ReadyPlanet.com
dot
dot
แจ้งเพื่อรับข่าวสารจากเรา

dot
dot
ทีรันนัสดอทคอม
dot
bulletสารจากผู้อำนวยการ
bulletประวัติทีรันนัส
bulletติดต่อเรา
bulletแผนที่
bulletสมุดเซ็นเยี่ยม
bulletข่าวสารจากทีรันนัส
dot
หนังสือแยกเป็นหมวดหมู่
dot
bulletหมวด คริสเตียนศึกษา
bulletหมวด การเทศนา
bulletหมวด อธิบายพระคัมภีร์
bulletหมวด คู่มือศึกษาพระคัมภีร์
bulletหมวด ชีวิตคริสเตียน
bulletหมวด เพิ่มพูนคริสตจักร
bulletหมวด การสร้างสาวก
bulletหมวด การประกาศ-มิชชั่น
dot
สำนักพิมพ์ ทีรันนัส
dot
bulletสมัครเป็นสมาชิก
bulletสมัครเป็นผู้แทนจำหน่าย
bulletหนังสือใหม่ล่าสุด
bulletหนังสือขายดีติดอันดับ
bulletหนังสือพิมพ์ซ้ำ
bulletวิธีสั่งซื้อสินค้าจากเรา
bulletศูนย์รับแจ้งสินค้ามีปัญหา
bulletแนะนำร้านหนังสือคริสเตียน
dot
Phon Phaiboon Church
dot
bulletคำเทศนาของศิษยาภิบาล
bulletข่าวสารจากคริสตจักร
dot
เว็บอื่นๆ
dot
bulletLink ลิ้งค์ไปเว็บคริสเตียน
bulletwww.thaichristians.net


องค์การ gpinternational
สหกิจคริสเตียนแห่งประเทศไทย
เว็บข่าวสารคริสเตียนไทย ทั่วฟ้าเมืองไทย ไม่แบ่งแยกคณะ บทความ  คำเทศนา  เรื่องสั้น  บทกลอน  แจกโฮมเพจเพื่อคริสตจักรในท้องถิ่น.... ฟังคำเทษนาออน์ไลน์  ลิ้งค์ไปเว็บต่างของคริสเตียนทั่วโลก   แหล่งซื้อขายของคริสเตียน  สิ่งดีๆที่คุณไม่ควรพลาดในเว็บไทยคริสเ
สมาคมพระคริสตธรรมไทย
คริสตจักรพรไพบูลย์


คำเทศนาเรื่อง ผู้คนที่พระเจ้าแสวงหา article

ยอห์น 4.16-26

ผู้คนที่พระเจ้าแสวงหา

 

                                                                                                                                                                               11  กันยายน 2005

        พระเจ้าทรงแสวงหาใคร  เป็นคำถามที่น่าคิด เพราะว่าพระเจ้าทรงแสวงหาใคร พระองค์ทรงพบและอวยพรเขา   ในพระคัมภีร์ใหม่ มีหลายคนที่ได้พบพระเยซูและได้รับพระพรอย่างแท้จริง

        พระวจนะของพระเจ้าสำหรับวันนี้ เป็นการสนทนาระหว่างพระเยซูกับหญิงชาวสะมาเรียคนหนึ่ง   จริง ๆ แล้วพระเยซูได้ทรงตั้งพระทัยที่จะไปหาหญิงคนนี้ไม่ใช่เพราะหญิงคนนี้เป็นคนมีชื่อเสียง  ไม่ใช่เพราะคนนี้เป็นคนที่ถือตัวเองว่าเป็นคนดีหรือคนชอบธรรม ไม่ใช่เพราะหญิงคนนี้เป็นคนที่ได้รับการยกย่องจากชาวบ้าน  ในพระคัมภีร์ตอนนี้ เราไม่เห็นชื่อของผู้หญิงคนนี้  เขารู้ตัวเองว่าเป็นคนที่ไม่ค่อยดี ดังนั้น ออกมาตักน้ำในเวลาประมาณเที่ยง ซึ่งเป็นเวลาที่พักผ่อนและไม่ค่อยออกไปข้างนอก เขาก็คงไม่ค่อยมีเงินด้วย เมื่อเราเห็นอาชีพของเขา คือ โสเภณี   ถึงแม้หญิงคนนี้เป็นเช่นนั้น แต่พระเยซูทรงไปหาเขาเพื่อให้เขาได้รับความรอด

        เมื่อเรามองดูคำสนทนาระหว่างพระเยซูกับหญิงชาวสะมาเรีย  พูดคุยเรื่องน้ำ น้ำธำรงชีวิต สามี และต่อมาสนทนาเรื่องการนมัสการ   แล้วพระเยซูทรงตรัสให้เราทราบว่าผู้คนที่พระเจ้าแสวงหานั้นเป็นใคร 

 

1.     ผู้คนที่พระเจ้าแสวงหานั้น เป็นผู้คนที่นมัสการพระเจ้า

        ในข้อ 23 ตอนกลางบอกว่า “เมื่อผู้ที่นมัสการอย่างถูกต้องจะนมัสการพระบิดาด้วยจิตวิญญาณและความจริง เพราะว่าพระบิดาทรงแสวงหาคนเช่นนั้นนมัสการพระองค์” พระเจ้าทรงแสวงหาคนเช่นนั้นนมัสการพระองค์ 

        จุดประสงค์หลัก 5 อย่างของคริสตจักร คือ การนมัสการ คริสเตียนศึกษา การสามัคคีธรรม การปรนนิบัติ และการประกาศ   เมื่อเราไปแผ่นดินสวรรค์ ไม่จำเป็นต้องออกไปประกาศ เพราะที่นั่น ไม่มีใครที่ไม่ได้รับความรอด  คริสเตียนศึกษา ก็ไม่จำเป็นอีก เพราะรู้ทุกอย่าง   แต่มีสิ่งหนึ่งที่ทำอย่างต่อเนื่องในโลกนี้และในแผ่นดินสวรรค์ด้วย คือ การสรรเสริญและนมัสการ  เมื่อเรามองดูการนมัสการบนแผ่นดินสวรรค์ ซึ่งปรากฎอยู่ในหนังสือวิวรณ์ บรรดาผู้คนที่ได้รับความรอดโดยพระเยซูคริสต์ ซึ่งมาจากทั่วโลกถวายพระสิริ พระเกียรติ และการสรรเสริญพร้อมกับหมู่ทูตสวรรค์

        พระเจ้าของเราเป็นพระเจ้าผู้ทรงสมควรที่จะได้รับการนมัสการจากมนุษย์ทุกชาติ  ทุกประเทศ ทุกภาษาและทุกเผ่าพันธุ์ เพราะว่าพระองค์ทรงเป็นพระผู้สร้างชีวิตของเรา  ผู้เผยพระวจนะอิสยาห์ได้กล่าวไว้ว่า “ชนชาติที่เราปั้นเพื่อเราเอง เพื่อเขาจะถวายสรรเสริญเรา” (อิสยาห์ 43.21)

        ดังนั้น พระเจ้าไม่ทรงพอพระทัยเรา ถ้าเรามิได้นมัสการพระเจ้า แต่นับถือพระอื่น ๆ หรือกราบไหว้รูปเคารพ   แต่พระองค์ทรงพอพระทัยผู้คนที่นมัสการพระองค์

ในพระบัญญัติ 10 ประการ ประการที่สอง บอกว่า “อย่าทำรูปเคารพสำหรับตน  เป็นรูปสิ่งใดซึ่งมีอยู่ในฟ้าเบื้องบนหรือบนแผ่นดินเบื้องล่างหรือในน้ำใต้แผ่นดินอย่ากราบไหว้หรือปรนนิบัติรูปเหล่านั้น...”

        เมื่อชนชาติอิสราเอลออกจากประเทศอียิปต์ เดินทางมาถึงภูเขาซีนาย  โมเสสขึ้นบนภูเขาและประชาชนรอคอยอยู่  40 วันผ่านไปแล้วแต่โมเสสยังไม่ได้ลงมา  ประชา ชนคิดว่า โมเสสอาจตายบนภูเขาแล้ว  พากันไปหาอาโรนให้ทำวัวทองคำ  อาโรนก็ทำวัวทองคำและคนอิสราเอลประกาศว่า “โอ อิสราเอล สิ่งเหล่านี้แหละเป็นพระของเจ้า ซึ่งนำเจ้าออกจากแผ่นดินอียิปต์”  พระเจ้าไม่พอพระทัยและตรัสกับโมเสสว่า “เหตุฉะนี้ เจ้าจงปล่อยเขาตามลำพัง เพื่อความพิโรธของเราจะเดือดพลุ่งขึ้นต่อเขา  และเพื่อเราจะผลาญทำลายเขาเสีย...”   เช่นเดียวกัน ทุกวันนี้มีคนเป็นอันมากได้กราบไหว้รูปเคารพที่ทำด้วยมือมนุษย์  พระเจ้าทรงพอพระทัยหรือเราต้องนมัสการพระเจ้าผู้ทรงสร้างหิน ต้นไม้ และทองคำ   ไม่น่ากราบไหว้หิน ต้นไม้ และทองคำ คือสิ่งต่างๆที่พระเจ้าทรงสร้างขึ้นมา   การที่เรานมัสการใครเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับชีวิต   คริสเตียน คือผู้ที่นมัสการพระเจ้าเที่ยงแท้   พระเจ้าทรงแสวงหา และพอพระทัยผู้คนที่นมัสการพระเจ้า

   ยิ่งกว่านั้น  เมื่อเราอ่านวิวรณ์ กล่าวไว้ว่า “คนมากมายเหลือคณนามาจากทุกเผ่า พันธุ์  ทุกชาติ ทุกภาษา ...ยืนอยู่หน้าพระที่นั่งและต่อพระพักตร์พระเมษโปดก”  และคนเหล่านี้ได้ร้องสรรเสริญและนมัสการพระเจ้า  แสดงให้เห็นว่าพระเจ้าพอพระทัยเมื่อมีคนมากมายมาร่วมใจนมัสการพระเจ้า   เพราะเหตุนี้ พระองค์ทรงสร้างคริสตจักรของพระองค์ไว้บนโลกนี้ตามสถานที่ต่างๆ   และทรงบัญชาให้ออกไปประกาศและนำคนเข้ามาหาพระองค์  

        ดังนั้น คริสตจักรได้ตั้งเป้าว่า 50 คนที่มานมัสการพระเจ้าอย่างสม่ำเสมอก่อนวันครบรอบปีหน้า คือต้นเดือนเมษายน   ให้เราหนุนใจคนที่ขาดการนมัสการ และนำคนอื่นที่ยังไม่เชื่อในพระเยซู มานมัสการพระเจ้าด้วยกัน เพราะพระเจ้าทรงแสวงหาคนเช่นนั้น นมัสการพระองค์ 

 

2.     ผู้คนที่พระเจ้าแสวงหานั้น เป็นผู้คนที่นมัสการพระเจ้าอย่างถูกต้อง

        พระเจ้าทรงแสวงหา และพอพระทัยผู้คนที่นมัสการพระเจ้า  แต่พระคัมภีร์บอกว่าต้องนมัสการพระเจ้าอย่างถูกต้อง   ในข้อ 23 บอกว่า “เมื่อผู้ที่นมัสการอย่างถูกต้องจะนมัสการพระบิดาด้วยจิตวิญญาณและความจริง เพราะว่าพระบิดาทรงแสวงหาคนเช่นนั้นนมัสการพระองค์”

        คงจำได้ไหมเรื่องการถวายเครื่องบูชาของคาอินกับอาแบล   พระเจ้าทรงพอพระทัยการนมัสการของอาแบล แต่ไม่รับการนมัสการของคาอิน   ทั้งสองได้นมัสการพระเจ้าเหมือนกัน  แต่ทำไมพระเจ้าทรงรับคนหนึ่ง และไม่รับอีกคนหนึ่ง  ต่างกันอย่างไร      พระเจ้าตรัสให้นมัสการพระเจ้าโดยเอาเลือดสัตว์มาถวาย  อาแบลนำแกะหัวปีมาถวาย แต่คาอินนำพืชผลที่เกิดจากไร่นามาถวาย  อาแบลเชื่อฟังและทำตามพระวจนะของพระเจ้า  ผู้เขียนฮีบรูบอกว่า อาแบลได้ถวายเครื่องบูชาโดยความเชื่อ  แต่คาอินทำตามใจชอบของตน  ปัญหาไม่ได้อยู่ที่เขาไม่ได้นมัสการพระเจ้า แต่อยู่ที่ท่าทีของเขาที่นมัสการพระเจ้าตามความคิดของตน ตามใจชอบของตน

        พระเยซูคริสต์ทรงสอนเรื่องการนมัสการพระเจ้าให้แก่หญิงชาวสะมาเรีย   คนที่จะนมัสการพระเจ้าอย่างถูกต้อง จะนมัสการพระเจ้าด้วยจิตวิญญาณและความจริง   คำว่า “ด้วยจิตวิญญาณ” คงไม่ได้หมายถึงจิตวิญญาณของเรา แต่หมายถึง ด้วยพระวิญญาณ  ในข้อ 24 กล่าวว่า “พระเจ้าทรงเป็นพระวิญญาณ...”  ดังนั้น เราต้องนมัสการในพระวิญญาณบริสุทธิ์   คนที่ไม่ได้อยู่ในพระวิญญาณบริสุทธิ์ไม่ได้เป็นลูกของพระเจ้า  ไม่มีพระวิญญาณบริสุทธิ์  ไม่มีพระเยซู มีแต่ความบาป  พระเจ้าไม่รับการนมัสการพระเจ้าของคนบาป   พระเจ้าทรงรับการนมัสการในพระวิญญาณบริสุทธิ์

        คำว่า “ด้วยความจริง”  หมายถึง นมัสการพระเจ้าในความจริง  ความจริง คืออะไร   ความจริง คือ พระเยซู   พระเยซูตรัสว่า “เราเป็นทางนั้น เป็นความจริง และเป็นชีวิต  ไม่มีผู้ใดมาถึงพระบิดาได้นอกจากจะมาทางเรา” (ยน.14.6)   ดังนั้น นมัสการด้วยความจริง คือ นมัสการโดยพระเยซู   เมื่อเราต้อนรับพระเยซู  เราก็เข้ามาอยู่ในความจริง   อย่านมัสการพระเจ้าตามความคิดของเราเอง หรือตามใจชอบของเรา เพราะพระเจ้าไม่ทรงพอพระทัย  ให้เรานมัสการพระเจ้าตามวิธีของพระเจ้า คือนมัสการในพระวิญญาณบริสุทธิ์และโดยพระเยซูคริสต์

        เราสามารถแบ่งการนมัสการเป็นสองส่วนได้  คือการนมัสการในความหมายกว้างและในความหมายแคบ   การนมัสการในความหมายกว้างนั้น หมายความว่า ชีวิตคริสเตียนทุกอย่างเป็นการนมัสการพระเจ้า   เปาโลกล่าวไว้ว่า “เหตุฉะนั้นเมื่อท่านจะรับประทาน จะดื่ม หรือจะทำอะไรก็ตาม จงกระทำเพื่อเป็นการถวายพระเกียรติแด่พระเจ้า” ( 1คร.10.31)    การดำเนินชีวิตด้วยการเห็นแก่ตัวเอง หรือ การเอาตัวเองเป็นศูนย์กลางทุกอย่างเป็นสิ่งที่พระเจ้าไม่พอพระทัย   ให้เราถือว่า ทุกอย่างเป็นพระคุณของพระเจ้า และถวายพระสิริ การโมทนาขอบพระคุณแด่พระเจ้า  นั่นแหละเป็นชีวิตที่แท้จริงของผู้ที่นมัสการพระเจ้า  ไม่ว่าเราอยู่ที่ไหนและทำอะไรก็ตาม

        การนมัสการพระเจ้าในความหมายแคบ คือ การนมัสการที่เรารวมตัวกันและถวายแด่พระเจ้า  เช่น การนมัสการในวันอาทิตย์ตอนเช้า  ภาคบ่าย  คืนวันพุธ คืนวันศุกร์ หรือ การนมัสการตามบ้าน เป็นต้น   เราต้องล้างมือให้สะอาดและนมัสการพระเจ้า  ควรมาถึงโบสถ์อย่างช้า ประมาณ 10 นาทีก่อนเริ่มนมัสการ และนั่งลงอย่างเงียบสงบ พิจารณาชีวิตในสัปดาห์ที่ผ่านมา  สารภาพบาปกับพระเจ้า   แต่ถ้ามาช้า รีบเข้ามานั่ง ไม่มีเวลาที่จะเตรียมจิตใจ  ไม่มีน้ำใจ ไม่มีวิญญาณและความจริง พระเจ้าคงไม่พอพระทัย

        จากการสำรวจโดยการสัมภาษณ์ในประเทศเกาหลีจำนวนผู้ใหญ่ 1785 คนระหว่างวันที่ 23 พ.ค.และวันที่ 6 มิ.ย. ปี 2005 ที่ผ่านมา สาเหตุที่มาช้าอันดับแรก คือการเตรียมตัว เช่น สวมเสื้อ หวีผม แต่งตัว เป็นต้น ร้อยละ 20.1  ต่อมา ร้อยละ15.4 บอกว่า อยากจะนอนอยู่บนเตียงอีก  ร้อยละ 12.6 ตามนิสัย  ร้อยละ 12.2 รอคอยภรรยาและลูก ๆ ที่เตรียมตัว  และร้อยละ11.0 ตื่นไม่ไหวเพราะเข้านอนดึก  อย่างไรก็ตาม พระเจ้าพอพระทัยคนที่มาสาย หรือคนที่มาก่อนเวลานมัสการ

        อีกเรื่องหนึ่ง  พระเจ้าพอพระทัยคนที่มานมัสการทุก ๆ วันอาทิตย์ ไม่ขาด หรือคนที่มาบ้างขาดบ้าง   ตามหนังสือพิมพ์รายวันฉบับหนึ่งของเกาหลีไม่นานมานี้เอง มีคริสเตียนคนหนึ่ง ชื่อว่า บคซูน คิม เป็นสตรี อายุ 95 ปี  ทุกวันอาทิตย์เขานั่งรถไฟใต้ดินสองต่อใช้เวลา 1 ชั่วโมง 20 นาที เพื่อจะไปโบสถ์  ถึงเช่นนั้น เขาไม่เคยขาดการนมัสการในวันอาทิตย์เลย  เป็นตัวอย่างที่ดี    เชื่อว่าพระเจ้าทรงพอพระทัยคนเช่นนั้น ที่นมัสการพระองค์โดยไม่ขาด

        พระเจ้าทรงแสวงหาคนที่นมัสการพระเจ้า ไม่ใช่กราบไหว้รูปเคารพ หรือนับถือพระอื่น ๆ   พระเจ้าทรงแสวงหาคนที่นมัสการพระเจ้าอย่างถูกต้องตามวิธีการของพระเจ้า ไม่ใช่นมัสการพระองค์ตามวิธีของตน หรือความคิด ความรู้สึกของตน  ให้เรานมัสการพระเจ้าองค์เดียวผู้ทรงพระชนม์อยู่และเที่ยงแท้   ให้เรานมัสการพระเจ้าด้วยพระวิญญาณบริสุทธิ์และโดยพระเยซูคริสต์ เพราะพระองค์ทรงแสวงหาคนเช่นนั้น

 




Map - Introduce

แนะนำร้านหนังสือคริสเตียนอื่นๆ article
แผนที่ศูนย์ทีรันนัส article



Copyright © 2010 All Rights Reserved.