ฟีลิปปี 2.12-18
ชีวิตคริสเตียนที่ส่องสว่าง
25 กันยายน 2005
คนทั่วไปชอบคำว่า ความสำเร็จ แต่คงไม่ชอบคำว่า ความล้มเหลว พี่น้องได้ประสบความสำเร็จไหม อยากจะประสบความสำเร็จไหม ผู้ที่ประสบความสำเร็จแท้ คือผู้ที่ประสบความสำเร็จในการทำหน้าที่ของตน อะไรเป็นหน้าที่ของคริสเตียนเรา พระเยซูได้ตรัสไว้แล้ว เมื่อพระองค์ทรงเทศนาบนภูเขาว่า ท่านทั้งหลายเป็นความสว่างของโลก ... จงส่องสว่างแก่คนทั้งปวง เพื่อว่าเมื่อเขาได้เห็นความดีที่ท่านทำ เขาจะได้สรรเสริญพระบิดาของท่าน ผู้ทรงอยู่ในสวรรค์ (มธ.5.14-16) นี่คือหน้าที่ของคริสเตียน
พระคัมภีร์อีกตอนหนึ่งก็กล่าวไว้ว่า กลางคืนล่วงไปมากแล้ว และรุ่งเช้าก็ใกล้เข้ามา เราจงเลิกการกระทำของความมืด และจงสวมเครื่องอาวุธของความสว่าง เราจงประพฤติตัวให้เหมาะสมกับเวลากลางวัน... (รม.13.12-13ก)
เมื่ออาจารย์เปาโลได้บรรยายถึงแบบอย่างของพระเยซูคริสต์เรื่องความถ่อมใจลงแล้ว เปาโลได้หนุนใจคริสเตียนให้ดำเนินชีวิตที่ส่องสว่าง เพราะว่าพระเยซูทรงเป็นความสว่างของโลก ผู้ที่จะติดตามพระเยซูผู้ทรงถ่อมพระทัย ควรส่องสว่างดังที่พระองค์ส่องสว่างแก่คนทั้งปวง ดังนั้นให้เราดูว่า ชีวิตที่ส่องสว่างแก่คนอื่นนั้นเป็นอย่างไร
1. เป็นชีวิตที่ได้รับการชำระตัวให้บริสุทธิ์มากยิ่งขึ้น (2.12-13)
ก. คริสเตียนควรดำเนินชีวิตเพื่อให้ได้ความรอดด้วยความเกรงกลัวและตัวสั่น (12)
เปาโลเป็นคนแรกที่นำข่าวประเสริฐของพระเยซูมาประกาศกับชาวฟีลิปปี ดังนั้น สมาชิกของคริสตจักรฟีลิปปีรักอาจารย์เปาโลมากจนได้เชื่อฟังถ้อยคำของเปาโลอย่างสม่ำเสมอ เปาโลได้ให้พวกเขาระลึกถึงการเชื่อฟังของเขาตลอดเวลาที่ผ่านมา แล้วสั่งเรื่องใหม่แก่คริสเตียนชาวฟีลิปปีว่า จงอุตสาห์ประพฤติ เพื่อให้ได้ความรอด
คำว่า เพื่อให้ได้ความรอดนั้น คงไม่ได้หมายความว่า จงกระทำเพื่อความรอด หรือ เพื่อจะได้รับความรอด เพราะว่าสมาชิกของคริสตจักรฟีลิปปีเป็นคนที่ได้รับความรอดแล้ว ไม่มีใครจะรอดได้โดยการกระทำของตนเอง แต่รอดโดยพระคุณเพราะความเชื่อ และมิใช่โดยตัวเรากระทำเอง แต่พระเจ้าทรงประทานให้เป็นของขวัญของพระเจ้า (อฟ.2.8-9)
คำว่า เพื่อให้ได้ความรอดนั้น หมายความว่า จงสำแดงความรอดที่ได้รับแล้วในการดำเนินชีวิต พูดอีกนัยหนึ่ง คือ การชำระตัวให้บริสุทธิ์ ความรอดของเรานั้นมีสามด้าน คือ ในอดีต ในปัจจุบัน และในอนาคต พระวจนะของพระเจ้าตอนนี้ กำลังพูดถึงความรอดในปัจจุบัน เราได้รับความรอดในอดีตเมื่อเราได้รับเชื่อในพระเยซู แต่อันนั้นไม่ใช่เป็นจุดจบ แต่เพียงเป็นจุดเริ่มต้น ผู้ที่ได้รับความรอดแล้ว จำเป็นต้องดำเนินชีวิตตามพระลักษณะพระฉายของพระเยซูคริสต์ คือ ดำเนินชีวิตอย่างพระเยซูมากยิ่งขึ้นอย่างต่อเนื่อง
คริสเตียนควรสำแดงความรอดของตนในการดำเนินชีวิตด้วยใจที่เกรงกลัวและตัวสั่น คำว่า ด้วยความเกรงกลัวและตัวสั่นนั้น พูดถึงท่าทีแห่งการดำเนินชีวิตของคริสเตียน เมื่อเรามีความสัมพันธ์กับพี่น้องคริสเตียนด้วยกันก็ดี หรือกับคนที่ยังไม่ได้เป็นคริสเตียนก็ดี ควรกระทำด้วยใจที่ระมัดระวัง และด้วยท่าทีที่จะเป็นกลิ่นหอมของพระคริสต์
ข. คริสเตียนควรดำเนินชีวิตเพื่อให้ได้ความรอดด้วยความช่วยเหลือของพระเจ้า (13)
สมาชิกของคริสตจักรฟีลิปปีไม่ได้แสดงความรอดในชีวิตของตนด้วยกำลังของตนเอง แต่พระเจ้าพระวิญญาณบริสุทธิ์ผู้ทรงสถิตในชีวิตของเขาช่วยเขาเสมอ การที่เขาแสดงความเชื่อภายในให้เห็นภายนอกและนำไปปฎิบัติในชีวิตของเขานั้นเป็นไปได้ ไม่ใช้โดยความพยายามของเขา แต่โดยความช่วยเหลือของพระวิญญาณบริสุทธิ์ ข้อ 13 ได้กล่าวว่า เพราะว่าพระเจ้าเป็นผู้ทรงกระทำกิจอยู่ภายในท่าน ให้ท่านมีใจปรารถนา ทั้งให้ประพฤติตามชอบพระทัยของพระองค์
พระวิญญาณบริสุทธิ์ผู้ทรงสถิตอยู่ในเราทรงช่วยเราอยู่เสมอ ฉะนั้นเราต้องเชื่อฟังการทรงนำของพระวิญญาณบริสุทธิ์อย่างเต็มที่ เมื่อเป็นเช่นนั้นแล้ว น้ำพระทัยของพระเจ้าทรงปรากฎขึ้นในชีวิตของเราได้
2. ชีวิตคริสเตียนที่ส่องสว่างนั้นเป็นชีวิตที่ไม่มีการบ่นและการทุ่มเถียงกัน (2.14-15)
ก. คริสเตียนต้องไม่บ่นและไม่ทุ่มเถียงกัน (14) จงทำสิ่งสารพัดโดยปราศจากการบ่นและการทุ่มเถียงกัน
การบ่น คือ สภาพที่ความไม่พอใจภายในถูกแสดงออกมาภายนอก และการทุ่มเถียง ก็คือ สภาพที่ถกเถียงและเสนอความไม่เห็นด้วย ตัวอย่างที่ดี คืออิสราเอลในถิ่นทุรกันดาร มีแต่การบ่นและการทุ่มเถียงกัน อาจารย์เปาโลได้เตือนคริสเตียนชาวโครินธ์ว่า อย่าให้เราบ่นเหมือนอย่างที่บางคนในพวกเขา(อิสราเอล)ได้บ่นนั้น แล้วก็ต้องพินาศ.. (1คร.10.10) ชีวิตของเราต้องไม่มีการบ่นและการทุ่มเถียงกัน เพราะสิ่งนั้นเป็นท่าทีแห่งการไม่เชื่อ และเป็นการต่อต้านพระเจ้า
ข. มีจุดประสงค์สองประการที่ต้องไม่มีการบ่นและการทุ่มเถียงกัน (15) เพื่อท่านทั้งหลายจะไม่ถูกติเตียนและไม่มีความผิด เป็นบุตรที่ปราศจากตำหนิของพระเจ้าในท่ามกลางพงศ์พันธุ์ที่คดโกงและวิปลาส ท่านปรากฎในหมู่พวกเขาดุจความสว่างต่างๆในโลก
ประการแรก เพื่อจะไม่มีตำหนิในท่ามกลางพงศ์พันธุ์ที่คดโกงและวิปลาส โลกนี้กำลังอยู่ใต้การปกครองของซาตาน ฉะนั้นมุ่งหาความสนุกสนาน เพศสัมพันธ์ ชื่อเสียง และวัตถุนิยม แต่สิ่งเหล่านี้ไม่ใช่เป็นเรื่องสำหรับคริสเตียน ชีวิตคริสเตียนต้องไม่มีตำหนิ คือต้องไม่มีสิ่งใดสิ่งหนึ่งถูกติเตียน ชีวิตคริสเตียนต้องไม่มีความผิด คือไม่มีสิ่งอื่นเจือปน
ประการที่สอง เพื่อจะปรากฎดุจดวงสว่างในโลกที่ทรยศ โลกนี้เต็มไปด้วยความมืด เมื่อเราดำเนินชีวิตที่ไม่ถูกติเตียนและไม่มีความผิด เราจะเป็นเหมือนดุจดวงสว่างที่ส่องแสงสว่างโลกที่เต็มไปด้วยความมืด
ถ้าจะไล่ความมืดให้ออกไปพ้น เราต้องการความสว่างขนาดไหน นั่นคือขนาดเล็กที่สุด ให้เรามองดูรอบๆของเรา ความมืดฝ่ายวิญญาณมีอยู่ที่ไหนบ้าง เราต้องไล่ความมืดฝ่ายซิญญาณให้ออกไปพ้น สามารถที่จะไล่ความมืดด้วยความสว่างขนาดเล็กๆได้ฉันใด ก็สามารถไล่ความมืดฝ่ายวิญญาณความสว่างขนาดเล็กที่ได้สะท้อนความสว่างของพระเยซูได้ฉันนั้น พระเยซูต้องการให้เราส่องความสว่างที่ได้สะท้อนความสว่างของพระเยซูเช่นนั้น เราสามารถที่จะทำหน้าที่แห่งความสว่างนี้ได้โดยการดำเนินชีวิตตามพระเยซูทีละก้าวอย่างต่อเนื่อง
3. ชีวิตคริสเตียนที่ส่องสว่างนั้นเป็นชีวิตที่ให้ความชื่นชมยินดีแก่คนอื่น (2.16-18)
ชีวิตที่ส่องสว่างของคริสเตียนชาวฟีลิปปีเป็นพยานหลักฐานที่ว่าการรับใช้ของเปาโลนั้นมิได้ไร้ประโยชน์ และทำให้เปาโลชื่นชมยินดีและภูมิใจมาก ข้อที่ 16 บอกว่า จงยึดมั่นในพระวาทะแห่งชีวิต เพื่อข้าพเจ้าจะมีที่อวดในวันของพระคริสต์ว่า ข้าพเจ้าไม่ได้วิ่งเปล่าๆ และไม่ได้ทำงานโดยเปล่าประโยชน์
เปาโลได้เดินทางไปถึงเมืองฟีลิปปี และประกาศข่าวประเสริฐแก่ชาวฟีลิปปี การที่ประกาศที่เมืองฟีลิปปีก็ไม่ง่าย มีความยากลำบากด้วย ครั้งหนึ่ง เปาโลได้พบกับทาสสาวที่มีหมอผีเข้าสิง เปาโลได้ขับไล่ผีให้ออกจากหญิงคนนั้น ทำให้เจ้านายของหญิงคนนั้นหมดหวังที่จะได้เงิน จึงได้ฟ้องเปาโลกับสิลาสให้จำไว้ในคุก ถึงอย่างไรก็ตาม ถ้าคริสเตียนชาวฟีลิปปีได้ดำเนินชีวิตที่ส่องสว่าง เปาโลดีใจ และถือว่า ไม่ได้วิ่งเปล่าๆ และไม่ได้ไร้ประโยชน์
เมื่อเป็นเช่นนั้นแล้ว เปาโลก็ยินดีที่จะเสียสละชีวิตของตนเองเพื่อคริสเตียนที่ส่องสว่างอยู่เสมอ ข้อ 17 บอกว่า ถึงแม้ว่า ข้าพเจ้าต้องถูกเทลง เพื่อให้ครบเครื่องบูชาแห่งความเชื่อของท่านทั้งหลาย ข้าพเจ้าก็ยังจะยินดีและชื่นชมร่วมกับท่านด้วย
ตามประเพณีของคนยิว เมื่อเขาถวายเครื่องบูชา รายการสุดท้ายที่ทำให้ครบเครื่องบูชานั้น คือเทน้ำองุ่นลงไป และเปาโลยินดีที่จะเป็นอย่างนั้น ชีวิตของคริสเตียนชาวฟีลิปปีเป็นเครื่องบูชาหลักที่จะถวายแด่พระเจ้า และเปาโลอยากให้ชีวิตของพวกเขาเป็นเครื่องบูชาที่ครบบริบูรณ์แด่พระเจ้า เปาโลจึงยินดีที่จะเสียสละชีวิตของตนเป็นการเทลงน้ำองุ่นเพื่อพวกเขา หมายความว่า ถ้าความเชื่อของคริสเตียนชาวฟีลิปปีเป็นเอก และเปาโลเป็นรอง เปาโลก็ยังชื่นชมยินดี
ชีวิตคริสเตียนควรเป็นเช่นนั้น ถ้าเราจะส่องสว่างโลกแห่งความมืด เราจำเป็นต้องเสียสละตนเอง ให้เราคิดดูเทียน เมื่อตนเองถูกไหม้แล้ว ความสว่างจะถูกส่องออกไปได้ ถ้าไม่มีความเสียสละของตน ความสว่างของพระคริสต์จะไม่ปรากฎขึ้น ดังนั้น เราจำเป็นต้องเสียสละตนเอง แต่ไม่น่าประกาศให้คนอื่นๆทราบ
เราควรดำเนินชีวิตอย่าง เราควรดำเนินชีวิตที่ส่องสว่างแก่โลกแห่งความมืด ชีวิตที่ส่องสว่างนั้นเป็นชีวิตที่ได้รับการชำระตัวให้บริสุทธิ์มากยิ่งขึ้น เป็นชีวิตที่ไม่มีการบ่นและการทุ่มเถียงกัน และเป็นชีวิตที่ให้ความชื่นชมยินดีแก่คนอื่น พระเยซูได้ทรงเทศนาว่า จงส่องสว่างแก่คนทั้งปวง เพื่อว่าเมื่อเขาได้เห็นความดีที่ท่านทำ เขาจะได้สรรเสริญพระบิดาของท่าน ผู้ทรงอยู่ในสวรรค์ ดังนั้น เราจำเป็นต้องส่องสว่างแก่คนทั้งปวง คนทั้งปวงรวมถึงใครบ้าง ก่อนอื่น คือครอบครัวที่ยังไม่เป็นคริสเตียน ต่อมา เป็นเพื่อนและเพื่อนบ้านที่ยังไม่เป็นคริสเตียน เราจะส่องสว่างแก่คนเหล่านี้อย่างไร ก็โดยการทำความดี แล้วอะไรเกิดขึ้น ผลที่ตามมาก็คือ คนเหล่านั้น จะได้สรรเสริญพระบิดาของท่าน ผู้ทรงอยู่ในสวรรค์ ก็หมายถึงคนที่ยังไม่เป็นคริสเตียนจะเป็นคริสเตียนเพราะเรา คนเหล่านี้จะเป็นคริสเตียนหรือไม่ ก็ขึ้นอยู่กับชีวิตของเราเอง ให้เราส่องสว่างของพระคริสต์แก่คนทั้งปวง นี่คือหน้าที่ของเรา ขอพระเจ้าทรงอวยพรพี่น้องทุกคนให้ประสบความสำเร็จโดยการส่องสว่างแก่คนทั้งปวง