ReadyPlanet.com
dot
dot
แจ้งเพื่อรับข่าวสารจากเรา

dot
dot
ทีรันนัสดอทคอม
dot
bulletสารจากผู้อำนวยการ
bulletประวัติทีรันนัส
bulletติดต่อเรา
bulletแผนที่
bulletสมุดเซ็นเยี่ยม
bulletข่าวสารจากทีรันนัส
dot
หนังสือแยกเป็นหมวดหมู่
dot
bulletหมวด คริสเตียนศึกษา
bulletหมวด การเทศนา
bulletหมวด อธิบายพระคัมภีร์
bulletหมวด คู่มือศึกษาพระคัมภีร์
bulletหมวด ชีวิตคริสเตียน
bulletหมวด เพิ่มพูนคริสตจักร
bulletหมวด การสร้างสาวก
bulletหมวด การประกาศ-มิชชั่น
dot
สำนักพิมพ์ ทีรันนัส
dot
bulletสมัครเป็นสมาชิก
bulletสมัครเป็นผู้แทนจำหน่าย
bulletหนังสือใหม่ล่าสุด
bulletหนังสือขายดีติดอันดับ
bulletหนังสือพิมพ์ซ้ำ
bulletวิธีสั่งซื้อสินค้าจากเรา
bulletศูนย์รับแจ้งสินค้ามีปัญหา
bulletแนะนำร้านหนังสือคริสเตียน
dot
Phon Phaiboon Church
dot
bulletคำเทศนาของศิษยาภิบาล
bulletข่าวสารจากคริสตจักร
dot
เว็บอื่นๆ
dot
bulletLink ลิ้งค์ไปเว็บคริสเตียน
bulletwww.thaichristians.net


องค์การ gpinternational
สหกิจคริสเตียนแห่งประเทศไทย
เว็บข่าวสารคริสเตียนไทย ทั่วฟ้าเมืองไทย ไม่แบ่งแยกคณะ บทความ  คำเทศนา  เรื่องสั้น  บทกลอน  แจกโฮมเพจเพื่อคริสตจักรในท้องถิ่น.... ฟังคำเทษนาออน์ไลน์  ลิ้งค์ไปเว็บต่างของคริสเตียนทั่วโลก   แหล่งซื้อขายของคริสเตียน  สิ่งดีๆที่คุณไม่ควรพลาดในเว็บไทยคริสเ
สมาคมพระคริสตธรรมไทย
คริสตจักรพรไพบูลย์


คำเทศนาเรื่อง จงออกไปประกาศข่าวปรเสริฐ article

                                                                     มาระโก 16.15-16

 

วันอาทิตย์ที่ 7 สิงหาคม 2005

 

          หลายปีที่ผ่านมา มีผู้รับใช้พระเจ้าคนหนึ่งได้เดินทางไปพร้อมกับภรรยาและลูกชายคนเดียวของเขา อายุ 8 ขวบ   ในขณะที่เขากำลังขับรถผ่านเนินเขาแห่งหนึ่งในชนบท มีรถอีกคันหนึ่งได้แซงรถของเขาไปด้วยความเร็วสูง  เมื่อขับรถข้ามเนินเขานั้น เขาได้เห็นรถคันที่แซงขึ้นไปนั้น  ซึ่งเป็นเวลาเดียวกับที่รถคันนั้นเสียหลัก เปลี่ยนทิศทาง พุ่งข้ามไปเส้นทางตรงข้าม แล้วเกิดชนกับรถที่แล่นสวนมา  ในทันใดนั้น รถทั้งสองคันก็พังเป็นชิ้นๆ และคนที่นั่งในรถทั้งสองคันนั้นเสียชีวิตทันที    แล้วเต็มบนเส้นทางนั้น  ลูกชายคนเล็กได้เห็นอุบัติเหตุที่เกิดขึ้น  เขาหน้าซีด  ไม่ได้พูดอะไร แม้แต่คำเดียว  ในช่วงเวลาเดินทางไปถึงจุดหมาย  ไม่มีใครพูดเลย  เมื่อครอบครัวนี้ไปถึงจุดหมาย  พ่อกับแม่รู้สึกวิตกกังวล เพราะลูกกลัวมาก   พ่อแม่พยายามให้ความรู้สึกนั้นลดลงไปและให้ลูกเข้าไปนอน เวลาผ่านไปถึงสี่ทุ่ม ห้าทุ่ม และเที่ยงคืน  แต่ลูกยังนอนไม่หลับ  พ่อก็เดินไปหาลูกและพยายามทำให้ความรู้สึกของลูกกลับปกติและพูดว่า  “ลูก ถึงเวลาที่จะเข้านอนแล้วนะ”  พอได้ยินเช่นนี้จากพ่อ ลูกชายก็ควบคุมอารมณ์และน้ำตาไม่อยู่ พูดกับพ่อว่า “คุณพ่อครับ มีผู้คนกำลังตายไป เราจะนอนหลับได้อย่างไร” นี่เป็นหัวใจสำคัญแห่งการประกาศข่าวประเสริฐ  คนเป็นอันมากกำลังตายไป เราจะนอนหลับได้หรือ... 

          พระวจนะของพระเจ้าสำหรับวันนี้ เป็นคำบัญชาครั้งสุดท้ายของพระเยซู จึงเรียกว่า พระมหาบัญชาของพระเยซูคริสต์   มาระโกได้บันทึกคำบัญชาครั้งสุดท้ายของพระองค์ไว้ว่า “เจ้าทั้งหลายจงออกไปทั่วโลก ประกาศข่าวประเสริฐแก่มนุษย์ทุกคน ผู้ใดเชื่อและรับบัพติศมาแล้วผู้นั้นจะรอด แต่ผู้ใดไม่เชื่อจะต้องปรับโทษ”   นี่เป็นคำบัญชาที่ คริสเตียนทุกคนต้องเชื่อฟัง  ไม่มีทางเลือก  ไม่ใช่เป็นเรื่องที่ทำได้ก็ดี ทำไม่ได้ก็ไม่เป็นไร  ทำไมเป็นอย่างนั้น

 

1.   พระเยซูเสด็จเข้ามาในโลกเพื่อจะประกาศข่าวประเสริฐ 

          ในวันหนึ่ง พระองค์ได้เสด็จเข้าไปในธรรมศาลา ทรงสั่งสอน และทรงรักษาชายคนหนึ่งที่มีผีโสโครกเข้าสิง  เมื่อออกจากธรรมศาลาแล้วเข้าไปในเรือนของเปโตรและรักษาแม่ยายของเปโตร  ในวันเดียวกัน เมื่อดวงอาทิตย์ตกแล้ว คนทั้งหลายได้พาบรรดาคนเจ็บป่วยและคนที่มีผีเข้าสิงมาหาพระองค์ พระองค์ก็ทรงรักษาคนเป็นอันมากและทรงขับไล่ผีออกเสียหลายๆผี  วันรุ่งขึ้น เมื่อยังมืดอยู่ พระเยซูทรงลุกขึ้นเสด็จออกไปยังที่เปลี่ยว เพื่อจะอธิษฐานที่นั่น  สาวกของพระองค์ก็ตามหาพระองค์  “เมื่อพบแล้วเขาจึงทูลว่า คนทั้งปวงแสวงหาพระองค์  พระองค์ตรัสแก่เขาว่า ให้เราทั้งหลายไปในตำบลบ้านใกล้ เคียง เพื่อเราจะได้ประกาศที่นั่นด้วย ที่เรามาก็เพื่อการนั้นเอง  พระองค์ได้เสด็จไปประกาศในธรรมศาลาของเขาทั่วแคว้นกาลิลี” (มาระโก 1.38-39)  พระเยซูได้ทรงเริ่มพระราชกิจของพระองค์ด้วยการประกาศข่าวประเสริฐของพระเจ้า (มก.1.14)   พระเยซูไม่ได้ประกาศในที่ใดที่หนึ่งเฉพาะ  พระองค์ได้เสด็จไปประกาศในธรรมศาลาของเขาทั่วแคว้นกาลิลี  ในสมัยนั้นมีหมู่บ้านใหญ่ประมาณ 200 หมู่บ้าน ซึ่งมีคนอาศัยกว่า 15,000 คนในแคว้นกาลิลี  ซึ่งมีพลเมืองทั้งหมดประมาณ 3 ล้านคน  เพื่อจะประกาศกับทุกคนในแคว้นกาลิลี พระองค์ทรงอธิษฐานตลอดคืนและไม่มีช่วงเวลาที่จะพักผ่อนแม้รับประทานอาหาร

           พระเยซูได้ทรงเสด็จเข้ามาในโลก เพื่อจะทำอะไร  ก็เพื่อจะประกาศข่าวประเสริฐ  พระเยซูตรัสว่า “เราต้องไปประกาศข่าวประเสริฐแห่งแผ่นดินของพระเจ้าแก่เมืองอื่นด้วย” (ลูกา 4.43)   คำว่า “เราต้องไปประกาศ...”  ได้เน้นถึงความจำเป็นและความเร่งด่วนของการประกาศข่าวประเสริฐ   ไม่มีอะไรที่จำเป็นมากกว่าการประกาศ และไม่มีอะไรที่เร่งด่วนมากกว่าการประกาศ   พระองค์ก็ได้ทรงประกาศข่าวประเสริฐตามพระประสงค์ของพระองค์   การประกาศเป็นพันธกิจอันหนึ่งที่พระเยซูได้ทรงกระทำ   มัทธิวได้สรุปพันธกิจที่พระองค์ทรงกระทำว่า “พระเยซูเสด็จดำเนินไปตามนครและหมู่บ้านโดยรอบ ทรงสั่งสอนในธรรมศาลาของเขา ประกาศข่าวประเสริฐแห่งแผ่นดินของพระเจ้า ทรงรักษาโรคและความป่วยไข้ทุกอย่างของพลเมืองให้หาย” (มัทธิว 9.35)   พันธกิจสำคัญที่พระเยซูทรงกระทำ 3 อย่างได้แก่ 1)สั่งสอนในธรรมาศาลา  2) ประกาศข่าวประเสริฐ และ3) รักษาโรคต่างๆ  

          เมื่อพระเยซูประกาศข่าวประเสริฐ พระองค์ไม่ได้ทรงเลือกหน้าผู้ใดเลย  พระองค์ทรงประกาศกับทุกคน ไม่ว่าเป็นผู้ใหญ่หรือเด็ก ไม่ว่าเป็นผู้ชายหรือผู้หญิง  ไม่ว่าเป็นคนชาวประมงหรือคนเก็นภาษี  ไม่ว่าเป็นคนมีฐานะสูงหรือคนต่ำต้อยก็ตาม  เพราะว่าทุกคนเป็นคนหลงหาย  ทำบาปและเสื่อมจากพระสิริของพระเจ้า ฉะนั้นทุกคนต้องการความรอด และต้องการที่จะคืนดีกับพระเจ้า  เมื่อยอห์นบัพติศมาใช้คนไปถามพระองค์ว่า “ท่านเป็นผู้ที่จะมานั้นหรือ หรือจะต้องคอยผู้อื่น” พระเยซูทรงตอบว่า “จงไปแจ้งแก่ยอห์นตามซึ่งท่านได้เห็นและได้ยิน คือว่า คนตาบอดก็หายบอด คนง่อยเดินได้ คนโรคเรื้อนหายสะอาด คนหูหนวกได้ยิน คนตายแล้วเป็นขึ้นมา และข่าวประเสริฐก็ประกาศแก่คนอนาถา” (ลูกา 7.22) 

          เมื่อเราอ่านและศึกษาหมวดกิตติคุณทั้งสี่เล่ม ก็รู้ได้ว่า การประกาศข่าวประเสริฐเป็นชีวิตประจำวัน ตั้งแต่ต้นจนสิ้นพระชนม์  ในขณะที่ทรงถูกตรึงที่กางเขน พระองค์ยังประกาศกับโจรคนหนึ่งที่ได้ถูกตรึงพร้อมกับพระองค์

 

2.   พระเยซูได้ทรงใช้สาวกของพระองค์ออกไปประกาศข่าวประเสริฐ

พระคัมภีร์บอกว่า “พระองค์จึงทรงตั้งศิษย์สิบสองคนไว้ให้อยู่กับพระองค์ เพื่อจะทรงใช้เขาไปประกาศ” (มาระโก 3.14)  ต่อมา พระองค์ทรงใช้อัครทูตสิบสองคนให้ออกไปเป็นคู่ๆและสั่งพวกเขาให้ประกาศแผ่นดินของพระเจ้า  พวกสาวกก็เชื่อฟัง  จึงออกไปเทศนาประกาศข่าวประเสริฐให้กลับใจเสียใหม่  การอัศจรรย์ก็เกิดขึ้น  พวกสาวกได้ขับผีให้ออกเสียหลายผีและได้รักษาคนเจ็บป่วยหลายคนให้หายโรค  เมื่อสาวกของพระองค์เชื่อฟัง  การอัศจรรย์ก็เกิดขึ้น  การอัศจรรย์เกิดขึ้นได้ทุกครั้งเมื่อเชื่อและเชื่อฟังพระวจนะของพระเจ้า 

อีกครั้ง “พระเยซูทรงตั้งสาวกอื่นอีก 70 คนไว้และใช้เขาออกไปทีละสองคนๆ ให้ล่วงหน้าพระองค์ไปก่อน ให้เข้าไปทุกเมืองและทุกตำบลที่พระองค์จะเสด็จไปนั้น  พระองค์ตรัสกับเขาว่า ... ถ้าท่านจะเข้าไปเมืองใด ... แจ้งแก่เขาว่า แผ่นดินของพระเจ้ามาใกล้ท่านทั้งหลายแล้ว...”  (ลูกา 10.1-12)  ภายหลัง “สาวก 70 คนนั้นกลับมาด้วยความปรีดีทูลว่า พระองค์เจ้าข้า ถึงผีทั้งหลายก็ได้อยู่ใต้บังคับของพวกข้าพระองค์โดยพระนามของพระองค์  พระองค์ตรัสกับเขาทั้งหลายว่า เราได้เห็นซาตานตกจากฟ้าเหมือนฟ้าแลบ...” (10.17-20) 

 

3.   พระเยซูได้ทรงบัญชาคริสเตียนทุกคนออกไปประกาศ

“เจ้าทั้งหลายจงออกไปทั่วโลก ประกาศข่าวประเสริฐแก่มนุษย์ทุกคน” 

คริสเตียนทุกคนมีหน้าที่ มีความรับผิดชอบที่จะออกไปทั่วโลก ประกาศข่าวประเสริฐ    ศิษยาภิบาลคนหนึ่งได้ถามกับอนุชนคนหนึ่งที่เพิ่งรับเชื่อพระเยซูว่า “มีกี่คนที่คุณได้นำมาหาพระเยซู”   “ผมยังไม่รู้เรื่องมากเท่าไร เพราะผมเพิ่งรับเชื่อ ดังนั้นนำคนอื่นมาหาพระเยซูไม่ได้”   ศิษยาภิบาลถามเขาอีกว่า “คุณคิดว่า เมื่อเทียนถูกเผาไปครึ่งหนึ่งแล้ว จึงจะส่องแสงสว่างหรือ”  “ไม่ใช่ ในทันทีที่จุดเทียนก็ส่องสว่างแล้ว”  อนุชนคนนั้นเข้าใจว่า ศิษยาภิบาลกำลังพูดถึงเรื่องอะไร เขาจึงเริ่มนำคนอื่นมาหาพระเยซู   คริสเตียนทุกคนแม้คนที่เชื่อใหม่ก็ประกาศได้และต้องประกาศ เพราะนี่เป็นพระมหาบัญชาของพระเยซูที่พระองค์มอบให้เป็นครั้งสุดท้ายก่อนที่พระองค์เสด็จขึ้นไปสู่สวรรค์   แต่ทำไมคริสเตียนส่วนใหญ่ไม่ค่อยประกาศ เพราะไม่ค่อยซาบซึ้งในพระคุณของพระเจ้าและความรอดที่พระองค์ทรงประทานให้นัก   มีคนหนึ่ง ผู้เป็นเจ้าของโรงรับจำนำได้เชื่อพระเยซูแล้วเริ่มต้นชีวิตใหม่   หลังจากที่เชื่อก็ได้ประกาศกับผู้คนรอบข้าง  วันหนึ่งเขาพบคนเมาเหล้า ก็ประกาศให้ต้อนรับพระเยซู  ในเวลานั้นคนที่เมาเหล้าได้บอกอย่างล้อเล่นว่า “ถ้าผมมั่นใจได้ว่า มีนรกและมีแผ่นดินสวรรค์ และผมมั่นใจได้ว่า ผมได้รอดแล้ว ผมคงจะไม่ประกาศอย่างที่คุณทำอย่างไม่มีความมั่นใจเช่นนี้ ผมจะประกาศอย่างกระตือรือร้นมากกว่านี้”  เมื่อคริสเตียนคนนั้นได้ยินเช่นนี้แล้ว รู้สึกอาย และได้รับการกระตุ้นอย่างมาก จึงออกไปประกาศและช่วยเหลือคนอื่นอย่างกระตือรือร้น  ชายคนนี้ คือ วิลเลี่ยม บูธ ที่ได้ตั้ง  เซเว่นสัน อาร์มี  ในปี 1878 ซึ่งเป็นองค์กรที่ตั้งขึ้นเพื่อฟื้นฟูความเชื่อและช่วยเหลือคนยากจน

วิธีการประกาศของพระเจ้านั้นง่ายมาก นั่นก็คือ “ออกไปประกาศ”   ออกไปจนถึงที่สุดปลายแผ่นดินโลก  จงออกไปสั่งสอนชนทุกชาติให้เป็นสาวกของพระเยซู    
         
“เจ้าทั้งหลายจงออกไปทั่วโลก ประกาศแก่มนุษย์ทุกคน ผู้ใดเชื่อและรับบัพติศมาแล้ว ผู้นั้นจะรอด แต่ผู้ใดไม่เชื่อจะต้องปรับโทษ” (มก. 16:15-16)  พระเยซูเน้นเรื่องอะไร  สิ่งที่พระองค์ทรงเน้น ก็คือ เมื่อเราเชื่อฟัง ออกไปประกาศ คนที่จะรอดก็จะรับเชื่อ   การประกาศของเปาโลเกิดผลมาก ไม่ใช่เพราะเปาโลเป็นคนช่างพูด แต่เพราะเปาโลได้เชื่อฟังและออกไปประกาศ  พระคัมภีร์บอกว่า “คนทั้งหลายที่ทรงหมายไว้แล้วเพื่อได้ชีวิตนิรันดร์ก็ได้เชื่อถือ...”(กิจการ 13.48)   ถ้าเราหว่านอะไรลงไป เราก็จะเกี่ยวสิ่งนั้น   ไม่มีคนที่มารับเชื่อ ก็เพราะไม่มีใครออกไปประกาศ

พระเยซูบัญชาให้เราประกาศแก่มนุษย์ทุกคน   หมายความว่า มนุษย์ทุกคนมีสิทธิ์ที่จะฟังข่าวประเสริฐของพระเยซูคริสต์  ผู้นำคริสเตียนคนจีนคนหนึ่งมีโอกาสแบ่งปันพระวจนะของพระเจ้าแก่นักศึกษาอเมริกัน แล้วได้รับคำถามว่า “ทำไมต้องประกาศกับคนจีน เพราะคนจีนมีศาสนาขงจื้อแล้ว”   เขาได้ให้คำตอบที่น่าคิดและน่าจดจำว่า “มีสาเหตุสามประการ  ประการแรก ขงจื้อเป็นครู แต่พระเยซูเป็นพระผู้ช่วยให้รอด   คนจีนต้องการพระผู้ช่วยให้รอดมากกว่าครู   ประการที่สอง ขงจื้อได้ตายแล้ว แต่พระเยซูได้ทรงเป็นขึ้นมาและทรงพระชนม์อยู่ คนจีนต้องการพระผู้ช่วยให้รอดที่คืนพระชนม์   ประการที่สาม ขงจื้อจะยืนอยู่จำเพาะพระพักตร์พระเยซูและจะได้รับการพิพากษาจากพระองค์   คนจีนก็ต้องรับพระเยซูคริสต์เป็นพระผู้ช่วยให้รอด ก่อนที่จะพบพระองค์เป็นผู้พิพากษา”   ใช่แล้ว ทุกคนมีสิทธิ์เท่าเทียมกันที่จะพบพระเยซูเป็นพระผู้ช่วยให้รอด

          พระเยซูได้เสด็จเข้ามาในโลกเพื่อจะประกาศข่าวประเสริฐ  พระองค์ทรงวางแบบอย่างที่ดีในการประกาศข่าวประเสริฐ  พระองค์ทรงใช้พวกสาวกของพระองค์ให้ออกไปประกาศตามหมู่บ้านต่างๆ ที่พระองค์จะเสด็จไป  และพระองค์ทรงบัญชาเราทุกคนในเช้าวันนี้ว่า จงออกไปประกาศข่าวประเสริฐแก่ทุกคน   ให้เราเป็นคริสเตียนที่เชื่อฟังพระมหาบัญชาของพระเยซู  ออกไปประกาศข่าวประเสริฐ เป็นพยายฝ่ายพระเยซูแก่ทุกคน และนำคนเหล่านั้นมาหาพระเยซู  ให้คนเหล่านั้นต้อนรับพระองค์เป็นพระผู้ช่วยให้รอดของเขา  ให้เราประกาศตามขั้นตอนต่อไปนี้

1) อธิษฐานเผื่อ  2) ไปหาคนที่รู้จักกัน  3) เล่าเรื่องพระเยซู  และ 4) นำเขามาหาพระเยซู   ขอให้เราทุกคนเป็นผู้ประกาศข่าวประเสริฐของพระเยซูคริสต์  ขอพระเจ้าอวยพระพร

 

 




คำเทศนาปี 2005

เทศนาเรื่อง เราจะปรนนิบัติพระเจ้า article
เทศนาเรื่อง เจ้าของวันคริสต์มาสครั้งแรก article
เทศนาเรื่อง ความสนพระทัยของพระองค์และหน้าที่ของธรรมิกชน article
เทศนาเรื่อง ให้เรารักพระวจนะของพระเจ้า article
เทศนาเรื่อง ให้เรามีส่วนในข่าวประเสริฐ article
คำเทศนาเรื่อง ความเชื่อที่มุ่งไปข้างหน้า article
เทศนาเรื่อง นมัสการด้วยใจขอบพระคุณ article
เทศนาเรื่อง คริสเตียนที่สวยงาม article
เทศนาเรื่อง ท่านกำลังแสวงหาอะไรอยู่ article
Sermon 3 article
Sermon 2 article
Sermon 1 article
คำเทศนาเรื่อง ผู้ใหญ่ฝ่ายวิญญาณ article
คำเทศนาเรื่อง ชัยชนะเหนือความกลัว article
คำเทศนาเรื่อง ความเชื่อของทิโมธี article
คำเทศนาเรื่อง ให้คริสตจักรเต็มด้วยผู้นมัสการ article
คำเทศนาเรื่อง ชีวิตคริสเตียนที่ส่องสว่าง article
คำเทศนาเรื่อง พระเยซูผู้ถูกยกขึ้นอย่างสูง article
คำเทศนาเรื่อง ผู้คนที่พระเจ้าแสวงหา article
คำเทศนาเรื่อง พระเยซูผู้ทรงถ่อมพระทัย article
คำเทศนาเรื่อง ให้เราเป็นอันหนึ่งอันเดียวในพระเป็นเจ้า article
คำเทศนาเรื่อง สองสิ่งที่คริสเตียนควรรู้ article
คำเทศนาเรื่อง จงระลึกถึงวันของพระเป็นเจ้า article
คำเทศนาเรื่อง ชีวิตที่สมกับข่าวประเสริฐ article
คำเทศนาเรื่อง เราควรดำเนินชีวิตอย่างไร article
คำเทศนาเรื่อง ของมีค่าอยู่ในภาชนะดิน article
คำเทศนาเรื่อง เพชรพลอย 3 อย่างของคริสเตียน article
คำเทศนาเรื่อง ผู้คนที่เผาหนังสือตำรา article
คำเทศนาเรื่อง หญิงที่เปิดผอบน้ำมันหอม article
คำเทศนาเรื่อง ศักเคียสได้พบพระเยซู article
คำเทศนาเรื่อง คุณค่าของแผ่นดินสวรรค์ article
คำเทศนาเรื่อง คำอุปมาเรื่องแกะกับแพะ article
คำเทศนาเรื่อง : คริสเตียนที่ดี article
คำเทศนาเรื่อง : คริสเตียนที่พระเจ้าชมเชย article
คำเทศนาเรื่อง สองสิ่งที่มนุษย์ควรรู้ article
คำเทศนาเรื่อง การนมัสการที่พระเจ้าพอพระทัย article
คำเทศนาเรื่อง จงระลึกถึงพระผู้สร้างของท่าน article
คำเทศนาเรื่อง ผู้ที่จะได้รับพระพรของพระเจ้า article
คำเทศนาเรื่อง ให้เรารับพระพรของพระเจ้า article



Copyright © 2010 All Rights Reserved.