสิ้นก็อยู่ที่พระเจ้าทั้งนั้น   พระเจ้าให้คนอ่อนแอเป็นคนเข้มแข็งได้ หรือให้คนเข็มแข็งกลายเป็นคนอ่อนแอก็ได้  ทุกสิ่งทุกอย่างก็ขึ้นอยู่กับพระองค์  

        กษัตริย์องค์นี้ได้จัดการเลี้ยงใหญ่  เป็นงานเลี้ยงเนื่องในพิธีอภิเษกสมรสของโอรส  เป็นวันแห่งความชื่นชมยินดี   กษัตริย์องค์นั้นได้ฆ่าวัวและสัตว์อ้วนพี แล้วทำกับข้าวให้พร้อม  งานเลี้ยงที่นี่หมายถึงงานเลี้ยงแห่งพระคุณ งานเลี้ยงแห่งพระวจนะ  งานเลี้ยงแห่งความชื่นชมยินดี  นั่นคือการประชุมของชุมนุมคริสเตียนในวันขององค์พระผู้เป็นเจ้า  พระเจ้าทรงโปรดให้ทุกวันอาทิตย์เป็นวันแห่งพระพร  วันแห่งพระคุณ  พระเจ้าทรงจัดเตรียมพร้อมแล้ว ให้เต็มไปด้วยความชื่นชมยินดี

        แล้วกษัตริย์ได้เชิญหลายๆ คน  แท้จริงก่อนหน้านั้น ได้ส่งบัตรเชิญไปยังคนเหล่านั้นล่วงหน้า   คนที่ได้รับบัตรเชิญก็หมายถึงคนอิสราเอล   ข้าราชการหรือพวกบ่าวที่กษัตริย์ได้ใช้ไปนั้นหมายถึงผู้เผยพระวจนะ   พระเจ้าทรงใช้ผู้เผยพระวจนะของพระองค์ คือผู้รับใช้ของพระองค์มาเรื่อยๆ เพื่อจะได้เชิญ หรือท้าทายคนอิสราเอลให้มาพำนักในแผ่นดินของพระเจ้า   พระเยซูเองได้ทรงเชิญเราทุกคนให้มาพักผ่อนในพระองค์ว่า “บรรดาผู้ทำงานเหน็ดเหนื่อยและแบกภาระหนัก จงมาหาเรา และเราจะให้ท่านทั้งหลายหายเหนื่อยเป็นสุข” (มธ.11.28)   

        กษัตริย์ได้ส่งบัตรเชิญล่วงหน้าแล้ว เมื่อเตรียมงานเลี้ยงให้พร้อม ก็ใช้ข้าราช- การไปหาคนที่ได้รับบัตรเชิญโดยกล่าวในข้อ 4 ว่า “ดูเถิด เราได้จัดการเลี้ยงไว้แล้ว ทั้งวัวและสัตว์ขุนแล้วของเราก็ฆ่าไว้เสร็จ  สิ่งสารพัดก็เตรียมไว้พร้อม จงมาในการอภิเษกนี้เถิด”

        คนที่ได้รับการเชิญได้ตอบสนองอย่างไร   เขายินดีที่จะมาร่วมงานเลี้ยงไหม   ไม่ใช่  เขาไม่อยากจะมา  และยิ่งกว่านั้น เขาได้เพิกเฉยและไปเสีย   ลูกาได้บันทึกไว้ว่า บรรดาคนเหล่านั้นพากันขอตัว  คนแรกไปดูนาที่เขาเพิ่งซื้อไว  อีกคนหนึ่งไปลองดูโคที่เขาเพิ่งซื้อไว้  อีกคนหนึ่งเพิ่งแต่งงานก็เลยไปไม่ได้   มัทธิวก็บันทึกไว้ว่า บางคนไปไร่นาของตน บางคนก็ไปทำการค้าขาย  และคนอื่นๆก็ได้จับข้าราชการทำการอัปยศต่างๆ แล้วฆ่าเสีย   คนในปัจจุบันนี้รวมทั้งคริสเตียนบางคนมีลักษณะคล้ายคลึงกัน   ได้รับการเชิญให้ไปโบสถ์หลายครั้ง แต่ปฎิเสธโดยแก้ตัวว่า ไม่มีเวลา  ติดธุระ  ไปซื้อของ ไปเที่ยวจนไม่ว่างเลย 

        เมื่อคนเหล่านี้ปฎิเสธการเชิญของกษัตริย์แล้ว ผลที่ตามมา คืออะไร   พระคัมภีร์ทั้งลูกาและมัทธิวได้บอกชัดเจนว่า กษัตริย์องค์นั้นโกรธมาก   มัทธิวบอกว่า กษัตริย์ “จึงรับสั่งให้ยกกองทหารไปปราบปรามฆาตกรเหล่านั้นและให้เผาเมืองเขาเสีย” (ข้อ 7)   ปกติพระเจ้าไม่ค่อยโกรธ  พระเจ้าทรงเป็นพระเจ้าผู้ทรงกอปรด้วยพระคุณ และทรงพระกรุณา  ทรงกริ้วช้า และบริบูรณ์ด้วยความรักมั่นคง (โยนาห์ 4.2)   แต่เมื่อพระองค์ทรงโกรธแล้ว พระองค์ทรงทำลายเมืองโสโดมและเมืองโกโมราห์  พระองค์ทรงทำให้เกิดน้ำท่วมขึ้นทำลายมนุษย์ทุกคน ยกเว้นครอบครัวของโนอาห์  พระองค์ทรงทำลายกรุงเยรูซาเล็มในปี 70 โดยทหารโรม 

        อะไรเป็นสาเหตุที่แท้จริงที่คนเหล่านี้ถูกทำลายไปเสีย   สาเหตุที่แท้จริง คือเขาได้ล้มเหลวในการเลือกลำดับก่อนหลัง   การไปดูไร่นาก็สำคัญ  การไปลองดูโคก็สำคัญ   การทำค้าขายก็สำคัญ  การแต่งงานก็สำคัญ  แต่สิ่งเหล่านั้นทำทีหลังก็ได้   รับบัตรเชิญของกษัตริย์และไปร่วมงานเลี้ยงก่อน  แล้วกลับมาทำสิ่งเหล่านี้ก็ไม่มีปัญหา ไร่นาก็ยังอยู่ ไม่เสียอะไรเลย  โคก็ไม่ได้หนีไป  ทำการค้าขายมาแล้ว ก็ทำต่อไปได้  หมายความว่า คนเหล่านี้ได้ล้มเหลวในเรื่องลำดับก่อนหลัง  ทุกอย่างสำคัญ แต่ไม่ใช่ทุกอย่างต้องรีบทำพร้อมกัน  มีสิ่งที่ต้องรีบทำก่อน และบางอย่างทำทีหลังก็ได้ 

        การไปเที่ยวก็ดี  เชิญไปเที่ยว เมื่อมีโอกาส  การทำกิจธุระ หรือการทำมาหากิน ก็สำคัญ   ให้ทำอย่างจริงจัง หาเงินได้มากๆ เท่าที่ทำได้  ไปซื้อสิ่งของที่จำเป็น เชิญเถิด  การเรียนหนังสือ ก็สำคัญมากสำหรับนักเรียนนักศึกษา การดูแลเลี้ยงลูกหลานก็สำคัญสำหรับบิดามารดา  แต่อย่าลืมนะครับ  ทุกสิ่งเหล่านี้มาก่อนพระเจ้าไม่ได้  เราต้องรู้จักลำดับก่อนหลังในชีวิตฝ่ายวิญญาณ  ต้องรู้ว่า อะไรเป็นสิ่งที่เราต้องทำก่อนและอะไรเป็นสิ่งทำทีหลัง   เราต้องเอาพระเจ้าก่อน  เราต้องไม่ล้มเหลวในการเลือกลำดับก่อนหลัง  พระเจ้ากำลังทรงอดกลั้นพระทัยอยู่ และทรงเตือนเราอยู่เรื่อยๆ   นี่เป็นบทเรียนสำคัญที่เราต้องเรียนจากคำอุปมาเรื่องนี้

 

2.     ความสำคัญของการประกาศ (22.8-10)

        เมื่อกษัตริย์ได้ฆ่าคนเหล่านี้ที่ไม่อยากมาร่วมงานเลี้ยงและเผาเมืองของคนเหล่านั้นแล้ว กษัตริย์องค์นี้ทำอะไรต่อไป  ขอให้เราฟังจากข้อ 8 ข้อ 9 “แล้วท่านจึงรับสั่งแก่ข้าราชการว่า งานสมรสก็พร้อมอยู่ แต่ผุ้ถูกเชิญนั้นไม่สมกับงาน เหตุฉะนั้น จงออกไปตามทางหลวงพบใครๆ ก็ให้เชิญมาในงานนี้”   ลูกา 14.21 ตอน กลางกล่าวว่า   “นายก็โกรธ จึงสั่งบ่าวว่า จงออกไปโดยเร็วตามถนนใหญ่ ตรอกน้อยในเมืองพาคนจน คนพิการ คนตาบอด และคนเขยกเข้ามาที่นี่”  เมื่อพวกบ่าวก็ทำตาม แล้วมารายงานว่า “ยังมีที่ว่างอยู่”  ในข้อ 23บอกว่า “นายจึงสั่งบ่าวนั้นว่า จงออกไปตามทางใหญ่ซอกน้อย และเร่งเร้าเขาให้เข้ามา เพื่อเรือนของเราจะเต็ม” มัทธิว 22.10 ก็กล่าวไว้ว่า “พวกข้าราชการจึงออกไปเชิญคนทั้งปวงตามถนน แล้วแต่จะพบให้มาทั้งดีและชั่ว จนห้องโถงงานสมรสนั้นเต็มด้วยแขก”  

        หน้าที่ของข้าราชการ คือเชิญคนมาจนเต็มตามคำสั่งของกษัตริย์   เพราะในสมัยนั้น กษัตริย์เป็นกฎหมาย  คำสั่งของกษัตริย์ก็เป็นกฎหมายที่ข้าราชการต้องเชื่อฟัง

        ทำไม เราต้องประกาศ เพราะนี่เป็นคำสั่ง คำบัญชาของพระเจ้า ผู้เป็นจอมกษัตริย์   มีทางเดียว ก็คือเชื่อฟัง ดังนั้น เราต้องเชิญคนข้างนอกให้เข้ามาในงานเลี้ยงฝ่ายวิญญาณทุกวันอาทิตย์จนห้องนมัสการของเราเต็มไปด้วยผู้นมัสการ เพราะพระเจ้าทรงแสวงหาคนที่นมัสการพระองค์   แล้วคริสตจักรของเราจะเป็นคริสตจักรที่พระองค์ทรงพอพระทัย และทรงอวยพร

        พระเจ้าคงไม่ให้เรานำคนเป็นพันๆ หมื่นๆ มาพร้อมกัน แต่ให้เรานำทีละคนให้เข้ามานมัสการพระเจ้าเหมือนดังที่เรามานมัสการพระองค์   เพราะจิตวิญญาณของคนหนึ่งสำคัญมากจำเพาะพระพักตร์พระเจ้า   อันดรูว์นำทีละคนให้มาหาพระเยซู คนแรกที่เขานำมา เป็นพี่ชายของเขาเอง คือ เปโตร ผู้ที่เทศนาในวันเพ็นเตคอสเตแล้ว สามพันคนมารับบัพติศมา

        มีคริสเตียนคนหนึ่ง ชื่อ เอ็ดเวริด์ คิมโบลได้ประกาศกับอนุชนคนหนึ่ง ซึ่งเป็นช่างซ่อมรองเท้าที่เมืองชิคาโก อนุชนคนนี้ได้รับเชื่อพระเยซู  อนุชนคนนี้เป็นใคร ก็คือ ดี แอล มูดี้ ผู้ประกาศยิ่งใหญ่ในสหรัฐอเมริกาที่พระเจ้าทรงใช้  มีเรื่องแบบนี้ค่อนข้างมาก  ที่นี่เราเห็นถึงความสำคัญและคุณค่าของคนหนึ่ง  คนคนหนึ่งที่เราผ่านไป และคนหนึ่งที่เราจะพบในอนาคตอันใกล้นี้อาจเป็นคนที่มีความเป็นไปได้เช่นนี้หรือไม่ เราไม่ทราบ

        มีคนหนึ่งชื่อ เฟรดริก โอโต้ เคยพูดถึงเรื่องเกี่ยวกับคริสตจักรอเมริกา   ในสมาชิกที่ลงทะเบียนกับคริสตจักร 100 คน  5 คนหลงหายไปโดยไม่มีใครรู้  20 คน ไม่เคยอธิษฐาน  25 คนไม่ได้อ่านพระคัมภีร์  40 คนไม่ได้ถวายทรัพย์  40 คนไม่ได้ไปรวีวารศึกษาชั้นผู้ใหญ่  60 คนไม่เคยไปร่วมนมัสการภาคบ่ายหรือภาคค่ำ  70 คนไม่ได้ถวายอะไรเพื่อพันธกิจโลก  75 คน ไม่เคยปรนนิบัติรับใช้ในคริสตจักร  80 คนไม่ได้ไปร่วมประชุมอธิษฐาน  90 คนไม่ได้นมัสการในครอบครัว และ 95คนใน 100 คนไม่เคยนำแม้แต่คนเดียวมารับเชื่อพระเยซูตลอดชีวิตของเขา 

        ไม่แน่ชัดว่า เขาเสนอสถิติเช่นนี้ด้วยหลักฐานอะไร แต่เป็นตัวเลขที่มีบทเรียนและท้าทายเราไม่น้อย

        ให้เราเห็นความสำคัญของลำดับก่อนหลังในการดำเนินชีวิต  ไม่มีอะไรที่มาก่อนพระเจ้า ต้องเอาพระเจ้าก่อน  พระเจ้าองค์นี้แหละรับสั่งให้เราออกไปประกาศข่าวประเสริฐ  ดังนั้น ให้เราเชิญคนที่เรารู้จัก คนที่เราพบหรือผ่านทุกวัน ทีละคนๆ มารับเชื่อพระเยซู จนคริสตจักรเราเต็มไปด้วยผู้นมัสการพระเจ้า 




คำเทศนาปี 2005

เทศนาเรื่อง เราจะปรนนิบัติพระเจ้า article
เทศนาเรื่อง เจ้าของวันคริสต์มาสครั้งแรก article
เทศนาเรื่อง ความสนพระทัยของพระองค์และหน้าที่ของธรรมิกชน article
เทศนาเรื่อง ให้เรารักพระวจนะของพระเจ้า article
เทศนาเรื่อง ให้เรามีส่วนในข่าวประเสริฐ article
คำเทศนาเรื่อง ความเชื่อที่มุ่งไปข้างหน้า article
เทศนาเรื่อง นมัสการด้วยใจขอบพระคุณ article
เทศนาเรื่อง คริสเตียนที่สวยงาม article
เทศนาเรื่อง ท่านกำลังแสวงหาอะไรอยู่ article
Sermon 3 article
Sermon 2 article
Sermon 1 article
คำเทศนาเรื่อง ผู้ใหญ่ฝ่ายวิญญาณ article
คำเทศนาเรื่อง ชัยชนะเหนือความกลัว article
คำเทศนาเรื่อง ความเชื่อของทิโมธี article
คำเทศนาเรื่อง ชีวิตคริสเตียนที่ส่องสว่าง article
คำเทศนาเรื่อง พระเยซูผู้ถูกยกขึ้นอย่างสูง article
คำเทศนาเรื่อง ผู้คนที่พระเจ้าแสวงหา article
คำเทศนาเรื่อง พระเยซูผู้ทรงถ่อมพระทัย article
คำเทศนาเรื่อง ให้เราเป็นอันหนึ่งอันเดียวในพระเป็นเจ้า article
คำเทศนาเรื่อง สองสิ่งที่คริสเตียนควรรู้ article
คำเทศนาเรื่อง จงระลึกถึงวันของพระเป็นเจ้า article
คำเทศนาเรื่อง ชีวิตที่สมกับข่าวประเสริฐ article
คำเทศนาเรื่อง เราควรดำเนินชีวิตอย่างไร article
คำเทศนาเรื่อง ของมีค่าอยู่ในภาชนะดิน article
คำเทศนาเรื่อง จงออกไปประกาศข่าวปรเสริฐ article
คำเทศนาเรื่อง เพชรพลอย 3 อย่างของคริสเตียน article
คำเทศนาเรื่อง ผู้คนที่เผาหนังสือตำรา article
คำเทศนาเรื่อง หญิงที่เปิดผอบน้ำมันหอม article
คำเทศนาเรื่อง ศักเคียสได้พบพระเยซู article
คำเทศนาเรื่อง คุณค่าของแผ่นดินสวรรค์ article
คำเทศนาเรื่อง คำอุปมาเรื่องแกะกับแพะ article
คำเทศนาเรื่อง : คริสเตียนที่ดี article
คำเทศนาเรื่อง : คริสเตียนที่พระเจ้าชมเชย article
คำเทศนาเรื่อง สองสิ่งที่มนุษย์ควรรู้ article
คำเทศนาเรื่อง การนมัสการที่พระเจ้าพอพระทัย article
คำเทศนาเรื่อง จงระลึกถึงพระผู้สร้างของท่าน article
คำเทศนาเรื่อง ผู้ที่จะได้รับพระพรของพระเจ้า article
คำเทศนาเรื่อง ให้เรารับพระพรของพระเจ้า article



Copyright © 2010 All Rights Reserved.