คำเทศนาโดย ศจ. ดร. จุง ซิก คิม
วันอาทิตย์ที่ 7 สิงหาคม 2005
พระธรรม : ฟีลิปปี 1:19-26
ถ้าพระเยซูคริสต์จะเสด็จกลับมาในวันนี้ การดำเนินชีวิตของเราเป็นสิ่งที่น่าพอใจมั้ย หรือรู้สึกยังไม่พร้อมที่จะรับเสด็จพระเยซูคริสต์ เนื่องด้วยว่า ไม่มีใครรู้วันนั้น โมงนั้นที่พระเยซูจะเสด็จกลับ พระองค์จะเสด็จกลับมาได้ทุกเวลา ดังนั้น เราควรคิดเสมอว่า เราควรดำเนินชีวิตอย่างไร ให้เราศึกษาและเรียนรู้จากท่าทีของเปาโลซึ่งปรากฎอยู่ในพระคัมภีร์ตอนนี้
1. เราควรดำเนินชีวิตที่ไม่มีความละอาย (1:19-20ก)
เปาโลปรารถนาที่จะดำเนินชีวิตที่ไม่มีความละอาย ในข้อ 20 เปาโลบอกว่า
เพราะว่าเป็นความมุ่งมาดปรารถนาและความหวัง ว่าข้าพเจ้าจะไม่ได้รับความละอายใดๆ เลย แต่เมื่อก่อนทุกครั้งมีใจกล้าเสมอฉันใด บัดนี้ก็ขอให้เป็นเช่นเดียว กันฉันนั้น...
เราก็ควรดำเนินชีวิตที่ไม่มีความละอาย ชีวิตที่ไม่มีความละอายในแง่ลบนั้นเป็นชีวิตที่ไม่ได้ทำผิด ความบาปใหญ่ที่ทำให้เรารู้สึกอายมาก ก็คือการไม่เชื่อฟัง อาดัมเป็นตัวอย่างที่ดีในเรื่องนี้ ก่อนที่อาดัมทำผิดต่อพระเจ้านั้น อาดัมไม่เคยรู้สึกอายเลย แต่เมื่อได้ทำผิดแล้ว เป็นครั้งแรกที่รู้สึกอายจนซ่อนตัวอยู่ให้ต้นไม้เมื่อพระเจ้าทรงเรียก
ชีวิตที่ไม่มีความละอายในแง่บวกนั้น ได้ถูกสำแดงออกในชีวิตคริสเตียน จากผลการสำรวจชีวิตคริสเตียนชาวเกาหลีในต้นปีที่ผ่านมา คริสเตียนชาวเกาหลีประมาณร้อยละ 88.4 ไปนมัสการที่คริสตจักรเป็นประจำ และร้อยละ 11.6 ได้ถือตัวเองว่า เป็นคริสเตียน แต่ไม่ค่อยไปโบสถ์ ชีวิตแห่งการไปนมัสการที่คริสตจักรของเราเป็นอย่างไร น่าพอใจมั้ย ส่วนชีวิตแห่งการถวายทรัพย์นั้น โดยเฉลี่ยแล้ว คริสเตียนชาวเกาหลีได้ถวายทรัพย์ประมาณ 4,200 บาทต่อเดือน เราถวายทรัพย์ประมาณเท่าไรต่อเดือน ชีวิตแห่งการถวายทรัพย์นั้นเราไม่มีความละอายหรือไม่ ตามผลของการสำรวจ คริสเตียนชาวเกาหลีได้ใช้เวลาประมาณ 62 นาทีต่อสัปดาห์ในการภาวนาพระวจนะนอกจากเวลาที่นมัสการร่วมกัน และใช้เวลาประมาณ 27 นาทีต่อวันในการอธิษฐานส่วนตัว ชีวิตของเราในการภาวนาและในการอธิษฐานเป็นอย่างไร ต่อคำถามที่ว่า ในระยะเวลาหนึ่งปีที่ผ่านมา เคยนำคนใดให้มาโบสถ์มั้ย คริสเตียนประมาณร้อยละ 26.4 ได้ตอบว่า เคย แต่ที่เหลือประมาณร้อยละ73.6ไม่เคย สำหรับเราเป็นอย่างไรเรื่องการนำคนอื่นมาหาพระเยซู
เพื่อดำเนินชีวิตที่ไม่มีความละอาย มีสิ่งจำเป็น 2 ประการ
ประการแรก คือ คำอธิษฐานของคริสเตียนคนอื่น คำอธิษฐานของคริสเตียนชาวฟีลิปปีเป็นเหตุให้เปาโลสามารถที่จะดำเนินชีวิตที่ไม่มีความละอาย และมีใจกล้าที่จะเอาพระคริสต์เป็นศูนย์กลางในการดำเนินชีวิต ข้อ 19 บอกว่า
ข้าพเจ้าจะมีความชื่นชมยินดีต่อไปด้วย เพราะข้าพเจ้ารู้ว่า โดยคำอธิษฐานของท่าน...
เมื่อเราอ่านจดหมายฝากของเปาโลทุกฉบับ เราเห็นได้ว่า เปาโลอธิษฐานเผื่อผู้อ่านจดหมายฉบับเหล่านั้น ในเวลาเดียวกัน เปาโลได้ขอให้คริสตจักรเหล่านี้อธิษฐานเผื่อตนเองด้วย นั่นก็คือเปาโลพึ่งอาศัยคำอธิษฐานของคริสเตียน เพราะว่าคำอธิษฐานของคริสเตียนคนอื่นนั้น สำคัญมากในชีวิตและการรับใช้พระเจ้าของเปาโล ไม่มีใครที่แข็งแรงพอที่จะดำเนินชีวิตอย่างมีชัยชนะโดยปราศจากคำอธิฐานของคนอื่น
อีกประการหนึ่งที่จำเป็นเพื่อดำเนินชีวิตที่ไม่มีความละอาย ก็คือ ความช่วยเหลือของพระวิญญาณบริสุทธิ์ ถ้าเราดำเนินตามเนื้อหนัง เราก็จะเกิดผลของเนื้อหนัง ซึ่งเป็นชีวิตที่เต็มไปด้วยความละอาย แต่ถ้าพระวิญญาณบริสุทธิ์ทรงนำเรา เราก็จะเกิดผลของพระวิญญาณบริสุทธิ์ ซึ่งเป็นชีวิตที่ไม่มีความละอาย และมีใจกล้าที่จะยืนอยู่จำเพาะพระพักตร์ของพระเจ้า เนื้อหนังนำเราไปสู่ความตาย แต่พระวิญญาณนำเราไปสู่ชีวิต ชีวิตคริสเตียนเป็นชีวิตที่ถอดชีวิตเก่าและสวมชีวิตใหม่ และเป็นชีวิตที่พระคริสต์ทรงดำเนินแทนเรา ดังนั้นเราจำเป็นต้องได้รับการช่วยเหลือของพระวิญญาณบริสุทธิ์
2. เราควรดำเนินชีวิตที่ยกย่องพระคริสต์เสมอ (1:20 ข - 21)
เปาโลปรารถนาและพยายามที่จะดำเนินชีวิตที่พระเยซูคริสต์ได้รับเกียรติ ข้อ 20 ข ได้กล่าวว่า
พระคริสต์จะได้ทรงรับเกียรติในร่างกายของข้าพเจ้าเสมอ แม้จะโดยชีวิตหรือโดยความตาย
ความสนใจสูงสุดของเปาโล ก็คือ การถวายพระเกียรติแก่พระเจ้า เปาโลได้ถวายพระเกียรติแก่พระเจ้าผ่านทางชีวิตของตนเอง ไม่ใช่ด้วยความคิด หรือด้วยปากเท่านั้น แต่ด้วยชีวิตของตน ในข้อ 20 ข ได้บอกว่า ในร่างกายของข้าพเจ้า แล้วเปาโลได้ท้าทายคริสเตียนว่า
เหตุฉะนั้นเมื่อท่านจะรับประทาน จะดื่ม หรือจะทำอะไรก็ตาม จงกระทำเพื่อเป็นการถวายพระเกียรติแด่พระเจ้า (1 โครินธ์ 10:31)
การดำเนินชีวิตของเราเป็นอย่างไร เราสนใจอะไรบ้าง ความสนใจสูงสุดของเรา คืออะไร เรากำลังถวายพระเกียรติแด่พระเจ้าด้วยชีวิตของเรามั้ย หรือด้วยความคิด หรือด้วยการพูดเท่านั้น ถ้าเราจะยกย่องพระคริสต์ที่แท้จริง เราจำต้องแสดงด้วยชีวิต ความคิดหรือการพูดอย่างเดียวไม่เพียงพอ ถึงแม้มีความคิดที่ดี และพูดเก่ง แต่ไม่มีการลงมือทำ ก็ไร้ประโยชน์ เหมือนที่ยากอบได้กล่าวไว้ใน ยากอบ 2:26 ว่า
เพราะกายที่ปราศจากจิตวิญญาณนั้นไร้ชีพแล้วฉันใด ความเชื่อที่ปราศจากการประพฤติก็ไร้ผลฉันนั้น
สำหรับเปาโล พระเยซูคริสต์ทรงเป็นสาเหตุของการมีชีวิตและความเป็นอยู่ การมีชีวิตอยู่สำหรับเขา คือพระเยซูคริสต์ ถ้าไม่มีพระคริสต์แล้ว ทุกอย่างในชีวิตของเขาก็ไม่มีความหมายอะไรเลย สำหรับเขาแม้ความตายก็มีความหมาย ข้อ 21 บอกว่า
เพราะสำหรับข้าพเจ้านั้นการมีชีวิตอยู่ก็เพื่อพระคริสต์ และการตายก็ได้กำไร
สำหรับเรา อะไรเป็นสาเหตุความเป็นอยู่ของเรา เรามีชีวิตอยู่เพื่ออะไร
3. เราควรดำเนินชีวิตเพื่อประโยชน์ของคนอื่นเสมอ (1:22-26)
เปาโลปรารถนาที่จะดำเนินชีวิตเพื่อคนอื่นเสมอ เปาโลรู้ดีว่า การตายประเสริฐกว่าสำหรับตัวเอง เพราะว่า เมื่อตายแล้ว ไปอยู่กับพะเยซูคริสต์ได้ ดังนั้นเขาจึงอยากจะจากโลกนี้ไปอยู่กับพระองค์เร็วๆนี้
ในเวลาเดียวกัน เปาโลรู้ว่า เมื่อคิดถึงความต้องการของผู้เชื่อในเมืองฟีลิปปี การมีชีวิตในร่างกายยังจำเป็นอยู่ ข้อ 22 ข และข้อ 23 กได้บอกว่า
...แต่ข้าพเจ้าบอกไม่ได้ว่าจะเลือกฝ่ายไหนดี ข้าพเจ้าลังเลใจอยู่ในระหว่างสองฝ่ายนี้ ...
ในที่สุดเปาโลได้เลือกที่จะเอาประโยชน์ของผู้อื่นก่อนความปรารถนาส่วนตัว เขาจึงเก็บความปรารถนาส่วนตัวไว้ให้อยู่ข้างหลังเพราะเห็นแก่ผลประโยชน์ของคริสเตียนชาวฟีลิปปี
เปาโลพยายามให้คริสเตียนชาวฟีลิปปีได้รับผลประโยชน์มากเท่าที่เป็นไปได้ เช่น ให้มีความเจริญขึ้นในความเชื่อ ให้มีความชื่นชมยินดีในความเชื่อ และให้มี
ความปลาบปลื้มใจมากยิ่งขึ้นในพระคริสต์ เพราะว่าในขณะนั้น เปาโลได้ถูกจำจองอยู่ในเรือนจำที่กรุงโรม และคริสเตียนชาวฟีลิปปีกำลังอธิษฐานเพื่อการปลดปล่อยเปาโล ดังนั้นถ้าเปาโลได้ถูกปล่อย มีอิสระเสรีภาพ นั่นเป็นคำตอบของคำอธิษฐานของชาวฟีลิปปี และเปาโลสามารถที่จะอบรมสั่งสอนคริสเตียนชาวฟีลิปปีต่อไปได้
การดำเนินชีวิตของเราเป็นอย่างไรบ้าง เราก็มีความปรารถนาและแผนการของตนหลายอย่าง ถึงอย่างไรก็ตาม เราจำเป็นต้องคิดถึงผลประโยชน์ฝ่ายวิญญาณ และความเจริญฝ่ายวิญญาณของคนอื่นก่อน
ถ้าพระเยซูคริสต์จะเสด็จกลับมาในวันพรุ่งนี้ เราควรดำเนินชีวิตอย่างไร ชีวิตคริสเตียนเป็นชีวิตฝ่ายวิญญาณ ชีวิตคริสเตียนไม่ใช่เป็นชีวิตที่เอาตัวเองเป็นศูนย์กลาง แต่เป็นชีวิตที่เอาพระเยซูคริสต์เป็นศูนย์กลางก่อน ชีวิตที่เอาพระคริสต์เป็นศูนย์กลางนั้นเป็นชีวิตที่ไม่มีความละอาย เป็นชีวิตที่ถวายพระเกียรติแด่พระเจ้า และเป็นชีวิตที่แสวงหาผลประโยชน์ของคนอื่น
ขอให้เราพิจารณาดูชีวิตของตนในเวลานี้ ถ้ามีอะไรที่ทำให้เรารู้สึกอาย ไม่ถวายพระเกียรติแด่พระเจ้า หรือไม่ได้แสวงหาผลประโยชน์ของคนอื่นให้เราสารภาพความบาปนั้น แล้วขอให้เราพึ่งอาศัยฤทธิ์อำนาจของพระวิญญาณบริสุทธิ์ อธิษฐานขอให้พระองค์ทรงช่วยเราให้เราดำเนินชีวิตเช่นนั้นได้ แล้วในวันที่พระเยซูจะเสด็จกลับมาเป็นครั้งที่สอง พระองค์จะทรงชมเชยชีวิตของเรา ความปลาบปลื้มใจของเราจะเพิ่มมากยิ่งขึ้นด้วย