ReadyPlanet.com
dot
dot
แจ้งเพื่อรับข่าวสารจากเรา

dot
dot
ทีรันนัสดอทคอม
dot
bulletสารจากผู้อำนวยการ
bulletประวัติทีรันนัส
bulletติดต่อเรา
bulletแผนที่
bulletสมุดเซ็นเยี่ยม
bulletข่าวสารจากทีรันนัส
dot
หนังสือแยกเป็นหมวดหมู่
dot
bulletหมวด คริสเตียนศึกษา
bulletหมวด การเทศนา
bulletหมวด อธิบายพระคัมภีร์
bulletหมวด คู่มือศึกษาพระคัมภีร์
bulletหมวด ชีวิตคริสเตียน
bulletหมวด เพิ่มพูนคริสตจักร
bulletหมวด การสร้างสาวก
bulletหมวด การประกาศ-มิชชั่น
dot
สำนักพิมพ์ ทีรันนัส
dot
bulletสมัครเป็นสมาชิก
bulletสมัครเป็นผู้แทนจำหน่าย
bulletหนังสือใหม่ล่าสุด
bulletหนังสือขายดีติดอันดับ
bulletหนังสือพิมพ์ซ้ำ
bulletวิธีสั่งซื้อสินค้าจากเรา
bulletศูนย์รับแจ้งสินค้ามีปัญหา
bulletแนะนำร้านหนังสือคริสเตียน
dot
Phon Phaiboon Church
dot
bulletคำเทศนาของศิษยาภิบาล
bulletข่าวสารจากคริสตจักร
dot
เว็บอื่นๆ
dot
bulletLink ลิ้งค์ไปเว็บคริสเตียน
bulletwww.thaichristians.net


องค์การ gpinternational
สหกิจคริสเตียนแห่งประเทศไทย
เว็บข่าวสารคริสเตียนไทย ทั่วฟ้าเมืองไทย ไม่แบ่งแยกคณะ บทความ  คำเทศนา  เรื่องสั้น  บทกลอน  แจกโฮมเพจเพื่อคริสตจักรในท้องถิ่น.... ฟังคำเทษนาออน์ไลน์  ลิ้งค์ไปเว็บต่างของคริสเตียนทั่วโลก   แหล่งซื้อขายของคริสเตียน  สิ่งดีๆที่คุณไม่ควรพลาดในเว็บไทยคริสเ
สมาคมพระคริสตธรรมไทย
คริสตจักรพรไพบูลย์


คำเทศนาเรื่อง ศักเคียสได้พบพระเยซู article

 

 ศักเคียสได้พบพระเยซู    ลูกา 19. 1-10

            พระวจนะของพระเจ้าในวันนี้เป็นการสนทนาระหว่างพระเยซูกับศักเคียสที่เมืองเยรีโค  เมืองเยรีโคเป็นเมืองสำคัญและค่อนข้างร่ำรวยในสมัยนั้น  เพราะมีป่าไม้อินทผลัมใหญ่และผลิตน้ำมันหอม   เป็นเมืองที่มีเส้นทางการค้าขายระหว่างประเทศ  อากาศก็ดีและสวยด้วย  ดังนั้นเมืองนี้ จึงเป็นเมืองที่ผู้คนอาศัยอยู่มากมาย  ที่ไหนที่มีการทำค้าขาย ที่นั่นมีความมั่งคั่งด้วย  ที่ไหนที่มีความมั่งคั่ง ที่นั่นก็มีการจัดเก็บภาษี   รัฐบาลโรมได้เก็บเงินจำนวนมากจากชาวเมืองเยรีโค  นั่นหมายความว่า มีพวกคนเก็บภาษีเพื่อรัฐบาลโรม เป็นตัวแทนรัฐบาลโรม คนเก็บภาษีเหล่านี้มักจะถูกเรียกว่า คนทุจริต หรือผู้ทรยศ  เป็นที่เกลียดชังมากที่สุดของผู้คนอาศัยในเมืองนั้น

            พระเยซูกำลังผ่านเมืองเยรีโคนี้   และได้พบชายคนหนึ่ง ชื่อศักเคียส  ในที่สุด ศักเคียสได้เชื่อพระเยซู และได้รับความรอด  เรื่องนี้เป็นเรื่องที่น่าฟังและสวยงาม  เป็นตัวอย่างที่ดีที่ให้เราเห็นว่า เมื่อมีคนใดคนหนึ่ง เชื่อพระเยซูแล้ว มีการเปลี่ยนแปลงอะไรเกิดขึ้นกับคนนั้น   จากเรื่องศักเคียส  เราได้เห็นถึงชีวิตก่อนเชื่อพระเยซู และชีวิตหลังเชื่อพระเยซูอย่างชัดเจน 

            พี่น้องเชื่อพระเยซูไหม   เมื่อเชื่อพระเยซูแล้ว ชีวิตก่อนและหลังเป็นอย่างไร  เหมือนเดิม หรือแตกต่างกันไป  พี่น้องได้สัมผัสกับชีวิตใหม่ที่น่าอัศจรรย์และน่าตื่นเต้นเหมือนศักเคียสไหม  ให้เราศึกษาดูชีวิตของศักเคียสก่อนเชื่อพระเยซูกับหลังเชื่อพระเยซูว่า เป็นอย่างไร

 

1.         ชีวิตก่อนเชื่อพระเยซู (19.1-2)

พระคัมภีร์บอกว่า ศักเคียสเป็นนายด่านภาษี  หมายความว่า เขาได้ฉ้อโกง และชักชวนคนเก็บภาษีคนอื่นให้ฉ้อโกงด้วย   พระคัมภีร์บอกว่า เขาเป็นคนมั่งมีด้วย คงเป็นคนมั่งมีอย่างมหาศาล   อย่างไรก็ตาม การเป็นนายด่านภาษีและเป็นคนมั่งมีนั้นไม่ได้ประกันว่า เขาพอใจกับชีวิตของตน หรือมีความสุขแท้ในชีวิตของตน   ตรงกันข้าม เขามีความรู้สึกว่า ชีวิตภายในของตนว่างเปล่าและไม่มีความหมายอะไรเลย เพราะเขาเผชิญหน้ากับการดูถูกดูหมิ่นของเพื่อนบ้านวันแล้ววันเล่า  รู้สึกอยู่โดดเดี่ยวและไม่มีเพื่อน 

ชีวิตของเราในปัจจุบันนี้เป็นอย่างไร  เมื่อมองดูภายนอก ดูเหมือนว่า ไม่มีอะไรที่ขัดสน การกิน การอยู่ของเราดีขึ้นมากที่เดียวถ้าเปรียบเทียบกับบรรพบุรุษของเรา  แต่ถ้ามองดูภายใน เราก็จะเห็นภาพอีกอย่างหนึ่ง   ชีวิตภายในของคนส่วนใหญ่ในปัจุบันนี้ก็ว่างเปล่าและไม่มีความหมายด้วย  ตกงาน หรือล้มเหลวในการทำธุรกิจ  ทำให้หลายคนกำลังทนทุกข์ทรมานเพราะสภาวะจิตใจซึมเศร้า รู้สึกไม่มีใครเข้าใจตนเอง  ขาดเพื่อนที่แท้จริง  แม้แต่คริสเตียนบางคนก็เป็นเช่นนั้น   แล้วชีวิตภายในของคุณเป็นเช่นไร  

 

2.         การพบพระเยซู (19.3-6 )

ก่อนหน้านั้น ศักเคียสเคยได้ยินกิตติศัพท์เรื่องของพระเยซูว่า พระองค์ทรงช่วยรักษาคนป่วยต่างๆ ได้เป็นเพื่อนกับคนบาปและคนที่หลายคนคิดว่าต่ำต้อย แต่ยังไม่มีโอกาสที่จะพบพระองค์ 

วันหนึ่งได้ข่าวว่า พระเยซูกับสาวกของพระองค์กำลังเดินทาง ผ่านสวนองุ่นของเมืองเยรีโค  เขามีความปรารถนาที่จะพบพระเยซู  ในข้อ 3 บอกว่า “ศักเคียสพยายามจะดูให้เห็นพระเยซูว่า พระองค์เป็นผู้ใด...” ที่เขาอยากจะเห็นพระเยซู ก็เพราะเขารู้ตัวเองว่า  ชีวิตของตนไม่น่าเป็นอย่างนี้ต่อไป  อยากให้มีการเปลี่ยนแปลงบ้าง เพราะฉะนั้น เมื่อเขาได้ข่าวว่า พระเยซูกำลังเสด็จผ่านเมืองไป เขาก็มาหาเพื่อจะเห็นพระเยซู

ชีวิตเรามีปัญหาหรือไม่นั้น ไม่เป็นเรื่องใหญ่  แต่การที่ไม่รู้ว่า ตนมีปัญหานั่นแหละเป็นเรื่องใหญ่   คนที่รู้ตัวเองก็มักจะไปหาพระเยซู  แต่คนที่ไม่รู้ตัวเองก็ไม่สนใจในพระเยซู ไม่ได้มาโบสถ์

            ศักเคียสอยากจะเห็นพระเยซู แต่ไม่เห็น เพราะมีอุปสรรคสองอย่าง หนึ่ง มีคนแน่นเกินไป  สอง เขาเป็นคนเตี้ย ถึงอย่างไรก็ตาม เขาไม่ยกเลิกที่จะเห็นพระเยซู  ในข้อ 4 บอกว่า “เขาจึงวิ่งไปข้างหน้า ขึ้นต้นมะเดื่อ เพื่อจะได้เห็นพระองค์ เพราะว่าพระองค์จะเสด็จไปทางนั้น”แสดงว่าเขามีความจริงจัง ตั้งใจที่จะเห็นพระเยซูจริงๆ 

            การที่เรามาเชื่อพระเยซูคริสต์นั้น คงไม่ง่าย   บางคนสนใจเรื่องพระเยซู แต่ไม่มีเวลาที่จะมาโบสถ์  ไม่ว่าง มีธุระเยอะ  นี่ก็เป็นอุปสรรคสำหรับเขา  บางคนสนใจ แต่กลัวว่า ถ้าเชื่อพระเยซูแล้ว พระองค์ให้ทำสิ่งที่ตนไม่อยากทำหรือไม่  บางคนก็อยากจะเชื่อพระเยซู แต่กลัวว่า คนอื่นๆอาจไม่ชอบ หรือไม่เห็นด้วย  สิ่งเหล่านี้ก็เป็นอุปสรรค   เราจำเป็นต้องเอาชนะอุปสรรค์เหล่านี้  อุปสรรค์เหล่านี้กลายจะเป็นอุปกรณ์สำหรับชีวิตของเราได้ 

            ถึงแม้ว่า ศักเคียสรู้ตัวเองและตั้งใจที่จะเห็นพระเยซูจริงๆ แต่ถ้าหากพระเยซูเสด็จผ่านไปเรื่อยๆ โดยไม่สนใจเขา เขาก็คงไม่มีโอกาสที่จะพบพระเยซู  แต่เมื่อเราอ่าน ข้อ 5 เราก็รู้สึกชื่นใจด้วย  “เมื่อพระเยซูเสด็จมาถึงที่นั่น พระองค์ทรงแหงนพระพักตร์ดูศักเคียสแล้วตรัสแก่เขาว่า ศักเคียสเอ๋ย จงรีบลงมา เพราะว่าเราจะต้องพักอยู่ในตึกของท่านวันนี้”   พระเยซูเสด็จผ่านไปเรื่อยๆ โดยสนทนากับผู้คนมากมายที่ตามพระองค์ไป แต่พระองค์ทรงสนพระทัยศักเคียส และยินดีที่จะ

เป็นเพื่อนของศักเคียส  แท้จริงศักเคียสไม่ได้คาดหวังว่า จะมีโอกาสพบและพูดคุยเป็นส่วนตัวเช่นนี้ เพียงแต่อยากเห็นว่า พระองค์เป็นผู้ใด  แต่พระเยซูทรงโปรดประทานพระคุณเกินความคาดหวังของเขา 

            พระเยซูผู้ทรงสนพระทัยศักเคียสและเสด็จมาหาเขา และพระองค์ก็สนพระทัยคุณและเสด็จมาหาคุณในวันนี้ด้วยเช่นกัน   พระองค์ทรงเรียกชื่อคุณอยู่  วันนี้ผมอยากให้พี่น้องทุกคนได้ยินคำเรียกของพระเยซู 

            เมื่อพระเยซูตรัสเรียกชื่อ..ศักเคียส..เช่นนี้ เขาก็ตอบสนองทันที  ในข้อ 6 กล่าวไว้ว่า “แล้วเขาก็รีบลงมาต้อนรับพระองค์ด้วยความปรีดี”   การพบกันของศักเคียสกับพระเยซูได้เกิดขึ้น และกลายเป็นความจริงแล้ว   ศักเคียสได้พบพระเยซูฝ่ายบุคลิกภาพของเขาและต้อนรับเชื่อพระองค์

3.         ชีวิตหลังเชื่อพระเยซู 

            เมื่อศักเคียสเชื่อพระเยซูแล้ว มีอะไรเกิดขึ้น  เราเห็นชัดว่า มีการเปลี่ยน แปลงเกิดขึ้น   ศักเคียสไม่ได้พยายามที่จะเปลี่ยนแปลงชีวิตของตน แต่ได้ประสบการเปลี่ยนแปลงที่ได้เกิดขึ้นในชีวิตของตน  หมายความว่า พระเยซูทรงเปลี่ยนชีวิตของศักเคียสอย่างสิ้นเชิงเป็นเหมือนคนละคน 

เมื่อเราสังเกตุพระวจนะของพระเจ้าในวันนี้ การเปลี่ยนแปลงที่ได้เกิดขึ้นกับศักคียสนั้น มีสองอย่าง หรือสองด้าน

            ประการแรก  พระเยซูทรงเปลี่ยนฐานะของเขา คือทรงเปลี่ยนคนบาปให้เป็นลูกของอับราฮัม  เป็นการเปลี่ยนแปลงชีวิตภายใน  ในข้อ 9 กล่าวว่า “วันนี้ความรอดมาถึงครอบครัวนี้แล้ว เพราะว่าคนนี้เป็นลูกของอับราฮัมด้วย”   ฐานะเดิมของเขา คือ คนบาป  ทุกคนในหมู่บ้านคิดเช่นนี้ ในข้อ 7 บอกว่า “เมื่อคนทั้งหลายเห็นแล้ว เขาก็พากันบ่นว่า พระองค์เข้าไปพักอยู่กับคนบาป”  ศักเคียสเองก็รู้ตัวเองว่า ตัวเองเป็นคนบาป  ความรู้ถึงตัวเองเช่นนี้ทำให้รู้สึกหิวกระหายฝ่ายจิตวิญญาณ  เดี๋ยวนี้เขาได้รับความรอดแล้ว เป็นการเปลี่ยนแปลงอันยิ่งใหญ่สุดในชีวิตของเขา

            การเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นเมื่อเราเชื่อพระเยซูนั้นไม่ใช่เป็นการเปลี่ยนแปลงทางศีลธรรมหรือจริยธรรม แต่เป็นหัวใจของเรา   เป็นการเปลี่ยนชีวิตภายในของเรา        เพราะการเปลี่ยนแปลงทางจริยธรรมเป็นส่วนหนึ่งเท่านั้น   พระวจนะของพระเจ้าไม่ได้บอกเราให้เป็นคนดีเท่านั้น   มีใครบ้างหรือที่ไม่ได้ดำเนินชีวิตด้วยความดี  เพราะไม่รู้จักความจำเป็นที่จะดำเนินชีวิตด้วยความดี   ความจริงคือ...รู้แต่ทำไม่ได้.. อยากเป็นคนดี แต่ไม่ได้เป็นคนดีเท่าที่ควร ก็เพราะมีอะไรในใจของเราที่ทำให้เราไม่สามารถที่จะดำเนินชีวิตด้วยความดี  พระเยซูทรงรักษาจิตวิญญาณของเรา ทำให้เราทำได้สิ่งที่เราเคยทำไม่ได้ด้วยกำลังของเราเอง  พระองค์ทรงรักษาชีวิตของเรา ทรงรักษาชะตากรรมของเรา และทรงรักษาชีวิตของเราจากภายใน  นี่คือความรอด ซึ่งมาถึงเราจากเบื้องบน

            เราเคยทำตามอำเภอใจและดำเนินอยู่ในความมืด  แต่พระเยซูทรงย้ายชีวิตของเราจากความมืดมาสู่ความสว่าง  พระองค์ทรงเปลี่ยนฐานะของเราจากลูกของความมืดมาเป็นลูกของความสว่าง  เราจึงได้รอดพ้นจากอำนาจของผีมารซาตานมาเป็นลูกของพระเจ้า  เราไม่ได้กลัวผีมารซาตานอีกต่อไป  ฐานะของเราได้ถูกเปลี่ยนไปแล้ว 

 

            ประการที่สอง  ชีวิตภายนอกของศักเคียสก็ถูกเปลี่ยนไปด้วย   ข้อ 8 ได้กล่าวว่า “ฝ่ายศักเคียสยืนทูลองค์พระผู้เป็นเจ้าว่า ดูเถิด พระเจ้าข้า ทรัพย์สิ่งของของข้าพระองค์ ข้าพระองค์ยอมให้คนอนาถากึ่งหนึ่ง และถ้าข้าพระองค์ได้ฉ้อโกงของของผู้ใด ข้าพระองค์ยอมคืนให้เขาสี่เท่า” พระเยซูไม่ได้สั่งให้เขาทำอย่างนี้ทำอย่างโน้น แต่เขาตัดสินใจและพูดเอง  เข้าใจว่า ศักเคียสเองคงตกใจด้วยที่เขาพูดเช่นนั้น  เพราะเขารู้ตัวเองว่า ตัวเองไม่ได้เป็นคนเช่นนั้น  ไม่ได้เป็นคนที่มีน้ำใจเช่นนี้ มีแล้วแต่อยากมีอีก  เป็นคนโลภ และคิดเสมอตนเองขัดสน  เก็บภาษีเกินกำหนดตามกฎหมายเพื่อจะเอาส่วนที่เหลือมาเป็นของตนเอง  แต่เมื่อพบพระเยซู ผู้ทรงรักเขาและรับเขาตามสภาพของเขา ชีวิตภายนอกของเขาก็ได้ถูกเปลี่ยน ไปด้วย   นี่แหละ พระเยซูเรียกว่า ความรอด  หลังจากศักเคียสได้บอกกับพระองค์เช่นนี้ พระเยซูตรัสว่า“วันนี้ความรอดมาถึงครอบครัวนี้แล้ว...”  ความรอดนั้นไม่ใช่เป็นสิ่งที่เราได้ด้วยความพยายามของเรา แต่เป็นสิ่งที่มาถึงแก่เรา และมาถึงแก่ครอบครัวของเราด้วย

            เมื่อฐานะของเราถูกเปลี่ยนไป เราก็ควรดำเนินชีวิตที่สมกับฐานะใหม่  เราได้เป็นลูกของความสว่าง เราควรดำเนินชีวิตอย่างเป็นลูกของความสว่าง  เราได้เป็นบุตรของพระเจ้าแล้ว เราควรดำเนินชีวิตตามพระวิญญาณบริสุทธิ์โดยการยกเลิกที่จะสนองตอบความต้องการของเนื้อหนัง 

            ขอให้เรารู้ว่า พระเยซูได้ทรงเปลี่ยนแปลงฐานะของเราแล้ว  ถ้าผู้ใดอยู่ในพระคริสต์ ผู้นั้นก็เป็นคนที่ถูกสร้างใหม่แล้ว สิ่งสาระพัดที่เก่าๆ ก็ล่วงไป นี่แน่ะกลายเป็นสิ่งใหม่ทั้งนั้น (2 โครินธ์ 5.17)  ไม่ใช่ดีขึ้น แต่ได้ถูกเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง  เราได้รับการเปลี่ยนแปลงเช่นนี้ แต่คริสเตียนบางคนไม่ค่อยรู้ ทำให้เขายังดำเนินชีวิตตามเนื้อหนัง  เมื่อเรารู้แล้วว่า พระเยซูได้ทรงเปลี่ยนแปลงชีวิตภายในของเราแล้ว  ขอให้ดำเนินชีวิตที่สมกับฐานะใหม่   จงถอดเสื้อชุดเก่า และสวมเสื้อชุดใหม่ที่พระเยซูทรงตัดให้กับเรา  ...ขอพระเจ้าอวยพระพรทุกท่าน

 




Map - Introduce

แนะนำร้านหนังสือคริสเตียนอื่นๆ article
แผนที่ศูนย์ทีรันนัส article



Copyright © 2010 All Rights Reserved.