ReadyPlanet.com
dot
dot
แจ้งเพื่อรับข่าวสารจากเรา

dot
dot
ทีรันนัสดอทคอม
dot
bulletสารจากผู้อำนวยการ
bulletประวัติทีรันนัส
bulletติดต่อเรา
bulletแผนที่
bulletสมุดเซ็นเยี่ยม
bulletข่าวสารจากทีรันนัส
dot
หนังสือแยกเป็นหมวดหมู่
dot
bulletหมวด คริสเตียนศึกษา
bulletหมวด การเทศนา
bulletหมวด อธิบายพระคัมภีร์
bulletหมวด คู่มือศึกษาพระคัมภีร์
bulletหมวด ชีวิตคริสเตียน
bulletหมวด เพิ่มพูนคริสตจักร
bulletหมวด การสร้างสาวก
bulletหมวด การประกาศ-มิชชั่น
dot
สำนักพิมพ์ ทีรันนัส
dot
bulletสมัครเป็นสมาชิก
bulletสมัครเป็นผู้แทนจำหน่าย
bulletหนังสือใหม่ล่าสุด
bulletหนังสือขายดีติดอันดับ
bulletหนังสือพิมพ์ซ้ำ
bulletวิธีสั่งซื้อสินค้าจากเรา
bulletศูนย์รับแจ้งสินค้ามีปัญหา
bulletแนะนำร้านหนังสือคริสเตียน
dot
Phon Phaiboon Church
dot
bulletคำเทศนาของศิษยาภิบาล
bulletข่าวสารจากคริสตจักร
dot
เว็บอื่นๆ
dot
bulletLink ลิ้งค์ไปเว็บคริสเตียน
bulletwww.thaichristians.net


องค์การ gpinternational
สหกิจคริสเตียนแห่งประเทศไทย
เว็บข่าวสารคริสเตียนไทย ทั่วฟ้าเมืองไทย ไม่แบ่งแยกคณะ บทความ  คำเทศนา  เรื่องสั้น  บทกลอน  แจกโฮมเพจเพื่อคริสตจักรในท้องถิ่น.... ฟังคำเทษนาออน์ไลน์  ลิ้งค์ไปเว็บต่างของคริสเตียนทั่วโลก   แหล่งซื้อขายของคริสเตียน  สิ่งดีๆที่คุณไม่ควรพลาดในเว็บไทยคริสเ
สมาคมพระคริสตธรรมไทย
คริสตจักรพรไพบูลย์


คำเทศนาเรื่อง เพชรพลอย 3 อย่างของคริสเตียน article

1 เธสะโลนิกา 1.2-4

เพชรพลอย 3 อย่างของคริสเตียน

 

            มีนิทานพื้นบ้านของประเทศเยอรมัน ชื่อว่า “ขวาน 3 ด้ามของมารร้าย”

บรรดามารร้ายเข้าร่วมประชุมเพื่อจะแสวงหายุทธวิธีที่จะทำลายมนุษย์  หลังจากที่ปรึกษาหารือกันแล้ว บรรดามารร้ายได้ตกลงกันว่า จะสร้างอาวุธพิเศษที่จะทำลายมนุษย์   ในที่สุด คณะกรรมการวิจัยได้ทำขวานพิเศษ 3 ด้าม หัวหน้ามารร้ายได้ยกขวานเหล่านี้ด้วยความพอใจ และบอกว่า “ถ้าเราจะใช้ขวานเพียงด้ามเดียวจาก 3 ด้ามนี้  สามารถทำลายมนุษย์ส่วนใหญ่ได้  ถ้าเราจะใช้ขวานทั้ง 3 ด้ามแล้ว คงไม่มีมนุษย์คนใดคนหนึ่งที่ไม่ล้ม”   บรรดามารร้ายหัวเราะและดีใจมากทีเดียว

            อาวุธชิ้นแรกที่เขาทำ ก็คือ ขวานแดง  ซึ่งตัดความเชื่อที่กำลังงอกขึ้นในใจของมนุษย์  

อาวุธชิ้นที่สอง คือ ขวานฟ้า ซึ่งตัดความหวังที่อยู่ในใจ

และชิ้นที่สาม คือ ขวานดำ ซึ่งจะตัดกิ่งแห่งความรักที่กำลังเติบโตขึ้นในใจของมนุษย์ 

มนุษย์เป็นวิญญาณ ไม่เหมือนสัตว์  ถ้าเราเสียความเชื่อ ความหวัง และความรัก ชีวิตของมนุษย์ไม่มีความหมายและไร้เป้าหมายเลย   นี่เป็นเพียงนิทานพื้นบ้าน แต่มีความหมายสำหรับชีวิตคริสเตียน  อจ.เปาโลก็ได้พูดถึงสามสิ่งนี้ด้วยในพระวจนะของพระเจ้าสำหรับวันนี้

 

      พระธรรม 1 เธสะโลนิกา เป็นจดหมายที่อจ.เปาโลได้เขียนในปีประมาณ ค.ศ.51-53 ที่เมืองโครินธ์ และส่งไปยังคริสตจักรเธสะโลนิกา   ในการเดินทางไปประกาศครั้งที่สอง  เปาโลได้ไปประกาศที่เมืองเธสะโลนิกา  กิจการ 17.2 ได้บันทึกไว้ว่า “เปาโลจึงเข้าไปธรรมศาลานั้นตามอย่างเคยและท่านได้อ้างข้อความในพระคัมภีร์โต้ตอบเขาได้สามวันสะบาโต”   ไม่แน่ชัดว่า เปาโลได้อยู่ที่เมืองนั้นนานเท่าไร แต่คงไม่นาน เพราะมีการข่มเหง เปาโลจึงออกจากเมืองเธสะโลนิกาไปแวะเบโรอาและเอเธนส์ และต่อจากนั้นไปยังเมืองโครินธ์  ที่นั่นแหละ กำลังเขียนจดหมายฉบับนี้

      อย่างไรก็ตาม  การรับใช้ของเปาโลที่เมืองเธสะโลนิกาก็เกิดผล  ผลที่เกิดก็คือ คริสตจักร   ช่วงเวลาที่เปาโลอยู่ที่นั้นสั้นมากที่จะตั้งคริสตจักรได้อยู่แค่ไม่เกินสองเดือน  แต่คริสตจักรก็เกิดขึ้น  ผู้ที่ได้รับเชื่อข่าวประเสริฐที่เปาโลประกาศนั้นคงมีเวลาไม่เพียงพอที่จะเติบโตและถูกเปลี่ยนแปลงไป  แต่เราเห็นคุณภาพของชีวิตคริสเตียนชาวเธสะโลนิกาอย่างชัดเจนมากที่ได้ต้อนรับข่าวประเสริฐแล้ว ก็ได้ถูกเปลี่ยนแปลงไปอย่างสิ้นเชิง   ตอนที่เปาโลเขียนจดหมายฉบับนี้ คริสเตียนชาวเธสะโลนิกาได้รับเชื่อพระเยซูมาคงไม่เกิน 3-4 เดือนเท่านั้น   แต่เมื่อเปาโลได้ยินข่าวเรื่องชีวิตคริสเตียนชาวเมืองเธสะโลนิกาจากทิโมธี เปาโลรู้สึกขอบพระคุณพระเจ้าเพราะคริสเตียนชาวเมืองเธสะโลนิกา แล้วได้กล่าวถึงสาเหตุที่ขอบพระคุณพระเจ้าไว้ในข้อ 3 นี้  สาเหตุที่เปาโลขอบพระคุณพระเจ้า ก็เพราะว่า คริสเตียนชาวเมืองเธสะโลนิกามีสามสิ่ง ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญมากสำหรับคริสเตียน   สามสิ่งเหล่านี้เป็นเครื่องวัดที่ได้บอกว่า ผู้ใดมีสามสิ่งเหล่านี้ เป็นคริสเตียนแท้ๆและน่าเชื่อถือได้  ดังนั้นในเช้าวันนี้ ข้าพเจ้าจะเทศนาด้วยหัวข้อว่า “เพชรพลอย 3 อย่างของคริสเตียน”

 

1.   ความเชื่อที่แสดงออกเป็นการกระทำ (ข้อ 3 ก) 

      คริสเตียนชาวเมืองเธสะโลนิกาส่วนใหญ่เคยเป็นคนต่างชาติที่นับถือรูปเคารพ และเพิ่งรับเชื่อพระเยซูไม่นาน แค่ 2-3 เดือน เป็นคนเชื่อใหม่จริงๆ  พวกเขาได้รับคำประกาศของเปาโลด้วยความยากลำบากอันมาก (ข้อ6) แต่พวกเขาได้เปรมปรีดิ์โดยพระวิญญาณ ได้เป็นแบบอย่างแก่คนที่เชื่อแล้วในแคว้นมาซิโดเนียและแคว้นอาคายา (6 ข, 7)   ข้อ 8 ได้กล่าวไว้ว่า “พระวจนะขององค์พระผู้เป็นเจ้าได้เลื่องลือออกไปจากเธสะโลนิกา ไม่ใช่แต่ในแคว้นอาคายาเท่านั้น แต่ความเชื่อของท่านในพระเจ้าได้ลือไปทุกแห่งหน จนเราไม่จำเป็นต้องพูดอะไรอีก”   ทำไมความเชื่อของเขาเป็นแบบอย่างแก่คนที่เชื่อแล้ว และได้เลื่องลือไปทุกแห่งหน  เพราะว่าความเชื่อของเขาเป็นความเชื่อที่แสดงออกเป็นการกระทำ  แสดงออกเป็นการกระทำอย่างไร

       การแสดงออกเป็นการกระทำ ซึ่งเกิดมาจากความเชื่อของพวกเขานั้น เห็นชัดเจนในข้อ 9 ที่บอกว่า “... ได้ละทิ้งรูปเคารพและหันมาหาพระเจ้า...”   ความเชื่อในพระคริสต์ได้ผลิตการกลับใจเสียใหม่   ชาวเธสะโลนิกาเคยนับถือรูปเคารพมา แต่เมื่อได้ยินข่าวประเสริฐจากเปาโลแล้ว เขาเชื่อและรู้ว่า รูปเคารพนั้นไม่เป็นอะไรเลย เพียงหัตถกรรมของมนุษย์  พระคัมภีร์บอกว่า “รูปเหล่านั้นมีปากแต่พูดไม่ได้  มีตาแต่ดูไม่ได้ มีหูแต่ฟังไม่ได้ยิน มีจมูกแต่ดมไม่ได้ รูปเหล่านั้นทำเสียงในคอไม่ได้”(สดุดี 115.5-7)  และพวกเขารู้ว่า พระเจ้าที่เปาโลประกาศเป็นพระเจ้าผู้ทรงพระชนม์อยู่และเที่ยงแท้  ดังนั้นเขาได้ละทิ้งรูปเคารพเหล่านั้นแล้ว หันมาหาพระเจ้า  นี่เป็นการกระทำที่เขาแสดงออกจากความเชื่อของเขา

      ความเชื่อแท้มักจะผลิตการกระทำ   คริสเตียนแท้ต้องมีการกระทำที่แสดงออกจากความเชื่อ  แต่น่าเสียดายที่คริสเตียนบางคนเข้าใจผิดในเรื่องการกระทำที่แสดงออกมาจากความเชื่อ  เขาเข้าใจว่า กิจกรรมอันใหญ่ยิ่งเป็นการกระทำที่แสดงออกจากความเชื่อ  แต่การกระทำกิจกรรมเหล่านี้ คนที่ไม่มีความเชื่อก็ทำได้   กิจกรรมที่คนอื่นๆที่ไม่มีความเชื่อทำได้นั้น เราไม่ได้เรียกว่า การกระทำที่แสดงออกจากความเชื่อ   แม้การกระทำกิจกรรมอันใหญ่ยิ่ง เราก็ไม่ได้เรียกว่า การกระทำที่แสดงออกจากความเชื่อ  การกระทำที่แสดงออกจากความเชื่อนั้น หมายถึง การเปลี่ยนแปลง  เข้าใจคุณค่าของพระเยซูแล้ว ละทิ้งสิ่งของของโลกเพื่อได้พระเยซู นั่นแหละเป็นการกระทำที่แสดง ออกจากความเชื่อ  เหมือนที่เปาโลได้สารภาพว่า “แต่ว่าสิ่งใดที่เคยเป็นคุณประโยชน์แก่ข้าพเจ้า  ข้าพเจ้าถือว่าสิ่งนั้นไร้ประโยชน์แล้ว เพื่อเห็นแก่พระคริสต์  ที่จริงแล้วข้าพเจ้าถือว่าสิ่งสารพัดไร้ประโยชน์ เพราะเห็นแก่ความประเสริฐแห่งความรู้ถึงพระเยซูคริสต์ องค์พระผู้เป็นเจ้าของข้าพเจ้า  เพราะเหตุพระองค์ ข้าพเจ้าจึงได้ยอมสละสิ่งสารพัดและถือว่าสิ่งเหล่านั้นเป็นเหมือนหยากเยื่อเพื่อข้าพเจ้าจะได้พระคริสต์” (ฟีลิปปี 3.7-8)   ความเชื่อของเราต้องผลิตการกระทำ  ให้เราเข้าใจคุณค่าของพระเยซู และละทิ้งสิ่งของต่างๆ ที่เราเคยถือว่ามีคุณประโยชน์เสีย เพื่อจะรู้จักพระเยซูอย่างลึกซึ้งและติดตามพระเยซูตลอดชีวิตของเรา

 

2.   ความรักที่เต็มใจทำงานหนัก (3ข) 

      เนื้อหาของกิตติศัพท์ที่เลื่องลือไปเกี่ยวกับความเชื่อของคริสเตียนชาวเมืองเธสะโลนิกาอันที่สองนั้น คือความรักที่พวกเขาเต็มใจทำงานหนัก   เมื่อเขาได้ละทิ้งรูปเคารพและหันกลับมาหาพระเจ้าแล้ว เขาได้รับใช้พระเจ้าผู้ทรงพระชนม์อยู่และเที่ยงแท้ (9ข)  การทำงานหนักที่พวกเขาแสดงให้เห็นในการรับใช้พระเจ้านั้นเกิดจากความรักของเขาที่มีต่อพระคริสต์   เขาได้รับใช้พระเจ้าในท่ามกลางการข่มเหงอันหนัก  

      คนที่ได้รับการอภัยโทษมาก ก็รักพระองค์มาก  ตรงกันข้าม  คนที่ได้รับการอภัยน้อย ก็รักพระองค์น้อย   คนที่รักพระเจ้ามาก ก็มักจะรับใช้พระเจ้าโดยการทำงานหนัก   ความรักแท้ ไม่ใช่รักด้วยคำพูดและด้วยปากเท่านั้น แต่รักด้วยการกระทำและด้วยความจริง (1 ยน.3.18)  

      คงไม่มีที่ใดที่พูดถึงความรักมากเท่ากับคริสตจักร  แต่ก็ยอมรับได้ว่า มีคริสเตียนน้อยที่รักพระองค์และยินดีที่จะทำงานหนักเพื่อจะรับใช้พระองค์  เราส่วนใหญ่รักแต่รักตัวเอง ไม่ใช่รักพระองค์  พระคัมภีร์ได้กล่าวไว้ว่า “แต่จงเข้าใจข้อนี้ คือว่าในสมัยจะสิ้นยุคนั้น จะเกิดเหตุการณ์กลียุค เพราะมนุษย์จะเห็นแก่ตัว เห็นแก่เงิน ... รักความสนุกสนานยิ่งกว่ารักพระเจ้า...”(2ทธ.3.1-5)   สิ่งที่มนุษย์รักนั้น ไม่ใช่พระเจ้า แต่ตัวเอง  เมื่อรักตัวเอง ก็ต้องใช้เงิน ต้องการเงิน จึงรักเงิน  เงินที่ใช้เพื่อตัวเอง ใช้เท่าไร ก็ไม่ค่อยรู้สึกเสียดาย  แต่เงินที่ถวายแด่พระเจ้านั้น รู้สึกนึกเสียดาย  เพราะคนเหล่านั้นรักความสนุกสนานมากกว่ารักพระเจ้า  เราส่วนใหญ่อยากให้คนอื่นๆรักเราเอง และไม่ค่อยแสดงความรักของเราแก่คนอื่นๆ และแก่พระเจ้าด้วย  นี่ก็แสดงให้เห็นว่า เราส่วนใหญ่มักจะรักตัวเอง

      ขอให้เราสำนึกเสมอว่า พระเจ้าทรงสำแดงความรักของพระองค์แก่เราอย่างไร  พระคัมภีร์บอกว่า “ไม่ใคร่จะมีใครตายเพื่อคนตรง แต่บางทีจะมีคนอาจตายเพื่อคนดีก็ได้ แต่พระเจ้าทรงสำแดงความรักของพระองค์แก่เราทั้งหลาย คือขณะที่เรายังเป็นคนบาปอยู่นั้น พระคริสต์ได้ทรงสิ้นพระชนม์เพื่อเรา” (รม.5.7-8)   คนที่รักแต่ตัวเองเท่านั้น จงกลับใจเสียใหม่ และสำนึกถึงความรักของพระเจ้าที่ทรงมีต่อเรา ซึ่งเป็นคนบาป  คนที่สำนึกถึงความรักของพระเจ้าจริงๆ มักจะยินดีทำงานหนัก ซึ่งแสดงออกจากความรักที่มีต่อพระเจ้า

 

3.   ความพากเพียรซึ่งเกิดจากความหวังในพระคริสต์ ( 3 ค.) 

      เมื่อชาวเมืองเธสะโลนิกาได้ยินข่าวประเสริฐจากเปาโลนั้น ก็เกิดการข่มเหงหนักด้วย  ข้อ 6 ก็บอกว่า “...โดยที่ท่านได้รับถ้อยคำนั้นด้วยความยากลำบากเป็นอันมาก”   สาเหตุที่เปาโลจำเป็นต้องออกจากเมืองเธสะโลนิกาไปยังเมืองอื่น ก็เพราะการข่มเหง  ถึงอย่างไรก็ตาม คริสเตียนชาวเมือเธสะโลนิกาได้แสดงความพากเพียรเมื่อเขาถูกข่มเหงอย่างหนัก  และความพากเพียรนั้นเกิดจากความหวังในพระคริสต์  ความหวังนั้นไม่ได้หมายถึงความฝันส่วนตัวหรือแผนการอนาคต  แต่ความหวังในพระคริสต์ หมายความว่า เขารอคอยการเสด็จกลับมาของพระเยซูคริสต์   ข้อ 10 ก็กล่าวว่า “และรอคอยพระบุตรของพระเจ้าจากสวรรค์ ซึ่งพระเจ้าทรงให้เป็นขึ้นมาจากความตาย คือพระเยซูผู้ทรงช่วยให้เราพ้นจากพระอาชญาที่จะมีมาภายหลังนั้น” 

      พระคัมภีร์บอกว่า “เหตุว่าเราทั้งหลายรอด แม้เป็นเพียงความหวังใจ แต่ความหวังใจในสิ่งที่เราเห็นได้ หาเป็นความหวังใจไม่ ด้วยว่าใครเล่าจะยังหวังในสิ่งที่เขาเห็น แต่ถ้าเราทั้งหลายคอยหวังใจในสิ่งที่เรายังไม่ได้เห็น เราจึงมีความเพียรรอคอยสิ่งนั้น” (รม. 8.24-25) 

     

      ความเชื่อที่แสดงออกเป็นการกระทำ ความรักที่เต็มใจทำงานหนัก และความพากเพียรซึ่งเกิดจากความหวังในพระคริสต์นั้นได้แสดงให้เห็นถึงการเปลี่ยนแปลงชีวิตทุกด้านของคริสเตียนชาวเมืองเธสะโลนิกา  ไม่ใช่เปลี่ยนแปลงบางส่วน แต่เป็นการเปลี่ยนแปลงอย่างสิ้นเชิง  พระเยซูมีคุณค่ามากเพียงพอที่จะละทิ้งรูปเคารพ ปรนนิบัติรับใช้และรอคอยพระองค์ผู้ที่จะเสด็จมาด้วยความพากเพียร  

      การเปลี่ยนแปลงเช่นนี้เกิดขึ้น  เมื่อพวกเขายังเป็นคนเชื่อใหม่ เพิ่งรับเชื่อแล้ว ก็เกิดการเปลี่ยนแปลงเช่นนี้ขึ้นอย่างรวดเร็ว   เป็นภาพที่ตรงกันข้ามกับชีวิตคริสเตียนปัจจุบัน   คริสเตียนส่วนใหญ่ในปัจจุบันมักจะเห็นการเปลี่ยนแปลงอย่างช้ามากและเนื้อหาหรือคุณภาพของการเปลี่ยนแปลงก็ไม่เหมือนกับคนที่อยู่ในพระคัมภีร์ ไม่ว่าจะเป็นศักเคียส มารีย์ ชาวเอเฟซัสและชาวเธสะโลนิกา  ทำให้เราหลายคนได้เอาลักษณะความเชื่อของคริสเตียนที่เราได้เห็นรอบๆ ของเรามาเป็นมาตรฐาน  บางคนมีแนวโน้มที่จะหลีกเลี่ยงการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วและอย่างสิ้นเชิง  แต่อย่าลืมเลย คนที่พบพระเยซูและได้ต้อนรับเอาพระเยซูเป็นพระผู้ช่วยให้รอดในพระคัมภีร์ส่วนใหญ่ได้ประสบการเปลี่ยนแปลงอย่างสิ้นเชิงและรวดเร็ว  ขอให้เราละทิ้งนิสัยไม่ดีที่จะเข้าใจชีวิตคริสเตียนด้วยมาตรฐานที่เราได้ตั้งไว้ หรือที่เราเห็นจากคนอื่นรอบๆของเรา  พระเจ้าสอนเรื่องชีวิตคริสเตียนผ่านทางพระคัมภีร์อย่างไร เราควรรับเอาเป็นชีวิตของเรา 

      แล้วเราทราบและแน่ใจได้ว่า เราทุกคนจะเป็นที่รักของพระเจ้า เป็นคนที่พระเจ้าทรงเลือกสรรไว้




คำเทศนาปี 2005

เทศนาเรื่อง เราจะปรนนิบัติพระเจ้า article
เทศนาเรื่อง เจ้าของวันคริสต์มาสครั้งแรก article
เทศนาเรื่อง ความสนพระทัยของพระองค์และหน้าที่ของธรรมิกชน article
เทศนาเรื่อง ให้เรารักพระวจนะของพระเจ้า article
เทศนาเรื่อง ให้เรามีส่วนในข่าวประเสริฐ article
คำเทศนาเรื่อง ความเชื่อที่มุ่งไปข้างหน้า article
เทศนาเรื่อง นมัสการด้วยใจขอบพระคุณ article
เทศนาเรื่อง คริสเตียนที่สวยงาม article
เทศนาเรื่อง ท่านกำลังแสวงหาอะไรอยู่ article
Sermon 3 article
Sermon 2 article
Sermon 1 article
คำเทศนาเรื่อง ผู้ใหญ่ฝ่ายวิญญาณ article
คำเทศนาเรื่อง ชัยชนะเหนือความกลัว article
คำเทศนาเรื่อง ความเชื่อของทิโมธี article
คำเทศนาเรื่อง ให้คริสตจักรเต็มด้วยผู้นมัสการ article
คำเทศนาเรื่อง ชีวิตคริสเตียนที่ส่องสว่าง article
คำเทศนาเรื่อง พระเยซูผู้ถูกยกขึ้นอย่างสูง article
คำเทศนาเรื่อง ผู้คนที่พระเจ้าแสวงหา article
คำเทศนาเรื่อง พระเยซูผู้ทรงถ่อมพระทัย article
คำเทศนาเรื่อง ให้เราเป็นอันหนึ่งอันเดียวในพระเป็นเจ้า article
คำเทศนาเรื่อง สองสิ่งที่คริสเตียนควรรู้ article
คำเทศนาเรื่อง จงระลึกถึงวันของพระเป็นเจ้า article
คำเทศนาเรื่อง ชีวิตที่สมกับข่าวประเสริฐ article
คำเทศนาเรื่อง เราควรดำเนินชีวิตอย่างไร article
คำเทศนาเรื่อง ของมีค่าอยู่ในภาชนะดิน article
คำเทศนาเรื่อง จงออกไปประกาศข่าวปรเสริฐ article
คำเทศนาเรื่อง ผู้คนที่เผาหนังสือตำรา article
คำเทศนาเรื่อง หญิงที่เปิดผอบน้ำมันหอม article
คำเทศนาเรื่อง ศักเคียสได้พบพระเยซู article
คำเทศนาเรื่อง คุณค่าของแผ่นดินสวรรค์ article
คำเทศนาเรื่อง คำอุปมาเรื่องแกะกับแพะ article
คำเทศนาเรื่อง : คริสเตียนที่ดี article
คำเทศนาเรื่อง : คริสเตียนที่พระเจ้าชมเชย article
คำเทศนาเรื่อง สองสิ่งที่มนุษย์ควรรู้ article
คำเทศนาเรื่อง การนมัสการที่พระเจ้าพอพระทัย article
คำเทศนาเรื่อง จงระลึกถึงพระผู้สร้างของท่าน article
คำเทศนาเรื่อง ผู้ที่จะได้รับพระพรของพระเจ้า article
คำเทศนาเรื่อง ให้เรารับพระพรของพระเจ้า article



Copyright © 2010 All Rights Reserved.