ReadyPlanet.com
dot
dot
แจ้งเพื่อรับข่าวสารจากเรา

dot
dot
ทีรันนัสดอทคอม
dot
bulletสารจากผู้อำนวยการ
bulletประวัติทีรันนัส
bulletติดต่อเรา
bulletแผนที่
bulletสมุดเซ็นเยี่ยม
bulletข่าวสารจากทีรันนัส
dot
หนังสือแยกเป็นหมวดหมู่
dot
bulletหมวด คริสเตียนศึกษา
bulletหมวด การเทศนา
bulletหมวด อธิบายพระคัมภีร์
bulletหมวด คู่มือศึกษาพระคัมภีร์
bulletหมวด ชีวิตคริสเตียน
bulletหมวด เพิ่มพูนคริสตจักร
bulletหมวด การสร้างสาวก
bulletหมวด การประกาศ-มิชชั่น
dot
สำนักพิมพ์ ทีรันนัส
dot
bulletสมัครเป็นสมาชิก
bulletสมัครเป็นผู้แทนจำหน่าย
bulletหนังสือใหม่ล่าสุด
bulletหนังสือขายดีติดอันดับ
bulletหนังสือพิมพ์ซ้ำ
bulletวิธีสั่งซื้อสินค้าจากเรา
bulletศูนย์รับแจ้งสินค้ามีปัญหา
bulletแนะนำร้านหนังสือคริสเตียน
dot
Phon Phaiboon Church
dot
bulletคำเทศนาของศิษยาภิบาล
bulletข่าวสารจากคริสตจักร
dot
เว็บอื่นๆ
dot
bulletLink ลิ้งค์ไปเว็บคริสเตียน
bulletwww.thaichristians.net


องค์การ gpinternational
สหกิจคริสเตียนแห่งประเทศไทย
เว็บข่าวสารคริสเตียนไทย ทั่วฟ้าเมืองไทย ไม่แบ่งแยกคณะ บทความ  คำเทศนา  เรื่องสั้น  บทกลอน  แจกโฮมเพจเพื่อคริสตจักรในท้องถิ่น.... ฟังคำเทษนาออน์ไลน์  ลิ้งค์ไปเว็บต่างของคริสเตียนทั่วโลก   แหล่งซื้อขายของคริสเตียน  สิ่งดีๆที่คุณไม่ควรพลาดในเว็บไทยคริสเ
สมาคมพระคริสตธรรมไทย
คริสตจักรพรไพบูลย์


คำเทศนาเรื่อง ผู้คนที่เผาหนังสือตำรา article

กิจการ 19.8-20

ผู้คนที่เผาหนังสือตำรา

 

          ข่าวประเสริฐของพระเยซูมีฤทธิ์ที่จะเปลี่ยนคนที่ไม่มีจุดประสงค์และไม่มีคุณค่าให้เป็นคนที่ค้นพบจุดประสงค์และคุณค่าที่แท้จริงได้ “เพราะข่าวประ

เสริฐนั้นเป็นฤทธิ์เดชของพระเจ้า เพื่อให้ทุกคนที่เชื่อ ได้รับความรอด”(รม.1.16)

เมื่อเปาโลเดินทางไปประกาศครั้งที่สาม  เปาโลได้มาถึงเมืองเอเฟซัส   ก็ประกาศข่าวประเสริฐที่ธรรมศาลาด้วยใจกล้าประมาณสามเดือน  ชักชวนคนทั้งหลายให้เชื่อเรื่องแผ่นดินของพระเจ้า   มีคนเชื่อ แต่ก็ยังมีบางคนไม่เชื่อและพูดหยาบช้าเรื่องพระเยซูที่เปาโลประกาศต่อหน้าคนทั้งปวง   ดังนั้น เปาโลพาสาวกออกจากธรรมศาลา และเข้าไปในห้องประชุมของทีรันนัส อบรมและประกาศที่นั่นประมาณสองปี ทำให้คนส่วนใหญ่ได้ยินข่าวประเสริฐของพระเยซู

พระเจ้าได้ทรงรับรองการประกาศของเปาโลโดยการกระทำอิทธิฤทธิ์ด้วยมือของเปาโล  สิ่งอัศจรรย์ที่โรคหายและผีก็ออกจากผู้คนที่เข้าสิงอยู่นั้นเกิดขึ้น   ไม่มีอำนาจใดๆในผ้าเช็ดหน้ากับผ้ากันเปื้อน  แต่สิ่งเหล่านี้เป็นสัญลักษณ์ที่มองเห็นได้ของพระหัตถ์แห่งพระพรของพระเจ้า   การอัศจรรย์ที่ได้บันทึกไว้ในหนังสือกิจการส่วนใหญ่มักจะยืนยันการรับใช้ของอัครสาวก

พวกหมอผีได้เห็นการอัศจรรย์เช่นนี้แล้ว พยายามทำตาม ใช้พระนามของพระเยซูเพื่อจะขับผีร้าย แม้บุตรชายของมหาปุโรหิตเสวาเจ็ดคนก็ทำตามด้วย   ผีร้ายจึงพูดกับคนเหล่านั้นว่า “พระเยซู ข้าก็คุ้นเคย และเปาโล ข้าก็รู้จัก แต่พวกเจ้าเป็นผู้ใดเล่า”พวกผีก็รู้ว่า ใครเชื่อจริงๆ และใครไม่เชื่อ   

เมื่อเรื่องนี้ได้ลือไปทั่วเมืองเอเฟซัส ทำให้เกิดการฟื้นฟูใหญ่ฝ่ายจิตวิญญาณขึ้นในเมืองเอเฟซัส   ต่างคนต่างรับเชื่อพระเยซู   ลูกาได้บันทึกเหตุการณ์ต่างๆที่ได้เกิดขึ้นในช่วงเวลานั้นให้เรารู้ว่า เมื่อคนเหล่านี้ได้เชื่อพระเยซูแล้ว เกิดอะไรขึ้น

 

1.   คนเหล่านั้นได้เกรงกลัวพระเจ้า (17 ก)

“เรื่องนั้นได้ลือกันไปถึงหูคนทั้งปวงที่อยู่ในเมืองเอเฟซัส ทั้งพวกยิวและพวกกรีก และคนทั้งปวงก็พากันมีความเกรงกลัว...”

        เมื่อพวกหมอผีได้เห็นฤทธิ์อำนาจของพระเจ้าที่กระทำอิทธิฤทธิ์ด้วยมือของเปาโล  เขาเหล่านั้นพยายามใช้พระนามของพระเยซูในลักษณะเล่นเพื่อจะลองดู แต่เมื่อได้ยินจากผีร้ายที่บอกว่า “พระเยซู ข้าก็คุ้นเคย และเปาโล ข้าก็รู้จัก แต่พวกเจ้าเป็นผู้ใดเล่า” พวกเขาคงตกใจมากทีเดียว และคนที่ได้ยินเรื่องนี้ ก็กลัวพระเจ้า

        เรื่องนี้คงเป็นเรื่องคู่กับเรื่องของอานาเนียกับสัปฟีรา ซึ่งปรากฎอยู่ในกิจการ 5.1-11   สามีภรรยาคู่นี้ได้ขายที่ดินของตน แล้วค่าที่ดินส่วนหนึ่ง เขาก็เก็บไว้ และอีกส่วนหนึ่งนั้นได้นำมาถวาย   เมื่อเปโตรพูดกับอานาเนียว่า “...เจ้ามิได้มุสาต่อมนุษย์ แต่ได้มุสาต่อพระเจ้า” เขาก็ล้มลงตาย  หลังจากนั้น สัปฟีรา ภรรยาของเขาก็เขามาโดยไม่ทราบว่า เกิดอะไรขึ้น  เปโตรถามเขาด้วยว่า “เจ้าขายที่ดินได้ราคาเท่านั้นหรือจงบอกเราเถิด... ไฉนเจ้าทั้งสองได้พร้อมใจกันทดลองพระวิญญาณของพระผู้เป็นเจ้าเล่า...” “ในทันใดนั้นนางก็ล้มลงตายแทบเท้าของเปโตร” (ข้อ 10) และข้อ 11ได้กล่าวไว้ว่า “ความเกรงกลัวอย่างยิ่งได้เกิดขึ้นในคริสตจักรและในหมู่คนทั้งปวงที่ได้ยินเหตุการณ์นั้น”      

        เรามองไม่เห็นพระเจ้าด้วยตาของเรา และในปัจจุบันก็ไม่ค่อยเกิดเหตุการณ์เช่นนี้ในคริสตจักร   พระเจ้าของเราเป็นพระเจ้าแห่งความรัก ทรงบริบูรณ์ด้วยความเมตตากรุณา  จะเห็นว่าคนในปัจจุบันไม่ค่อยเกรงกลัวพระเจ้าเลย ทั้งคนที่เป็นคริสเตียนและคนที่ไม่เป็นคริสเตียน   แต่พระเจ้าของเราก็เป็นพระเจ้าที่น่าเกรงขาม   คนอิสราเอลในสมัยพันธสัญญาเดิมไม่กล้าที่จะมองเห็นพระเจ้า   เขาให้โมเสสเข้าไปหาพระเจ้า ฟังจากพระเจ้า และไม่ให้พวกเขาได้ยินจากพระเจ้าโดยตรง   เขาคิดว่า ใครก็ตาม ถ้าเขาเห็นพระเจ้า เขาตายแน่นอน   ในขณะที่พวกธรรมจารย์เขียนพระคัมภีร์ตามต้นฉบับ และพบคำว่า พระนามของพระเจ้า  เขากลัว หยุดเขียน ไปอาบน้ำ ล้างเครื่องเขียน แล้วกลับมาเขียนต่อ

        เราต้องมีความสัมพันธ์สนิทกับพระเจ้าอย่างใกล้ชิดเป็นพระบิดาของเรา ในเวลาเดียวกัน เราต้องเกรงกลัวพระเจ้าด้วย   เมื่อเข้ามาในคริสตจักร เราต้องรู้ว่า พระเจ้าผู้ยิ่งใหญ่และน่าเกรงกลัวทรงสถิตอยู่ที่นี่   บรรยากาศฝ่ายวิญญาณที่เกรงกลัวพระเจ้าแห่งความยุติธรรมต้องมีในคริสตจักร  “อย่าหลงเลย ท่านจะหลอก ลวงพระเจ้าไม่ได้  เพราะว่าผู้ใดหว่านอะไรลง ก็จะเกี่ยวสิ่งนั้น”(กาลาเทีย 6.7)

 

2.  คนเหล่านั้นได้ยกย่องสรรเสริญพระนามของพระเยซู (17 ข)   

   “และพระนามของพระเยซูเจ้าก็เป็นที่ยกย่องสรรเสริญ” 

          ความเกรงกลัวได้นำพวกเขาเข้าไปสู่บรรยากาศแห่งการสรรเสริญพระเจ้า   คนเหล่านั้นได้เข้าใจและเห็นว่า พระเจ้าผู้ทรงน่าเกรงขามได้ทรงเสด็จมาเยี่ยมเขา ทรงสำแดงความรักแก่เขา และได้ทรงช่วยเขาให้รอดพ้นจากความบาปและความตาย ดังนั้น เขาจึงยกย่องสรรเสริญพระนามอันยิ่งใหญ่ของพระเยซูคริสต์ 

          คนที่ได้รับความรอดของพระเจ้า มักจะสรรเสริญพระองค์   เมื่อคนอิสราเอลอพยพจากอียิปต์ นำโดยโมเสส และข้ามทะเลแดงแล้ว พวกอิสราเอลได้ร้องเพลง สรรเสริญพระเจ้าแห่งความรอด   ไม่มีการร้องเพลงในประเทศอียิปต์

          พระเจ้าทรงสร้างมนุษย์ เพื่อให้มนุษย์สรรเสริญพระเจ้า (อิสยาห์ 43.21)  พระประสงค์ของพระเจ้าที่พระองค์ทรงเลือกเรา  ทรงไถ่บาปของเรา และทรงผนึกตราเป็นมัดจำของการรับมรดกนั้น เพื่อให้เราสรรเสริญพระเจ้า   บรรดาผู้ที่ได้รับความรอด จงสรรเสริญพระเจ้าด้วยสุดจิตสุดใจและสิ้นสุดกำลังเถิด 

 

3.   คนเหล่านั้น ได้กลัยใจเสียใหม่ (18-20)

“มีหลายคนที่เชื่อแล้ว ได้มาสารภาพและเปิดเผยว่า เขาได้ใช้เวทมนตร์...”

        เมื่อคนเหล่านี้ได้ยินข่าวประเสริฐของพระเยซู ได้เห็นการอัศจรรย์ที่พระองค์ทรงกระทำด้วยมือของเปาโล และได้เห็นเหตุการณ์ฝ่ายวิญญาณที่เกิดขึ้น ก็ได้เชื่อในพระเยซู   เมื่อเชื่อแล้ว ก็ได้เกิดการเปลี่ยนแปลงความคิดของเขา นั่นคือการกลับใจเสียใหม่  ดังนั้น พวกเขามาสารภาพและเปิดเผยพฤติกรรมชั่วของพวกเขา ซึ่งเขาไม่เคยคิดว่า พฤติกรรมนั้นผิดมาก่อน   แต่เมื่อเขาเข้าใจความรู้ใหม่ๆฝ่ายวิญญาณแล้ว เขาเริ่มรู้สึกว่า สิ่งที่ไม่เคยคิดว่าเป็นปัญหานั้นเป็นปัญหาจริงๆ   ที่เมืองเอเฟซัสมีรูปพระอารเทมิส เป็นรูปใหญ่โตมาก กว้าง 239 นิ้ว และยาว 418 นิ้ว  ผู้คนที่อาศัยในเมืองเอเฟซัสได้ซื้อรูปเล็กๆของพระอารเทมิสมาวางไว้ในบ้านของตนและได้กราบไหว้ทุกๆวันโดยไม่ได้คิดว่า การกระทำเช่นนี้ไร้ประโยชน์ แต่เมื่อเชื่อพระเยซูแล้ว รู้ว่าการกระทำเหล่านี้ไม่มีประโยชน์อะไรเลย พวกเขาจึงไม่ได้ซื้อรูปเล็กๆ เหล่านี้อีก  การค้าขายรูปเคารพได้ลดลงไปมากจน เกิดการจลาจลขึ้น 19.25 เป็นต้นไปเห็นว่า มีการประชุมของช่างเงินกับช่างทำการคล้ายกันแล้ว กล่าวว่า “ดูก่อน ท่านทั้งหลาย ท่านทราบอยู่ว่าพวกเราได้ทรัพย์สินเงินทองมา ก็เพราะทำการอันนี้ และท่านทั้งหลายได้รู้เห็นอยู่ว่า ไม่ใช่เฉพาะในเมืองเอเฟซัสเมืองเดียว แต่เกือบทั่วแคว้นเอเซีย เปาโลคนนี้ได้เกลี้ยกล่อมใจคนเป็นอันมากให้เลิกทางเก่าเสีย โดยได้กล่าวว่า พระรูปที่มือมนุษย์ทำนั้นไม่ใช่พระ...”

        เมื่อได้ยินพระวจนะของพระเจ้าแล้ว ชาวเอเฟซัสเข้าใจว่า การเคารพรูปเคารพที่ทำมานั้นเป็นสิ่งที่ไร้ประโยชน์  เขาจึงเลิกเคารพรูปเหล่านั้น  ข่าวประเสริฐของพระเยซูมีฤทธิ์อำนาจเช่นนี้ สามารถเปลี่ยนความคิดเก่าที่ไร้ประโยชน์และใส่ความคิดใหม่ได้  นี่หมายถึงการกลับใจเสียใหม่

        ความเชื่อที่แท้จริงต้องมีการกลับใจใหม่แท้ด้วย  ถ้ายังไม่ได้กลับใจใหม่ แต่รับพระพรมาก หรือเป็นคนรวย หรือประสบความสำเร็จ หรือจำเริญขึ้นนั้น อย่าเพิ่งดีใจหรือพอใจ  เพราะสิ่งเหล่านั้นไม่ใช่เป็นพระพรจริงๆของพระเจ้า  การฟื้นฟูฝ่ายวิญญาณที่แท้จริงหมายถึงการกลับใจเสียใหม่    

        แต่การกลับใจเสียใหม่นั้นต้องเกิดผลอันสมกับสภาพใหม่นั้น   เมื่อพวกฟาริสีและพวกสะดูสีจำนวนมากมาหายอห์นผู้ให้บัพติศมา เพื่อจะรับบัพติศมา  ยอห์นได้กล่าวแก่พวกเขาว่า “...เหตุฉะนั้นจงพิสูจน์การกลับใจของเจ้าด้วยผลที่เกิดขึ้น... บัดนี้ขวานวางไว้ที่โคนต้นแล้ว และทุกต้นที่ไม่เกิดผลดีจะต้องตัดแล้วโยนทิ้งในกองไฟ...”(มัทธิว 3.7-10)  

        ชาวเมืองเอเฟซัสไม่ใช่กลับใจใหม่ด้วยปากเท่านั้น แต่กลับใจใหม่จริงๆ พวกเขาไม่ใช่สารภาพและเปิดเผยว่า เขาได้ใช้เวทมนตร์ด้วยปากเท่านั้น แต่เขาได้เอาตำราที่เคยใช้มาเผาไฟเสีย  ข้อ 19 บอกว่า “หลายคนที่ใช้เวทมนตร์คาถา ได้เอาตำราของตนมาเผาไฟเสียต่อหน้าคนทั้งปวง ตำราเหล่านั้น คิดเป็นราคาเงินถึงห้าหมื่นเหรียญ” นี่เป็นจุดสุดยอดของการรับเชื่อในพระเยซู

        เรื่องนี้เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นในสมัยพระคัมภีร์ใหม่  ประมาณ 2000 ปีที่แล้ว  สมัยนั้นไม่เหมือนปัจจุบันในหลายๆด้าน   ไม่มีกระดาษที่เราใช้กันอยู่ทุกวันนี้  ไม่มีทักษะในการพิมพ์และเข้าเล่ม   ดังนั้น หาหนังสือยากมาก ใครมีหนังสือส่วนตัวในสมัยนั้น หมายความว่า เขาไม่ใช่เป็นคนธรรมดา เขาคงเป็นคนรวยแน่  คนที่ใช้เวทมนตร์คาถา ได้เอาหนังสือตำราที่ได้ใช้เป็นประจำมาเผาไฟเสีย  หนังสือเหล่านั้นคิดเป็นราคาเงินถึงห้าหมื่นเหรียญ   ไม่แน่ชัดว่า เงินห้าหมื่นเหรียญนั้นเท่ากับค่าเงินบาทเท่าไร แต่เข้าใจกันว่า เงิน 1 เหรียญเป็นค่าแรงของคนหนึ่งหนึ่งวัน  ถ้าค่าแรงหนึ่งคนหนึ่งวัน 400 บาท ก็เท่ากับ 20 ล้านบาท  นี่เป็นผลของการกลับใจใหม่ของเขา   คงทำเช่นนี้ยากมาก แต่เป็นไปได้โดยฤทธิ์เดชของข่าวประเสริฐ  

        คนเหล่านี้ได้รับการเปลี่ยนแปลงอย่างสิ้นเชิงโดยข่าวประเสริฐ  ได้ค้นพบจุดประสงค์ใหม่และคุณค่าใหม่ของชีวิต   เมื่อพบพระเยซูคริสต์แล้ว เข้าใจว่า สิ่งที่เคยคิดว่ามีคุณค่ามากในชีวิตของตน กลับมาเป็นสิ่งที่ไม่มีคุณค่าอะไรเลย   เมื่อความคิดเปลี่ยนไป การกระทำก็เปลี่ยนไปตาม   เมื่อการกระทำเปลี่ยนไป  ชีวิตก็เปลี่ยนไปด้วย

        อยากจะพ้นจากชีวิตเก่าที่ไม่มีความหมายและไม่มีคุณค่าที่แท้จริงไหม  จงเชื่อฤทธิ์แห่งข่าวประเสริฐของพระเยซู  ยอมให้พระองค์ทรงเปลี่ยนความคิด จิตใจของคุณ แล้วการกระทำและชิวิตของคุณจะเปลี่ยนไปด้วยจากชีวิตที่มไม่มีจุดประ สงค์เป็นชีวิตที่มีจุดประ สงค์ จากชีวิตที่ไม่มีคุณค่าที่แท้จริงมาเป็นชีวิตที่มีคุณค่าใหม่  พระเจ้าทรงจัดเตรียมชีวิตใหม่นี้เพื่อเราแล้ว  ให้เรารับเอาชีวิตใหม่นี้โดยความเชื่อในพระเยซู    ขอพระเจ้าอวยพระพรพี่น้องทุกท่าน

 

 

 




คำเทศนาปี 2005

เทศนาเรื่อง เราจะปรนนิบัติพระเจ้า article
เทศนาเรื่อง เจ้าของวันคริสต์มาสครั้งแรก article
เทศนาเรื่อง ความสนพระทัยของพระองค์และหน้าที่ของธรรมิกชน article
เทศนาเรื่อง ให้เรารักพระวจนะของพระเจ้า article
เทศนาเรื่อง ให้เรามีส่วนในข่าวประเสริฐ article
คำเทศนาเรื่อง ความเชื่อที่มุ่งไปข้างหน้า article
เทศนาเรื่อง นมัสการด้วยใจขอบพระคุณ article
เทศนาเรื่อง คริสเตียนที่สวยงาม article
เทศนาเรื่อง ท่านกำลังแสวงหาอะไรอยู่ article
Sermon 3 article
Sermon 2 article
Sermon 1 article
คำเทศนาเรื่อง ผู้ใหญ่ฝ่ายวิญญาณ article
คำเทศนาเรื่อง ชัยชนะเหนือความกลัว article
คำเทศนาเรื่อง ความเชื่อของทิโมธี article
คำเทศนาเรื่อง ให้คริสตจักรเต็มด้วยผู้นมัสการ article
คำเทศนาเรื่อง ชีวิตคริสเตียนที่ส่องสว่าง article
คำเทศนาเรื่อง พระเยซูผู้ถูกยกขึ้นอย่างสูง article
คำเทศนาเรื่อง ผู้คนที่พระเจ้าแสวงหา article
คำเทศนาเรื่อง พระเยซูผู้ทรงถ่อมพระทัย article
คำเทศนาเรื่อง ให้เราเป็นอันหนึ่งอันเดียวในพระเป็นเจ้า article
คำเทศนาเรื่อง สองสิ่งที่คริสเตียนควรรู้ article
คำเทศนาเรื่อง จงระลึกถึงวันของพระเป็นเจ้า article
คำเทศนาเรื่อง ชีวิตที่สมกับข่าวประเสริฐ article
คำเทศนาเรื่อง เราควรดำเนินชีวิตอย่างไร article
คำเทศนาเรื่อง ของมีค่าอยู่ในภาชนะดิน article
คำเทศนาเรื่อง จงออกไปประกาศข่าวปรเสริฐ article
คำเทศนาเรื่อง เพชรพลอย 3 อย่างของคริสเตียน article
คำเทศนาเรื่อง หญิงที่เปิดผอบน้ำมันหอม article
คำเทศนาเรื่อง ศักเคียสได้พบพระเยซู article
คำเทศนาเรื่อง คุณค่าของแผ่นดินสวรรค์ article
คำเทศนาเรื่อง คำอุปมาเรื่องแกะกับแพะ article
คำเทศนาเรื่อง : คริสเตียนที่ดี article
คำเทศนาเรื่อง : คริสเตียนที่พระเจ้าชมเชย article
คำเทศนาเรื่อง สองสิ่งที่มนุษย์ควรรู้ article
คำเทศนาเรื่อง การนมัสการที่พระเจ้าพอพระทัย article
คำเทศนาเรื่อง จงระลึกถึงพระผู้สร้างของท่าน article
คำเทศนาเรื่อง ผู้ที่จะได้รับพระพรของพระเจ้า article
คำเทศนาเรื่อง ให้เรารับพระพรของพระเจ้า article



Copyright © 2010 All Rights Reserved.