ReadyPlanet.com
dot
dot
แจ้งเพื่อรับข่าวสารจากเรา

dot
dot
ทีรันนัสดอทคอม
dot
bulletสารจากผู้อำนวยการ
bulletประวัติทีรันนัส
bulletติดต่อเรา
bulletแผนที่
bulletสมุดเซ็นเยี่ยม
bulletข่าวสารจากทีรันนัส
dot
หนังสือแยกเป็นหมวดหมู่
dot
bulletหมวด คริสเตียนศึกษา
bulletหมวด การเทศนา
bulletหมวด อธิบายพระคัมภีร์
bulletหมวด คู่มือศึกษาพระคัมภีร์
bulletหมวด ชีวิตคริสเตียน
bulletหมวด เพิ่มพูนคริสตจักร
bulletหมวด การสร้างสาวก
bulletหมวด การประกาศ-มิชชั่น
dot
สำนักพิมพ์ ทีรันนัส
dot
bulletสมัครเป็นสมาชิก
bulletสมัครเป็นผู้แทนจำหน่าย
bulletหนังสือใหม่ล่าสุด
bulletหนังสือขายดีติดอันดับ
bulletหนังสือพิมพ์ซ้ำ
bulletวิธีสั่งซื้อสินค้าจากเรา
bulletศูนย์รับแจ้งสินค้ามีปัญหา
bulletแนะนำร้านหนังสือคริสเตียน
dot
Phon Phaiboon Church
dot
bulletคำเทศนาของศิษยาภิบาล
bulletข่าวสารจากคริสตจักร
dot
เว็บอื่นๆ
dot
bulletLink ลิ้งค์ไปเว็บคริสเตียน
bulletwww.thaichristians.net


องค์การ gpinternational
สหกิจคริสเตียนแห่งประเทศไทย
เว็บข่าวสารคริสเตียนไทย ทั่วฟ้าเมืองไทย ไม่แบ่งแยกคณะ บทความ  คำเทศนา  เรื่องสั้น  บทกลอน  แจกโฮมเพจเพื่อคริสตจักรในท้องถิ่น.... ฟังคำเทษนาออน์ไลน์  ลิ้งค์ไปเว็บต่างของคริสเตียนทั่วโลก   แหล่งซื้อขายของคริสเตียน  สิ่งดีๆที่คุณไม่ควรพลาดในเว็บไทยคริสเ
สมาคมพระคริสตธรรมไทย
คริสตจักรพรไพบูลย์


คำเทศนาเรื่อง ของมีค่าอยู่ในภาชนะดิน article

       

                   

คำเทศนาโดย ศจ. ดร. จุง ซิก คิม

วันอาทิตย์ที่ 24/07/05  

 

  พระธรรม 2 โครินธ์ 4:5-11

 

คนที่ชนะเป็นคนสุดท้ายเป็นผู้ชนะที่แท้จริง และคนที่หัวเราะเป็นคนสุดท้ายเป็นคนมีความสุขแท้   จักรพรรดิ์นโปเลียน วีรบุรุษแห่งประวัติศาสตร์ผู้ได้ปกครองโลก มีความมั่งคั่ง เกียรติ และอำนาจ แต่ได้ถอนหายใจออกครั้งสุดท้ายก่อนสิ้นชีวิตที่เกาะเซนติเฮเรน่าว่า “ในชีวิตของเรา เราไม่เคยรู้สึกมีความสุขเลย  น้ำที่ไหลอยู่ในมหาสมุทรเป็นน้ำตาของเรา ลมที่พัดไปพัดมาเป็นการถอนหายใจของเรา”  ส่วนเฮ็ลเลินเคล่า ผู้ซึ่งเป็นทั้งคนตาบอด คนที่หูหนวกและมีข้อบกพร่องทางการพูดด้วย ได้เอาชนะอุปสรรคของตนตลอดชีวิตและได้เข้าใจความหมายที่แท้จริงของความสุข  เขาได้บอกว่า “ข้าพเจ้าได้ค้นพบว่า ชีวิตมนุษย์เต็มด้วยความสุขและน่าสวยงาม  ถึงแม้ว่าชีวิตของข้าพเจ้าได้ถูกมองในสายตาของคนอื่น ๆ มืดมัวไป  ข้าพเจ้าได้ส่องสว่างอัศจรรย์ในจิตใจของข้าพเจ้า   ข้าพเจ้ามีเพลงอันไพเราะ และข้าพเจ้าได้เดินก้าวหน้าไปสู่ป่าที่น่าดูในการทรงสถิตอยู่ของพระเจ้า โดยปราศจากความกลัว” ระหว่างสองคนนี้ใครเป็นผู้พิชิตและใครมีความสุขแท้   คงไม่ใช่นโปเลียนแต่เป็นเฮ็ลเลินเคล่า   ทั้งสองคนเป็นมนุษย์ที่มีร่างกาย แต่คนหนึ่งมีความสุข อีกคนหนึ่งไม่เคยรู้สึกว่ามีความสุขเพราะอะไร  ความสุขแท้คงไม่ได้ขึ้นอยู่กับสภาพภายนอก แต่ขึ้นอยู่กับสภาพภายในจิตใจ  พระวจนะของพระเจ้าสำหรับวันนี้ได้บอกว่า “... เรามีของมีค่านี้อยู่ในภาชนะดิน...” (7)   คำว่า “ของมีค่า” และ “ภาชนะดิน”นั้น หมายถึงอะไร   อะไรเป็นสิ่งที่พระเจ้าตรัสแก่เราให้เข้าใจในเช้านี้ผ่านทางพระคัมภีร์ตอนนี้ 

 

1.   เราเป็นเหมือนภาชนะดิน 

อาจารย์เปาโลได้เอามนุษย์เรามาเปรียบเทียบกับภาชนะดิน ภาชนะดินเป็นภาชนะที่ทำด้วยดิน   พระคัมภีร์บอกว่า “พระเจ้าทรงปั้นมนุษย์ด้วยผงคลีดิน...” (ปฐก. 2.7)  และอีกตอนหนึ่งกล่าวไว้ว่า “เจ้าเป็นผงคลีดิน และจะต้องกลับเป็นผงคลีดินดังเดิม” (ปฐก. 3.19)  ภาชนะก็มีหลายประเภท   ภาชนะที่ทำด้วยทอง เงิน เหล็ก และไม้ แต่ทำไมเปาโลได้เปรียบเทียบมนุษย์เรากับภาชนะดิน

1)   ชีวิตเราเองไม่มีคุณค่าเลย  ภาชนะดินเป็นภาชนะที่ทำด้วยมือมนุษย์จากดิน  เป็นภาชนะที่ไม่แพงและไม่ค่อยมีคุณค่า  ง่ายที่จะแตกและถูกใช้อย่างน่าดูถูก ถึงแม้ว่า แตกแล้วแต่มักจะไม่ค่อยเสียดายมากนัก   เช่นเดียวกัน  ชีวิตมนุษย์เองไม่ค่อยมีคุณค่าอะไรเลย  อ่อนแอ  ง่ายที่ร่างกายของเราจะติดเชื้อโรค  และจิตใจของเราแตกสลาย  อารมณ์ของเราก็อ่อนแอ ง่ายมากที่จะเสียใจ ท้อถอย วิตกกังวล และกระวนกระวาย  เคยมีนักวิทยาศาสตร์ที่แยกส่วนประกอบของร่างกายมนุษย์ เช่นแคลเซียม ไขมัน  คาร์โบไฮเดรต เป็นต้น แล้วคิดเป็นเงินว่า ไม่กี่พันบาทเท่านั้น  จริง ๆ แล้ว ร่างกายของมนุษย์ที่ปราศจากชีวิตไม่มีคุณค่าอะไรเลย และน่ารังเกียจ  เราเห็นชัด เมื่อคนใดคนหนึ่งเสียชีวิต ไม่ว่าคนใกล้ชิดมากมายก็ตาม ไม่มีใครเก็บศพของคนนั้น  แต่มักจะเอาไปเผาหรือฝังศพนั้น  พระคัมภีร์บอกว่า “เมื่อลมหายใจของเขาพรากไป เขาก็กลับคืนเป็นดิน ในวันเดียวกันนั้นความคิดของเขาก็พินาศ (สดุดี 146.4) ร่างกายมนุษย์เป็นเพียงภาชนะดิน

2)  สิ่งของที่อยู่ในภาชนะสำคัญกว่าภาชนะเอง  หน้าที่ของภาชนะ คือเก็บและรักษาสิ่งของที่ถูกใส่ไว้ในภาชะนั้น  ชีวิตภายในสำคัญกว่าชีวิตภายนอก   ไม่ว่า ประเทศไหนก็ตาม มีแนวโน้มที่จะตกแต่งร่างกายภายนอก โดยเฉพาะสตรี  มักจะผ่าตัดและเปลี่ยนรูปร่างภายนอกที่ได้รับจากบิดามารดาโดยยอมชำระราคาค่อนข้างสูง  เมื่อมองดูของขวัญที่คนเราแลกเปลี่ยนกัน การห่อภายนอกสวยงามมากกว่าสิ่งของที่อยู่ในนั้น  แสดงให้เห็นถึงบรรยกาศสังคมที่ตัดสินทุกอย่างด้วยการมองดูภายนอก  ขวดที่ใส่น้ำ เราเรียกว่า ขวดน้ำ  ขวดที่ใส่เหล้า ก็เรียกว่า ขวดเหล้า  กระเป๋าที่ใส่เงิน ก็เรียกว่า กระเป๋าสตางค์  กระเป๋าที่ใช้ในการเดินทาง ก็เรียกว่า กระเป๋าเดินทาง  ภาชนะดินที่ใส่ของมีค่า คงไม่ได้เรียกว่า ภาชนะดินอีก แต่คงเรียกว่า  กล่องเครื่อง ประดับ  หมายความว่า การห่อนั้นไม่สำคัญ แต่สิ่งที่อยู่ในนั้น สำคัญมากกว่า ถึงแม้ร่างกายของเราป็นเหมือนภาชนะดิน ไม่มีคุณค่าอะไรและไม่มีเกียรติ แต่ถ้าสิ่งที่อยู่ในชีวิตของเรานั้นเป็นของมีค่า เราก็กลายเป็นของมีค่า  เมื่อเราบอกว่า คนนั้นเป็นคนที่น่านับถือ คงไม่ได้หมายความว่า เสื้อผ้า หรือรูปร่างภายนอกของเขานั้นน่านับถือ แต่ทุกสิ่ง ซี่งอยู่ในคนนั้น เช่น บุคคลิกภาพ ความรู้ ความคิดเห็น ถ้อยคำที่ออกมาจากจิตใจของเขานั้นน่านับถือ  คนใดคนหนึ่งถูกเปลี่ยนไป ไม่ได้หมายความว่า รูปร่างภายนอกของเขาถูกเปลี่ยนไป แต่ความคิด บุคคลิกภาพ นิสัย และการกระ ทำของเขาถูกเปลี่ยนไป  ไม่ได้หมายความว่า ภาชนะถูกเปลี่ยนไป แต่หมายความว่า ของมีค่าที่อยู่ในนั้นถูกเปลี่ยนไป   พระคัมภีร์เรียกการปรากฎเช่นนี้ว่า การกลับใจเสียใหม่ หรือการบังเกิดใหม่  เมื่อพระเยซูสนทนากับนิโคเดมัส พระองค์ตรัสว่า “... ถ้าผู้ใดไม่ได้บังเกิดใหม่ ผู้นั้นจะเห็นแผ่นดินของพระเจ้าไม่ได้ ...  ถ้าผู้ใดไม่ได้บังเกิดใหม่จากน้ำและพระวิญญาณ ผู้นั้นจะเข้าในแผ่นดินของพระเจ้าไม่ได้” (ยอห์น 3.3, 5) ในขณะนี้ อะไรอยู่ในชีวิตของคุณ  เปาโลกล่าวว่า “เรามีของมีค่านี้อยู่ในภาชนะดิน...”   อะไรคือของมีค่าที่เปาโลกล่าวไว้

 

2.   พระเยซูทรงเป็นของมีค่าที่อยู่ในเรา

ข้อ 6 กล่าวไว้ว่า “เพราะว่า พระเจ้าองค์นั้นผู้ได้ตรัสสั่งให้ความสว่างออกมาจากความมืด ได้ทรงส่องสว่างเข้ามาในจิตใจของเรา เพื่อให้เรามีความสว่างแห่งความรู้ถึงพระสิริของพระเจ้า ปรากฎในพระพักตร์ของพระคริสต์”   พระเจ้าผู้ทรงสร้างความสว่างในปฐมกาล ได้ทรงส่องสว่างเข้ามาในจิตใจของเรา  เราจึงมีความสว่างภายในของเราที่จะรู้ถึงพระสิริของพระเจ้า  ซึ่งได้ปรากฎอยู่ในพระพักตร์ของพระเยซูคริสต์   ข้อ 11 ก็กล่าวว่า “เพราะว่าพวกเราที่มีชีวิตอยู่นั้น ต้องถูกมอบไว้แก่ความตายอยู่เสมอ เพราะเห็นแก่พระเยซู  เพื่อว่าพระชนม์ชีพของพระเยซูจะได้ปรากฎในเนื้อหนังของเรา ซึ่งจะต้องตายนั้น”   ในข้อนี้ เปาโลบอกว่า เนื้อหนังของเรา ซึ่งจะต้องตายนั้น คือ ภาชนะดิน และของมีค่าที่มีอยู่ในนั้น คือพระเยซู   พระเยซูทรงเป็นของมีค่าสูงสุดในชีวิตของเราทุกคน   เหตุฉะนั้น เปาโลไม่ได้ประกาศตัวเปาโลเอง แต่ได้ประกาศสองอย่าง  หนึ่ง พระเยซูคริสต์ว่าทรงเป็นองค์พระผู้เป็นเจ้า สอง เปาโลเป็นทาสของคริสตจักร พระกายของพระเยซูคริสต์  ดังนั้นทาสของคริสตจักรก็คือทาสของพระเยซูคริสต์ เนื้อหนังซึ่งจะต้องตายนั้นไม่สมควรที่จะมีพระเยซู ของมีค่าสูงสุด  แต่เรามีของมีค่าอยู่ในภาชนะดิน คือชีวิตของเรา เพื่อให้เห็นว่า ฤทธิ์เดชอันเลิศนั้นเป็นของพระเจ้า มาจากพระเจ้า ไม่ได้มาจากตัวเราเอง  แต่พระเยซูประทานให้   เมื่อเรามีพระเยซูอยู่ในชีวิตเรา  ของของพระเยซูก็เป็นของเราด้วย  ฤทธานุภาพทั้งสิ้นในสวรรค์ก็ดี บนแผ่นดินโลกก็ดี ก็เป็นของพระองค์  แล้วก็เป็นของเปาโล  และเป็นของเราด้วย  ความเชื่อของคริสเตียนเป็นเครื่องหมายที่จะใช้ฤทธิ์อันเลิศของพระเจ้า   เมื่อเชื่อมโยงกับฤทธิ์เดชของพระเจ้าโดยความเชื่อ เราจะสัมผัสกับฤทธิ์เดชอันยิ่งใหญ่ของพระเจ้าได้  ในข้อ 8 และ 9 เปาโลได้ยกตัวอย่างของชีวิตที่สัมผัสกับฤทธิ์เดชอันยิ่งใหญ่ของพระเจ้า

1)  ไม่ถึงกับกระดิกไม่ไหว (8ก)   ถึงแม้ว่า เราถูกขนาบรอบข้างเพราะเห็นแก่พระเยซู  ไม่มีทางออก หรือรอดพ้น แต่ก็ไม่ถึงกับกระดิกไม่ไหว  เพราะความรอดลงมาจากเบื้องบน  มีทางออก เพราะพระเยซูตรัสไว้ว่า “เราเป็นทางนั้น”  พระเยซูผู้ทรงอยู่ในเราทรงเป็นทางออกจากการขนาบรอบข้าง 

                2)   ไม่ถึงกับหมดมานะ (8ข)  “เราจนปัญญา แต่ก็ไม่ถึงกับหมดมานะ” จนปัญญา หมายถึงความหมดหวัง   ถึงแม้ว่า ทุกอย่างรู้สึกว่า หมดหวัง  มองข้างหน้าไม่เห็น ก็ไม่หมดมานะ เพราะพระเยซูทรงสถิตอยู่ในเรา  คริสเตียนตกในสถานการณ์ใดก็ตาม ไม่รู้สึกหมดหวัง เพราะพระเยซูทรงเป็นความหวังของเราที่ไม่เปลี่ยนแปลง   

3)   ไม่ถูกทอดทิ้ง (9ก)  “เราถูกข่มเหงแต่ก็ไม่ถูกทอดทิ้ง”  ถึงแม้ว่า โลกนี้เกลียดชังเรา ข่มเหงเราและบางครั้ง ประหารชีวิตของเรา แต่เราก็ไม่ทอดทิ้งเลย เพราะพระเจ้าจะทรงรับวิญญาณของเรา  การข่มเหงในข้อนี้คงไม่ได้หมายถึง การดูถูกดูหมิ่นบางครั้ง แต่หมายถึง การไล่ตามเรา รบกวนเราอย่างต่อเนื่องเพราะเห็นแก่พระคริสต์   กษัตริย์เซาโลได้รวบรวมกองทหารพิเศษ 3,000 คน และได้ไล่ตามดาวิด เพื่อจะฆ่าดาวิดให้ตายฉันใด เมื่อเราดำเนินชีวิตโดยความเชื่ออย่างแท้จริง เราก็ถูกข่มเหงฉันนั้น   กษัตริย์เซาโล เพื่อนและประชาชนก็ทอดทิ้งดาวิด แต่พระเจ้าไม่ทอดทิ้งดาวิด ดังนั้นในที่สุดดาวิดได้เป็นกษัตริย์ของอิสราเอล   ถึงแม้ว่า เพื่อนของเรา ที่ทำงานและพี่น้องของเราทอดทิ้งเรา แต่ยังมีผู้หนึ่งที่ไม่ได้ทอดทิ้งเราเลย คือพระเยซู พระเยซูองค์รี้แหละอยู่ในชีวิตของเรา  พระเยซูได้ทรงสัญญาไว้ว่า “เราจะอยู่กับเจ้าเสมอไป จนกว่าจะสิ้นยุค” (มัทธิว 28.20)   ยิ่งกว่านั้น พระองค์ผู้ทรงเสด็จขึ้นไปสู่สวรรค์นั้นไม่ได้ทอดทิ้งเราเลย อีกไม่นานไม่ช้า พระองค์จะเสด็จมาหาเรา และรับเราไปให้อยู่กับพระองค์ตลอดไป  พระเยซูอยู่ที่ไหน เราก็อยู่ที่นั่น 

4)   ไม่ถึงตาย (9ข)  “เราก็ถูกตีลงแล้ว แต่ก็ไม่ถึงตาย”   คริสเตียนเป็นคนที่พินาศไปไม่ได้  เพราะพระเจ้าทรงปกป้องดูแลรักษาไว้   พระธรรมฮีบรูได้เป็นพยานว่า บรรพบุรุษแห่งความเชื่อไม่กลัวอะไรเลย แม้ความตายด้วย ดังนั้น แผ่นดินโลกนี้ไม่สมกับคนเช่นนั้นเลย  ถึงแม้ว่า เราถูกขนาบรอบข้าง แต่ก็ไม่ถึงกับกระดิกไม่ไหว   เราจนปัญญา แต่ก็ไม่ถึงกับหมดมานะ   เราถูกข่มเหงแต่ก็ไม่ถูกทอดทิ้ง  เราก็ถูกตีลงแล้ว แต่ก็ไม่ถึงตาย   เพราะฤทธิ์เดชอันเลิศนั้นเป็นของพระเจ้า มาจากพระเจ้าผ่านทางพระเยซู ผู้ทรงสถิตอยู่ในเรา  เพราะฉะนั้น พระเยซูทรงเป็นของมีค่าสูงสุดในชีวิตของเรา คนที่ยังไม่เป็นคริสเตียนเป็นคนตาบอดฝ่ายวิญญาณ คนเหล่านั้นคิดว่า พวกเขากับคริสเตียนเหมือนกัน เขามองเห็นว่า พวกเขาและพวกคริสเตียนก็เป็นคนที่ต้องทานข้าว เอาหายใจออกเข้า ต้องใช้เงิน และต้องการครอบครัวและเพื่อน  แต่ในสายตาของคริสเตียนนั้น ไม่ใช่เช่นนั้น  ชาวโลกที่ยังไม่เป็นคริสเตียนเป็นเพียงภาชนะดินเท่านั้น แต่คริสเตียนเรามีของมีค่า คือ พระเยซู อยู่ในชีวิตของเรา   เรานับไม่ได้ว่า คุณค่าของพระเยซูผู้ทรงอยู่ในเรานั้นมากเท่าไร   น่าเสียดาย ที่คริสเตียนบางคนก็ไม่รู้แน่ชัดว่า เรามีของมีค่าอยู่ในเรา  มีชายคนหนึ่ง ชื่อว่า เฮอร์มัน  เขามีไวโอลิน 5 ใบที่มีค่ามากมาย ถ้าคิดเป็นเงิน หลายพันล้านบาท เพราะไวโอลินที่เขามีอยู่นั้น อันโทนิโอสทราดีบาริอูส คนทำไวโอลินที่มีชื่อเสียงดีได้ทำ  แต่เขาถือว่าเป็นของเล่นของเด็ก เก็บไว้เฉยๆ และไม่ได้ใช้เป็นประโยชน์  เขาจึงดำรงชีวิตด้วยความยากจนมากตลอดชีวิตของเขา และในที่สุดก็ตาย  เรากำลังดำเนินชีวิตเหมือนอย่างเฮอร์มันมั้ย

เราควรจะทำอย่างไร  ก่อนอื่น  จงรู้แน่ว่า เรามีของมีค่า  ของมีค่านั้น คือพระเยซู ผู้ทรงเป็นฤทธิ์เดชของเรา     จงยอมให้ฤทธิ์เดชของพระองค์นั้นปรากฎให้เห็นผ่านทางชีวิตของเราโดยความเชื่อ  แล้วพระนามของพระเยซูถูกประกาศออกไป และเราจะสัมผัสฤทธิ์เดชอันเลิศของพระเจ้าในการดำเนินชีวิตมากยิ่ง ๆ ขึ้นทุก ๆ วัน   

 

 




Map - Introduce

แนะนำร้านหนังสือคริสเตียนอื่นๆ article
แผนที่ศูนย์ทีรันนัส article



Copyright © 2010 All Rights Reserved.