ReadyPlanet.com
dot
dot
แจ้งเพื่อรับข่าวสารจากเรา

dot
dot
ทีรันนัสดอทคอม
dot
bulletสารจากผู้อำนวยการ
bulletประวัติทีรันนัส
bulletติดต่อเรา
bulletแผนที่
bulletสมุดเซ็นเยี่ยม
bulletข่าวสารจากทีรันนัส
dot
หนังสือแยกเป็นหมวดหมู่
dot
bulletหมวด คริสเตียนศึกษา
bulletหมวด การเทศนา
bulletหมวด อธิบายพระคัมภีร์
bulletหมวด คู่มือศึกษาพระคัมภีร์
bulletหมวด ชีวิตคริสเตียน
bulletหมวด เพิ่มพูนคริสตจักร
bulletหมวด การสร้างสาวก
bulletหมวด การประกาศ-มิชชั่น
dot
สำนักพิมพ์ ทีรันนัส
dot
bulletสมัครเป็นสมาชิก
bulletสมัครเป็นผู้แทนจำหน่าย
bulletหนังสือใหม่ล่าสุด
bulletหนังสือขายดีติดอันดับ
bulletหนังสือพิมพ์ซ้ำ
bulletวิธีสั่งซื้อสินค้าจากเรา
bulletศูนย์รับแจ้งสินค้ามีปัญหา
bulletแนะนำร้านหนังสือคริสเตียน
dot
Phon Phaiboon Church
dot
bulletคำเทศนาของศิษยาภิบาล
bulletข่าวสารจากคริสตจักร
dot
เว็บอื่นๆ
dot
bulletLink ลิ้งค์ไปเว็บคริสเตียน
bulletwww.thaichristians.net


องค์การ gpinternational
สหกิจคริสเตียนแห่งประเทศไทย
เว็บข่าวสารคริสเตียนไทย ทั่วฟ้าเมืองไทย ไม่แบ่งแยกคณะ บทความ  คำเทศนา  เรื่องสั้น  บทกลอน  แจกโฮมเพจเพื่อคริสตจักรในท้องถิ่น.... ฟังคำเทษนาออน์ไลน์  ลิ้งค์ไปเว็บต่างของคริสเตียนทั่วโลก   แหล่งซื้อขายของคริสเตียน  สิ่งดีๆที่คุณไม่ควรพลาดในเว็บไทยคริสเ
สมาคมพระคริสตธรรมไทย
คริสตจักรพรไพบูลย์


คำเทศนาเรื่อง เราควรดำเนินชีวิตอย่างไร article

 

คำเทศนาโดย ศจ. ดร. จุง ซิก คิม

วันอาทิตย์ที่ 7 สิงหาคม 2005

พระธรรม : ฟีลิปปี 1:19-26

ถ้าพระเยซูคริสต์จะเสด็จกลับมาในวันนี้ การดำเนินชีวิตของเราเป็นสิ่งที่น่าพอใจมั้ย  หรือรู้สึกยังไม่พร้อมที่จะรับเสด็จพระเยซูคริสต์   เนื่องด้วยว่า ไม่มีใครรู้วันนั้น โมงนั้นที่พระเยซูจะเสด็จกลับ  พระองค์จะเสด็จกลับมาได้ทุกเวลา  ดังนั้น เราควรคิดเสมอว่า เราควรดำเนินชีวิตอย่างไร  ให้เราศึกษาและเรียนรู้จากท่าทีของเปาโลซึ่งปรากฎอยู่ในพระคัมภีร์ตอนนี้ 

 

1.  เราควรดำเนินชีวิตที่ไม่มีความละอาย (1:19-20ก)

                เปาโลปรารถนาที่จะดำเนินชีวิตที่ไม่มีความละอาย  ในข้อ 20 เปาโลบอกว่า

“เพราะว่าเป็นความมุ่งมาดปรารถนาและความหวัง ว่าข้าพเจ้าจะไม่ได้รับความละอายใดๆ เลย แต่เมื่อก่อนทุกครั้งมีใจกล้าเสมอฉันใด บัดนี้ก็ขอให้เป็นเช่นเดียว กันฉันนั้น...”  

 

 

                เราก็ควรดำเนินชีวิตที่ไม่มีความละอาย   ชีวิตที่ไม่มีความละอายในแง่ลบนั้นเป็นชีวิตที่ไม่ได้ทำผิด   ความบาปใหญ่ที่ทำให้เรารู้สึกอายมาก ก็คือการไม่เชื่อฟัง   อาดัมเป็นตัวอย่างที่ดีในเรื่องนี้   ก่อนที่อาดัมทำผิดต่อพระเจ้านั้น อาดัมไม่เคยรู้สึกอายเลย แต่เมื่อได้ทำผิดแล้ว เป็นครั้งแรกที่รู้สึกอายจนซ่อนตัวอยู่ให้ต้นไม้เมื่อพระเจ้าทรงเรียก

                ชีวิตที่ไม่มีความละอายในแง่บวกนั้น ได้ถูกสำแดงออกในชีวิตคริสเตียน  จากผลการสำรวจชีวิตคริสเตียนชาวเกาหลีในต้นปีที่ผ่านมา คริสเตียนชาวเกาหลีประมาณร้อยละ 88.4 ไปนมัสการที่คริสตจักรเป็นประจำ และร้อยละ 11.6 ได้ถือตัวเองว่า เป็นคริสเตียน แต่ไม่ค่อยไปโบสถ์   ชีวิตแห่งการไปนมัสการที่คริสตจักรของเราเป็นอย่างไร น่าพอใจมั้ย  ส่วนชีวิตแห่งการถวายทรัพย์นั้น โดยเฉลี่ยแล้ว คริสเตียนชาวเกาหลีได้ถวายทรัพย์ประมาณ 4,200 บาทต่อเดือน  เราถวายทรัพย์ประมาณเท่าไรต่อเดือน  ชีวิตแห่งการถวายทรัพย์นั้นเราไม่มีความละอายหรือไม่  ตามผลของการสำรวจ คริสเตียนชาวเกาหลีได้ใช้เวลาประมาณ 62 นาทีต่อสัปดาห์ในการภาวนาพระวจนะนอกจากเวลาที่นมัสการร่วมกัน และใช้เวลาประมาณ 27 นาทีต่อวันในการอธิษฐานส่วนตัว  ชีวิตของเราในการภาวนาและในการอธิษฐานเป็นอย่างไร   ต่อคำถามที่ว่า ในระยะเวลาหนึ่งปีที่ผ่านมา เคยนำคนใดให้มาโบสถ์มั้ย คริสเตียนประมาณร้อยละ 26.4 ได้ตอบว่า เคย แต่ที่เหลือประมาณร้อยละ73.6ไม่เคย   สำหรับเราเป็นอย่างไรเรื่องการนำคนอื่นมาหาพระเยซู           

                เพื่อดำเนินชีวิตที่ไม่มีความละอาย มีสิ่งจำเป็น 2 ประการ  

ประการแรก    คือ     คำอธิษฐานของคริสเตียนคนอื่น      คำอธิษฐานของคริสเตียนชาวฟีลิปปีเป็นเหตุให้เปาโลสามารถที่จะดำเนินชีวิตที่ไม่มีความละอาย และมีใจกล้าที่จะเอาพระคริสต์เป็นศูนย์กลางในการดำเนินชีวิต  ข้อ 19 บอกว่า

“ข้าพเจ้าจะมีความชื่นชมยินดีต่อไปด้วย เพราะข้าพเจ้ารู้ว่า โดยคำอธิษฐานของท่าน...” 

 เมื่อเราอ่านจดหมายฝากของเปาโลทุกฉบับ เราเห็นได้ว่า เปาโลอธิษฐานเผื่อผู้อ่านจดหมายฉบับเหล่านั้น  ในเวลาเดียวกัน เปาโลได้ขอให้คริสตจักรเหล่านี้อธิษฐานเผื่อตนเองด้วย นั่นก็คือเปาโลพึ่งอาศัยคำอธิษฐานของคริสเตียน  เพราะว่าคำอธิษฐานของคริสเตียนคนอื่นนั้น สำคัญมากในชีวิตและการรับใช้พระเจ้าของเปาโล  ไม่มีใครที่แข็งแรงพอที่จะดำเนินชีวิตอย่างมีชัยชนะโดยปราศจากคำอธิฐานของคนอื่น

                อีกประการหนึ่งที่จำเป็นเพื่อดำเนินชีวิตที่ไม่มีความละอาย ก็คือ ความช่วยเหลือของพระวิญญาณบริสุทธิ์   ถ้าเราดำเนินตามเนื้อหนัง เราก็จะเกิดผลของเนื้อหนัง ซึ่งเป็นชีวิตที่เต็มไปด้วยความละอาย  แต่ถ้าพระวิญญาณบริสุทธิ์ทรงนำเรา เราก็จะเกิดผลของพระวิญญาณบริสุทธิ์  ซึ่งเป็นชีวิตที่ไม่มีความละอาย และมีใจกล้าที่จะยืนอยู่จำเพาะพระพักตร์ของพระเจ้า  เนื้อหนังนำเราไปสู่ความตาย แต่พระวิญญาณนำเราไปสู่ชีวิต   ชีวิตคริสเตียนเป็นชีวิตที่ถอดชีวิตเก่าและสวมชีวิตใหม่ และเป็นชีวิตที่พระคริสต์ทรงดำเนินแทนเรา  ดังนั้นเราจำเป็นต้องได้รับการช่วยเหลือของพระวิญญาณบริสุทธิ์ 

 

2.   เราควรดำเนินชีวิตที่ยกย่องพระคริสต์เสมอ (1:20 ข - 21) 

                เปาโลปรารถนาและพยายามที่จะดำเนินชีวิตที่พระเยซูคริสต์ได้รับเกียรติ  ข้อ 20 ข ได้กล่าวว่า

“พระคริสต์จะได้ทรงรับเกียรติในร่างกายของข้าพเจ้าเสมอ แม้จะโดยชีวิตหรือโดยความตาย”  

ความสนใจสูงสุดของเปาโล ก็คือ การถวายพระเกียรติแก่พระเจ้า   เปาโลได้ถวายพระเกียรติแก่พระเจ้าผ่านทางชีวิตของตนเอง ไม่ใช่ด้วยความคิด หรือด้วยปากเท่านั้น แต่ด้วยชีวิตของตน  ในข้อ 20 ข ได้บอกว่า “ในร่างกายของข้าพเจ้า”   แล้วเปาโลได้ท้าทายคริสเตียนว่า

 

“เหตุฉะนั้นเมื่อท่านจะรับประทาน จะดื่ม หรือจะทำอะไรก็ตาม จงกระทำเพื่อเป็นการถวายพระเกียรติแด่พระเจ้า”  (1 โครินธ์ 10:31)

                การดำเนินชีวิตของเราเป็นอย่างไร   เราสนใจอะไรบ้าง  ความสนใจสูงสุดของเรา คืออะไร  เรากำลังถวายพระเกียรติแด่พระเจ้าด้วยชีวิตของเรามั้ย   หรือด้วยความคิด หรือด้วยการพูดเท่านั้น  ถ้าเราจะยกย่องพระคริสต์ที่แท้จริง เราจำต้องแสดงด้วยชีวิต  ความคิดหรือการพูดอย่างเดียวไม่เพียงพอ  ถึงแม้มีความคิดที่ดี และพูดเก่ง แต่ไม่มีการลงมือทำ ก็ไร้ประโยชน์   เหมือนที่ยากอบได้กล่าวไว้ใน ยากอบ 2:26 ว่า

“เพราะกายที่ปราศจากจิตวิญญาณนั้นไร้ชีพแล้วฉันใด ความเชื่อที่ปราศจากการประพฤติก็ไร้ผลฉันนั้น” 

                สำหรับเปาโล  พระเยซูคริสต์ทรงเป็นสาเหตุของการมีชีวิตและความเป็นอยู่   การมีชีวิตอยู่สำหรับเขา คือพระเยซูคริสต์   ถ้าไม่มีพระคริสต์แล้ว ทุกอย่างในชีวิตของเขาก็ไม่มีความหมายอะไรเลย   สำหรับเขาแม้ความตายก็มีความหมาย  ข้อ 21 บอกว่า  

“เพราะสำหรับข้าพเจ้านั้นการมีชีวิตอยู่ก็เพื่อพระคริสต์ และการตายก็ได้กำไร”  

                สำหรับเรา อะไรเป็นสาเหตุความเป็นอยู่ของเรา   เรามีชีวิตอยู่เพื่ออะไร  

 

3.   เราควรดำเนินชีวิตเพื่อประโยชน์ของคนอื่นเสมอ (1:22-26)

                เปาโลปรารถนาที่จะดำเนินชีวิตเพื่อคนอื่นเสมอ   เปาโลรู้ดีว่า การตายประเสริฐกว่าสำหรับตัวเอง เพราะว่า เมื่อตายแล้ว ไปอยู่กับพะเยซูคริสต์ได้ ดังนั้นเขาจึงอยากจะจากโลกนี้ไปอยู่กับพระองค์เร็วๆนี้ 

                ในเวลาเดียวกัน เปาโลรู้ว่า เมื่อคิดถึงความต้องการของผู้เชื่อในเมืองฟีลิปปี การมีชีวิตในร่างกายยังจำเป็นอยู่   ข้อ 22 ข และข้อ 23 กได้บอกว่า

“...แต่ข้าพเจ้าบอกไม่ได้ว่าจะเลือกฝ่ายไหนดี  ข้าพเจ้าลังเลใจอยู่ในระหว่างสองฝ่ายนี้ ...”   

ในที่สุดเปาโลได้เลือกที่จะเอาประโยชน์ของผู้อื่นก่อนความปรารถนาส่วนตัว  เขาจึงเก็บความปรารถนาส่วนตัวไว้ให้อยู่ข้างหลังเพราะเห็นแก่ผลประโยชน์ของคริสเตียนชาวฟีลิปปี 

เปาโลพยายามให้คริสเตียนชาวฟีลิปปีได้รับผลประโยชน์มากเท่าที่เป็นไปได้  เช่น ให้มีความเจริญขึ้นในความเชื่อ  ให้มีความชื่นชมยินดีในความเชื่อ และให้มี

ความปลาบปลื้มใจมากยิ่งขึ้นในพระคริสต์    เพราะว่าในขณะนั้น เปาโลได้ถูกจำจองอยู่ในเรือนจำที่กรุงโรม และคริสเตียนชาวฟีลิปปีกำลังอธิษฐานเพื่อการปลดปล่อยเปาโล    ดังนั้นถ้าเปาโลได้ถูกปล่อย มีอิสระเสรีภาพ  นั่นเป็นคำตอบของคำอธิษฐานของชาวฟีลิปปี และเปาโลสามารถที่จะอบรมสั่งสอนคริสเตียนชาวฟีลิปปีต่อไปได้

                การดำเนินชีวิตของเราเป็นอย่างไรบ้าง   เราก็มีความปรารถนาและแผนการของตนหลายอย่าง  ถึงอย่างไรก็ตาม เราจำเป็นต้องคิดถึงผลประโยชน์ฝ่ายวิญญาณ และความเจริญฝ่ายวิญญาณของคนอื่นก่อน 

ถ้าพระเยซูคริสต์จะเสด็จกลับมาในวันพรุ่งนี้ เราควรดำเนินชีวิตอย่างไร   ชีวิตคริสเตียนเป็นชีวิตฝ่ายวิญญาณ   ชีวิตคริสเตียนไม่ใช่เป็นชีวิตที่เอาตัวเองเป็นศูนย์กลาง แต่เป็นชีวิตที่เอาพระเยซูคริสต์เป็นศูนย์กลางก่อน  ชีวิตที่เอาพระคริสต์เป็นศูนย์กลางนั้นเป็นชีวิตที่ไม่มีความละอาย  เป็นชีวิตที่ถวายพระเกียรติแด่พระเจ้า และเป็นชีวิตที่แสวงหาผลประโยชน์ของคนอื่น 

ขอให้เราพิจารณาดูชีวิตของตนในเวลานี้ ถ้ามีอะไรที่ทำให้เรารู้สึกอาย ไม่ถวายพระเกียรติแด่พระเจ้า หรือไม่ได้แสวงหาผลประโยชน์ของคนอื่นให้เราสารภาพความบาปนั้น แล้วขอให้เราพึ่งอาศัยฤทธิ์อำนาจของพระวิญญาณบริสุทธิ์ อธิษฐานขอให้พระองค์ทรงช่วยเราให้เราดำเนินชีวิตเช่นนั้นได้   แล้วในวันที่พระเยซูจะเสด็จกลับมาเป็นครั้งที่สอง พระองค์จะทรงชมเชยชีวิตของเรา  ความปลาบปลื้มใจของเราจะเพิ่มมากยิ่งขึ้นด้วย

 




คำเทศนาปี 2005

เทศนาเรื่อง เราจะปรนนิบัติพระเจ้า article
เทศนาเรื่อง เจ้าของวันคริสต์มาสครั้งแรก article
เทศนาเรื่อง ความสนพระทัยของพระองค์และหน้าที่ของธรรมิกชน article
เทศนาเรื่อง ให้เรารักพระวจนะของพระเจ้า article
เทศนาเรื่อง ให้เรามีส่วนในข่าวประเสริฐ article
คำเทศนาเรื่อง ความเชื่อที่มุ่งไปข้างหน้า article
เทศนาเรื่อง นมัสการด้วยใจขอบพระคุณ article
เทศนาเรื่อง คริสเตียนที่สวยงาม article
เทศนาเรื่อง ท่านกำลังแสวงหาอะไรอยู่ article
Sermon 3 article
Sermon 2 article
Sermon 1 article
คำเทศนาเรื่อง ผู้ใหญ่ฝ่ายวิญญาณ article
คำเทศนาเรื่อง ชัยชนะเหนือความกลัว article
คำเทศนาเรื่อง ความเชื่อของทิโมธี article
คำเทศนาเรื่อง ให้คริสตจักรเต็มด้วยผู้นมัสการ article
คำเทศนาเรื่อง ชีวิตคริสเตียนที่ส่องสว่าง article
คำเทศนาเรื่อง พระเยซูผู้ถูกยกขึ้นอย่างสูง article
คำเทศนาเรื่อง ผู้คนที่พระเจ้าแสวงหา article
คำเทศนาเรื่อง พระเยซูผู้ทรงถ่อมพระทัย article
คำเทศนาเรื่อง ให้เราเป็นอันหนึ่งอันเดียวในพระเป็นเจ้า article
คำเทศนาเรื่อง สองสิ่งที่คริสเตียนควรรู้ article
คำเทศนาเรื่อง จงระลึกถึงวันของพระเป็นเจ้า article
คำเทศนาเรื่อง ชีวิตที่สมกับข่าวประเสริฐ article
คำเทศนาเรื่อง ของมีค่าอยู่ในภาชนะดิน article
คำเทศนาเรื่อง จงออกไปประกาศข่าวปรเสริฐ article
คำเทศนาเรื่อง เพชรพลอย 3 อย่างของคริสเตียน article
คำเทศนาเรื่อง ผู้คนที่เผาหนังสือตำรา article
คำเทศนาเรื่อง หญิงที่เปิดผอบน้ำมันหอม article
คำเทศนาเรื่อง ศักเคียสได้พบพระเยซู article
คำเทศนาเรื่อง คุณค่าของแผ่นดินสวรรค์ article
คำเทศนาเรื่อง คำอุปมาเรื่องแกะกับแพะ article
คำเทศนาเรื่อง : คริสเตียนที่ดี article
คำเทศนาเรื่อง : คริสเตียนที่พระเจ้าชมเชย article
คำเทศนาเรื่อง สองสิ่งที่มนุษย์ควรรู้ article
คำเทศนาเรื่อง การนมัสการที่พระเจ้าพอพระทัย article
คำเทศนาเรื่อง จงระลึกถึงพระผู้สร้างของท่าน article
คำเทศนาเรื่อง ผู้ที่จะได้รับพระพรของพระเจ้า article
คำเทศนาเรื่อง ให้เรารับพระพรของพระเจ้า article



Copyright © 2010 All Rights Reserved.