ReadyPlanet.com
dot
dot
แจ้งเพื่อรับข่าวสารจากเรา

dot
dot
ทีรันนัสดอทคอม
dot
bulletสารจากผู้อำนวยการ
bulletประวัติทีรันนัส
bulletติดต่อเรา
bulletแผนที่
bulletสมุดเซ็นเยี่ยม
bulletข่าวสารจากทีรันนัส
dot
หนังสือแยกเป็นหมวดหมู่
dot
bulletหมวด คริสเตียนศึกษา
bulletหมวด การเทศนา
bulletหมวด อธิบายพระคัมภีร์
bulletหมวด คู่มือศึกษาพระคัมภีร์
bulletหมวด ชีวิตคริสเตียน
bulletหมวด เพิ่มพูนคริสตจักร
bulletหมวด การสร้างสาวก
bulletหมวด การประกาศ-มิชชั่น
dot
สำนักพิมพ์ ทีรันนัส
dot
bulletสมัครเป็นสมาชิก
bulletสมัครเป็นผู้แทนจำหน่าย
bulletหนังสือใหม่ล่าสุด
bulletหนังสือขายดีติดอันดับ
bulletหนังสือพิมพ์ซ้ำ
bulletวิธีสั่งซื้อสินค้าจากเรา
bulletศูนย์รับแจ้งสินค้ามีปัญหา
bulletแนะนำร้านหนังสือคริสเตียน
dot
Phon Phaiboon Church
dot
bulletคำเทศนาของศิษยาภิบาล
bulletข่าวสารจากคริสตจักร
dot
เว็บอื่นๆ
dot
bulletLink ลิ้งค์ไปเว็บคริสเตียน
bulletwww.thaichristians.net


องค์การ gpinternational
สหกิจคริสเตียนแห่งประเทศไทย
เว็บข่าวสารคริสเตียนไทย ทั่วฟ้าเมืองไทย ไม่แบ่งแยกคณะ บทความ  คำเทศนา  เรื่องสั้น  บทกลอน  แจกโฮมเพจเพื่อคริสตจักรในท้องถิ่น.... ฟังคำเทษนาออน์ไลน์  ลิ้งค์ไปเว็บต่างของคริสเตียนทั่วโลก   แหล่งซื้อขายของคริสเตียน  สิ่งดีๆที่คุณไม่ควรพลาดในเว็บไทยคริสเ
สมาคมพระคริสตธรรมไทย
คริสตจักรพรไพบูลย์


คำเทศนาเรื่อง พระเยซูผู้ทรงถ่อมพระทัย article

ฟีลิปปี 2.5-8

พระเยซู ผู้ทรงถ่อมพระทัย

โดย ศจ. จุง ซิก คิม

 

วันอาทิตย์ที่ 4 กันยายน 2005

เท่าที่เราทุกคนรู้ว่า ความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันของคริสตจักรเป็นเรื่องสำคัญมาก   มีวิธีหลายอย่างที่ได้กระทำให้คริสตจักรเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันได้  แต่ประการหนึ่งที่สำคัญและไม่ควรลืม ก็คือ ความถ่อมใจ  

ครั้งหนึ่ง ลูกศิษย์ของออกัสตินมาหาออกัสติน และถามว่าทำอย่างไร ดำเนินชีวิตอย่างไร  จะเชื่อพระเยซูอย่างดีได้   ออกัสตินตอบเขาว่า คุณความดีของคริสเตียนประการแรก คือ ความถ่อมใจ  คุณความดีของคริสเตียนประการที่สอง ก็คือความถ่อมใจ  คุณความดีของคริสเตียนประการที่สามก็คือ ความถ่อมใจ 

        เจมส์  ซิมสันป์  เป็นอาจารย์สอนที่มหาวิทยาลัยเอดินเบอร์เรอร์   เขาเป็นหมอและเป็นนักวิชาการที่ได้รับการชมเชย  เพราะเขาได้ค้นพบยาสลบ ทำให้คนป่วยได้รับการผ่าตัดโดยไม่เจ็บ  นี่เป็นการปฏิรูปยิ่งใหญ่ในสังคมแพทย์ทั่วโลก  ครั้งหนึ่ง นักศึกษาคนหนึ่งไปหาอาจารย์และถามว่า  “ ท่านประทับใจอะไรมากที่สุดในการค้นพบในชีวิตของท่าน”   หลายคนคาดหวังว่า อาจารย์ซิมสันป์จะพูดถึงการค้นพบยาสลบ   หากแต่ท่านได้ตอบว่า “การค้นพบที่ประทับใจมากที่สุดในชีวิตของผม คือการเข้าใจเองว่า ผมเป็นคนบาป และพระเยซูทรงเป็นพระผู้ช่วยให้รอดของผม”  

        โดยทั่วไปแล้ว  เรามักจะเข้าใจว่า ความถ่อมใจ คือการถ่อมตัวลง โดยปกปิดความรู้หรือความสามารถของตน   แต่ความถ่อมใจที่พระคัมภีร์พูดนั้น คือ คนที่เข้าใจตัวเองว่า ไม่มีอะไรที่ดีพอ ได้ดูแลวิญญาณของคนอื่นด้วยใจที่ถ่อมลง   ความถ่อมใจแท้เป็นคุณความดีที่เกิดมาจากประสบการณ์พระเจ้า และกางเขนของพระเยซูคริสต์

        ความถ่อมใจแท้ คือ การติดตามแบบอย่างของพระเยซูคริสต์  เพราะเหตุนี้ เปาโลบอกว่า “จงมีน้ำใจที่มีในพระเยซูคริสต์” (2.5)  หมายความว่า จงมีท่าทีที่พระเยซูมีอยู่   ท่าทีที่พระเยซูมีอยู่นั้นเป็นท่าทีแห่งความถ่อมพระทัยที่เสียสละพระองค์เอง 

        พระเยซูสำแดงแบบอย่างของความถ่อมใจลงอย่างไร

 

1.   พระเยซูทรงสละการเท่าเทียมกับพระเจ้าด้วยพระองค์เอง (2.6)

        ข้อที่ 6 บอกว่า “ผู้ทรงสภาพของพระเจ้า แต่มิได้ทรงถือว่าการเท่าเทียมกับพระเจ้านั้นเป็นสิ่งที่จะต้องยึดถือ”   คำว่า “ผู้ทรงสภาพของพระเจ้า” หมายความว่า พระเยซูเป็นพระเจ้าเอง   พระเยซูเคยทรงตรัสเรื่องนี้หลายครั้ง เช่น “เรากับพระบิดาเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน”   “ผู้ที่เห็นเรา ก็ได้เห็นพระบิดา”   เป็นต้น   พระเยซูมีฤทธิ์อำนาจ พระสิริ ความสรรเสริญ ปัญญา คำโมทนา และพระเกียรติเท่ากับพระเจ้า 

        ดังนั้น พระองค์ทรงมีสิทธิที่จะสำราญในพระสิริทุกอย่างในฐานะเป็นพระเจ้า  แต่พระองค์ได้ทรงสละทุกอย่างด้วยพระองค์เอง พระเยซูทรงเป็นพระเจ้า แต่ทรงสละที่จะอยู่ในพระเกียรติและพระสิริของพระองค์   นี่คือความถ่อมพระทัยของพระองค์

        ในวันนี้  เราควรเป็นเช่นนั้น  เราทุกคนมีเหตุผลที่จะไว้ใจในตัวเอง  เช่น ตระกูล ความฉลาด รูปร่างงาม การศึกษา ชื่อเสียง เกียรติยศ ฐานะในสังคม ความรวย เป็นต้น   ดังนั้นเราจึงสามารถอ้างสิทธิของตนได้  เราสามารถอวดในสิ่งที่เรามีอยู่  

        แต่เราควรละทิ้งสิ่งเหล่านี้ด้วยตนเอง เพื่อพระสิริของพระคริสต์ และเพื่อจะสร้างคุณงามความดีของคริสตจักรตามแบบอย่างของพระเยซู นี่แหละ คือความถ่อมใจแท้

 

2.   พระเยซูทรงถ่อมพระทัยลงจนได้รับสภาพทาส (2.7)

        ข้อ 7 ก็บอกว่า “แต่ได้กลับทรงสละ และทรงรับสภาพทาส ทรงถือกำเนิดเป็นมนุษย์”  

        แม้พระเยซูทรงเป็นพระเจ้าเที่ยงแท้ แต่พระองค์ไม่ได้ทรงใช้สิทธิของพระเจ้าบางอย่าง  และถือกำเนิดเป็นมนุษย์  พระองค์ได้ทรงรับสภาพทาส   พระเยซูผู้ทรงสถิตในสวรรค์ด้วยพระสิริและพระเกียรติ ได้เสด็จลงในโลกท่ามกลางมนุษย์  นี่คือความถ่อมพระทัยของพระเยซู

        เมื่อพระเยซูทรงบังเกิด พระองค์ได้ทรงบังเกิดในรางหญ้าในฐานะเป็นลูกของช่างไม้   หลังจากนั้น ชีวิตของพระเยซูเป็นชีวิตแห่งความถ่อมใจ   พระเยซูทรงเป็นชาวนาซาเร็ธที่คนอื่นได้ดูถูก   พระเยซูทรงเป็นมิตรสหายกับคนเก็บภาษี และคนบาป (ลก.7.34)   พระเยซูไม่มีการศึกษาเลย (ยน.7.15)  พระเยซูทรงยากจนมากจนไม่มีที่ที่จะวางศีรษะของพระองค์ (ลก.9.58)   พระเยซูตรัสว่า “เราจะทำสิ่งใดตามอำเภอใจไม่ได้ ... เรามิได้มุ่งที่จะทำตามใจของเราเอง แต่ตามพระประสงค์ของพระองค์ผู้ทรงใช้เรามา” (ยน.5.30)   สิ่งเหล่านี้ทั้งหมดแสดงให้เห็นถึงความถ่อมพระทัยของพระเยซู  พระเยซูมีพระทัยถ่อมลง พระองค์จึงตรัสว่า “เพราะว่า เราสุภาพและใจอ่อนน้อม...” (มธ.11.29)  

        เราเป็นอย่างไร  เราทุกคนอยากเป็นใหญ่ อยากเป็นเจ้านาย  อยากให้คนอื่นปรนนิบัติเรา และวางตัวลงเป็นเหมือนกษัตริย์ใช่ไหม  แต่พระเยซูได้ทรงบังเกิดอย่างมีความถ่อมพระทัย  ดำเนินชีวิตอย่างมีความถ่อมพระทัย และสิ้นพระชนม์อย่างมีความถ่อมพระทัย   พระเยซูได้ทรงปรนนิบัติคนมากมาย แทนที่จะได้รับการปรนนิบัติจากคนอื่น   พระเยซูทรงล้างเท้าของสาวกในฐานะเป็นอาจารย์และองค์พระผู้เป็นเจ้า   และพระองค์เคยสอนทางของทาสให้แก่เรา พระองค์ตรัสว่า  “...ถ้าผู้ใดใคร่จะได้เป็นใหญ่ในพวกท่าน ผู้นั้นจะต้องเป็นผู้ปรนนิบัติท่านทั้งหลาย  ถ้าผู้ใดใคร่จะเป็นเอกเป็นต้น  ผู้นั้นจะต้องเป็นทาสสมัครของพวกท่านอย่างที่บุตรมนุษย์มิได้มาเพื่อรับการปรนนิบัติ  แต่ท่านมาเพื่อจะปรนนิบัติเขาและประทานชีวิตของท่านให้เป็นค่าไถ่คนเป็นอันมาก” (มธ.20.26-28)   ใจที่ถ่อมลงเช่นนี้เป็นน้ำใจที่มีในพระเยซูคริสต์

        ภาชนะว่างเปล่า เก็บน้ำได้ฉันใด   เมื่อเราถ่อมใจลง  จะได้รับพระพรแห่งสวรรค์ได้ฉันนั้น  พระคัมภีร์บอกว่า “...พระเจ้าทรงเป็นปฎิปักษ์กับคนเหล่านั้นที่ถือตัวจองหอง แต่พระองค์ทรงสำแดงพระคุณแก่คนที่อ่อนน้อมถ่อมตน” (1 ปต. 5.5) 

       

3.   พระเยซูยอมเชื่อฟังจนถึงความมรณา (2.8)

        ข้อ 8 บอกว่า “และเมื่อทรงปรากฎพระองค์ในสภาพมนุษย์แล้ว พระองค์ก็ทรงถ่อมพระองค์ลงยอมเชื่อฟังจนถึงความมรณา กระทั่งความมรณาที่กางเขน” 

        พระเยซูทรงปรารถนาที่จะพ้นจากไม้กางเขน  ขอให้เรามองดูพระเยซูคริสต์ผู้ทรงอธิษฐานในสวนเกทเสมนี  พระองค์ตรัสกับสาวกของพระองค์ว่า “ใจของเราเป็นทุกข์แทบจะตาย...”(มธ.26.38)  แล้วทรงอธิษฐานกับพระเจ้าว่า “ถ้าเป็นได้ ขอให้ถ้วยนี้เลื่อนพ้นไปจากข้าพระองค์เถิด”   แต่ในที่สุด พระองค์ทรงยอมทำตามน้ำพระทัยของพระบิดา “อย่าให้เป็นไปตามใจปรารถนาของข้าพระองค์ แต่ให้เป็นไปตามพระทัยของพระองค์” (26.39)   ชีวิตของพระเยซูบนโลกนี้เป็นชีวิตที่มอบทุกอย่างไว้กับพระเจ้า พระบิดา   พระเยซูมิได้ถือว่า การเท่าเทียมกับพระเจ้า ถ่อมพระทัยลง รับสภาพทาส และบังเกิดมาเป็นมนุษย์ เพื่อทำให้น้ำพระทัยของพระเจ้าบรรลุผล  เพื่อจะทำให้น้ำพระทัยของพระเจ้าสำเร็จ พระเยซูยอมเชื่อฟังจนถึงตายที่กางเขน

        แท้จริงพระเยซูสามารถเคลื่อนพลทูตสวรรค์กว่า 12 กองได้ (ประมาณ 72,000 คน)   พระองค์ทรงทำลายพวกศัตรูด้วยฤทธิ์อำนาจของพระองค์ได้   แต่พระองค์ไม่ได้ทรงทำอะไรประการใดเลย   แต่ทรงกลับยอมเชื่อฟังพระเจ้า พระบิดา จนถึงความมรณาที่กางเขน

        พระองค์ทรงขอร้องสิ่งเดียวกันแก่เราในวันนี้ให้ถ่อมใจลงยอมเชื่อฟังพระเจ้าจนความตาย   มีบ่อยครั้ง ที่ไม่อยากเชื่อฟัง หรือคิดว่า เชื่อฟังไม่ได้  มีกำลังไม่พอที่จะเชื่อฟังเช่นนั้น  แต่เราต้องเชื่อฟัง เพราะเป็นน้ำพระทัยของพระองค์  และต้องเชื่อฟังจนถึงความตาย 

       

        ให้เรามีน้ำใจที่มีในพระเยซู   น้ำใจที่มีในพระเยซู คือความถ่อมพระทัยลง  พระเยซูทรงเป็นพระเจ้า แต่มิได้ทรงถือว่า การเท่าเทียมกับพระเจ้า ถ่อมพระทัยลง รับสภาพทาส ทรงถือกำเนิดเป็นมนุษย์ และยอมเชื่อฟังจนถึงความมรณา  พระเยซูทรงกระทำเช่นนี้ด้วยความถ่อมพระทัยลง ทำให้มนุษย์ ผู้เป็นคนบาปสามารถที่จะคืนดีกับพระเจ้าได้   พระเยซูทรงเปิดโอกาสให้มนุษย์กับพระเจ้าเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน

        ความถ่อมใจแท้  คือ ความถ่อมใจตามแบบอย่างของพระเยซู  เพราะพระองค์ทรงวางแบบอย่างให้เราปฏิบัติตาม  เมื่อเราถ่อมใจลงตามแบบอย่างของพระเยซูแล้ว  เราจะเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันได้ในพระเยซูคริสต์ 

        มีคริสเตียนชาวเกาหลีคนหนึ่ง  เป็นคนหนุ่มที่เรียนวิชาดนตรีคริสตจักรด้านเสียง  เขามีเสียงสูง  ก็มีโอกาสไปเรียนที่อเมริกา  เขาได้เรียนจากอาจารย์ที่ปรึกษาของเขา  อาจารย์ก็บอกว่า ไปโบสถ์ก็ดี แต่ไม่ให้เป็นคณะนักร้องของคริสตจักร  สาเหตุก็คือ เพลงสรรเสริญพระเจ้าส่วนใหญ่มีเสียงต่ำ ทำให้เสียงของเขาที่ฝึกมาเสียไปได้   ดังนั้น ถ้าจะเป็นนักร้องอุปรากรที่มีชื่อเสียง ต้องทำตามคำแนะนำของอาจารย์  ทำให้เกิดความลำบากใจ 

        แต่คนหนุ่มคนนี้ ได้เติบโตในครอบครัวที่เป็นคริสเตียนตั้งแต่เด็กเล็ก ๆ ในที่สุด เขาตัดสินใจว่า ถึงแม้ว่าไม่มีโอกาสได้เรียนจากอาจารย์ที่ปรึกษา แต่สละคณะนักร้องไม่ได้  จึงบอกกับอาจารย์คนนั้นว่า “ถึงแม้ว่า จะไม่เป็นคนมีชื่อเสียง แต่คำแนะนำที่ไม่ให้ร้องเพลงสรรเสริญพระเจ้าในคณะนักร้องในวันอาทิตย์นั้น ยอมรับไม่ได้”  ผลที่ตามมา คือแยกจากอาจารย์คนนั้น  ในช่วงแรกน้ำตาไหล เกิดความลังเลใจด้วย  แต่คิดถึงพระเยซู คิดว่า พระเยซูมีฐานะเท่ากับพระเจ้า แต่ได้ถ่อมพระทัยลง ทรงถือกำเนิดเป็นมนุษย์...  ได้ปลอบใจตัวเองด้วยพระวจนะของพระเจ้าเช่นนี้   ในช่วงนั้น มีโอกาสได้รับเชิญไปถวายเพลงพิเศษในงานประชุมฟื้นฟู ไม่เหมือนแต่ก่อน  ได้ร้องเพลงด้วยใจที่สารภาพความเชื่อ  เขาเองก็ได้ร้องด้วยความซาบซึ้งในพระคุณด้วยน้ำตาไหล  สมาชิกทุกคนก็ได้รับพระพรด้วยน้ำตาไหล   หลังจากการประชุมฟื้นฟูผ่านไปแล้ว  ปรากฏว่าได้รับโทรศัพท์จากอาจารย์คนที่มีชื่อเสียงดีกว่าอาจารย์คนก่อน  ในที่สุด เขาได้เรียนกับอาจารย์คนใหม่นี้ และได้เป็นนักร้องอุปรากรที่มีชื่อเสียงมาก  เรื่องนี้เป็นเรื่องที่น่าประทับใจมาก

        ทุกวันนี้  มีคริสเตียนบางคนเลิกล้มที่จะติดตามพระเยซู  เพื่อจะเป็นคนที่มีชื่อเสียง  และมีบางคนกำลังดำเนินชีวิตด้วยน้ำใจที่มีในพระเยซู และเชื่อฟังตามพระวจนะของพระเจ้าทุกประการ  พระเจ้าจะยกใครสูง และประทานชื่อเหนือชื่อทั้งปวงให้แก่ใคร 

 




Map - Introduce

แนะนำร้านหนังสือคริสเตียนอื่นๆ article
แผนที่ศูนย์ทีรันนัส article



Copyright © 2010 All Rights Reserved.